"มากันแล้วเหรอคะ ทานอะไรกันมาหรือยังคะลูก อาหารยังไม่เสร็จเลยค่ะ" วรินทรรีบเดินมาหาลูกชายกับว่าที่ลูกสะใภ้ของตัวเองก่อนจะยกยิ้มเอ็นดูเมื่อเห็นคนตัวเล็กยกมือไหว้
"ทานรองท้องมาแล้วค่ะ" อรรัมภาเอ่ยตอบก่อนจะเดินตามแรงดึงของวรินทร หล่อนดึงแขนว่าที่ลูกสะใภ้ให้เดินตาม ทิ้งลูกชายให้เดินมาเองโดยไม่สนใจเลยสักนิด
"แด๊ดไปไหน" บอสตันถาม ขณะกวาดตามองรอบ ๆ บ้าน
"ออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว" วรินทรเอ่ยตอบลูกชายก่อนจะหันมายิ้มให้อรรัมภาแล้วส่งมือไปลูบศีรษะเล็กอย่างเอ็นดู "เป็นยังไงคะ มัมได้ข่าวจากตาปอร์เช่ว่าหนูย้ายไปอยู่กับพี่บอสแล้ว"
"อ่า… ใช่ค่ะ" อรรัมภาพยักหน้ารับด้วยใบหน้าที่เริ่มขึ้นสี
"แล้วเป็นยังไงคะ โอเคไหม"
"ก็… โอเคค่ะ" อรรัมภาพยักหน้า จะให้บอกได้ยังไงว่าเขินลูกมัมจะตายแล้วค่ะน่ะ…
"ดีแล้วค่ะ ถ้าพี่บอสแกล้งบอกมัมได้เลยนะ เดี๋ยวมัมจัดการให้"
"ได้ค่ะ" หญิงสาวรีบพยักหน้ารับทันที ก่อนจะหันไปมองบอสตันด้วยท่าทีเหนือกว่าจนคนตัวสูงได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
"ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลย นี่มัมไปหาฤกษ์มาแล้วค่ะ" วรินทรตีแขนลูกชาย บอสตันเลิกคิ้ว
"ไปหามาจากที่ไหน"
"ไม่บอกหรอก มัมได้ฤกษ์ดี ๆ มาสามฤกษ์ค่ะ" วรินทรว่าแล้วหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อเปิดฤกษ์ที่หาได้ให้ทั้งสองดู "นี่นะคะ จริง ๆ ฤกษ์ที่เร็วที่สุดคืออาทิตย์หน้า แต่มัมว่ามันเร็วไป ส่วนอีกอันก็ปีหน้าเลย อันนี้มัมก็ว่าช้าไปอีก มัมว่าฤกษ์นี้ดีที่สุดแล้วค่ะ เป็นปลายเดือนหน้า"
เมื่อได้ยินดังนั้นทั้งอรรัมภาและบอสตันก็พยักหน้าเห็นด้วย ฤกษ์หนึ่งก็เร็วไป ฤกษ์หนึ่งก็ช้าไป เดือนหน้านี่ดูจะเข้าเค้ามากที่สุดแล้วละ
"แล้วแบบนี้จะจัดงานทันเหรอคะ" อรรัมภาถาม เพราะปกติแล้วการเตรียมงานแต่งต้องใช้เวลาหลายเดือน แล้วนี่แค่เดือนเดียว มันไม่เร็วไปใช่ไหมเนี่ย
"ทันสิคะ เหลือเฟือเลย" วรินทรเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
"ก็ตามนั้นแหละ" บอสตันเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ระดับมัมของเขาแล้วงานแต่งแค่นี้ไม่น่ามีปัญหา
"เดี๋ยวเรื่องงานมัมจัดการให้เอง น้องมิ้มอยากได้ประมาณไหนบอกมาได้เลยนะคะ เดี๋ยวมัมหาออร์กาไนเซอร์ได้แล้วจะบอกค่ะ ส่วนเรื่องชุดพี่บอสพาน้องไปเลือกได้เลย" ประโยคสุดท้ายวรินทรหันไปสบตากับลูกชาย บอสตันพยักหน้ารับคำแม่ตัวเอง
จากนั้นแม่บ้านเดินก็เข้ามาบอกกับคุณหญิงของบ้านว่าอาหารพร้อมแล้ว และหลังจากที่ทานอาหารเสร็จวรินทรก็พูดถึงสวนดอกไม้ด้านหลังบ้าน บอสตันจึงพาอรรัมภามาดู หญิงสาวมองสวนดอกไม้ที่ส่วนใหญ่เป็นดอกกุหลาบด้วยดวงตาเป็นประกาย ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา
"ชอบไหมคะ" บอสตันหันมาถามคนที่ยืนอยู่ข้างกัน
"ชอบค่ะ สวยจัง" อรรัมภาพยักหน้ารับก่อนจะหันไปมองคนที่จ้องตัวเองอยู่ "มองอะไรคะ"
"รู้ไหมคะ" อะไรอีกล่ะนั่น… "น้องมิ้มเคยบอกว่าไม่ชอบกุหลาบเพราะกลิ่นมันเหม็น"
อรรัมภานิ่งค้างด้วยความตกใจ ก่อนจะคิดว่า อีกแล้วเหรอ… นี่เธอโป๊ะอีกแล้วเหรอ
หากแต่ท่าทีของบอสตันนั้นกลับไม่ได้ดูสงสัยหรือโกรธเคืองเลยสักนิด ทำเอาเธอต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
"พี่รู้อะไรมาเหรอคะ" เธอถาม
"ก็อาจจะรู้"
"..."
"ว่าน้องมิ้มคนนั้นไม่อยู่แล้วค่ะ"
"..."
"ส่วนมิ้มคนนี้มาได้ยังไง อันนี้พี่ไม่รู้"
ได้ยินแบบนั้นอรรัมภาก็ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ นั่นสินะ เธอบอกทุกอย่างกับทักษอรไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นบอกบอสตันด้วยอีกสักคนก็คงจะไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้คนตัวสูงฟังเหมือนกับที่เล่าให้เพื่อนสาวฟัง ซึ่งบอสตันเองก็ได้แต่ยืนฟังอย่างเงียบ ๆ
"พี่โอเคไหมคะ มิ้มขอโทษนะ…" เมื่อเล่าจนจบอรรัมภาก็เอ่ยถามอีกคนเสียงเบา
"ขอโทษอะไรคะ" บอสตันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มเมื่อเห็นว่าอีกคนหน้าหงอย
"ขอโทษที่เข้ามาแทนที่มิ้ม"
"ทำไมคิดแบบนั้นคะ" บอสตันว่า พลางรั้งคนตัวเล็กเข้ามาใกล้แล้วกอดเอวไว้หลวม ๆ อรรัมภาเงยหน้ามองเขาด้วยใบหน้าที่หงอยจนน่าเอ็นดู "น้องมิ้มก็ไม่รู้ไม่ใช่เหรอว่าจะได้มาที่นี่"
"ค่ะ" อรรัมภาพยักหน้า
"พี่บอสไม่ได้โกรธ ไม่ได้โทษเราเพราะพี่รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเราไม่ใช่น้องมิ้มคนเดิม"
"..."
"แล้วก็ไม่ต้องคิดว่าพี่แต่งงานเพราะพี่ชอบน้องมิ้มด้วยล่ะ" คนตัวสูงเอ่ยอย่างรู้ทัน
"แล้วไม่ใช่เหรอคะ" อรรัมภาเอ่ยแย้งออกไปอย่างที่ใจคิด
"ก็ถ้าหมายถึงน้องมิ้มคนนี้ก็คงใช่ค่ะ" บอสตันกระชับกอดเข้ามาจนใบหน้าเล็กชิดกับอกแกร่ง "จริง ๆ พี่ลืมเล่าอะไรไปอย่างหนึ่ง"
"อะไรเหรอคะ" อรรัมภาเลิกคิ้ว
"วันนั้นน้องมิ้มบอกพี่"
"..."
"ว่าเนื้อคู่พี่กำลังจะมา"
ประโยคนั้นทำเอาอรรัมภาถึงกับเงยหน้าขึ้นมองอีกคนทันที บอสตันก้มลงมามองเธอใกล้ ๆ แล้วเอ่ยถาม
"น้องมิ้มคิดว่ายังไงคะ"
"คิดอะไรคะ ! ไม่คิด ปล่อยเลย !" อรรัมภารีบดิ้นออกจากอ้อมกอดของอีกฝ่ายทันที ซึ่งบอสตันก็ยอมปล่อยอย่างว่าง่าย หากแต่ยังไม่วายแซวเธอ
"หน้าแดงนะคะน้องมิ้ม"
"พอเลยค่ะ !"
เสียงโต้เถียงของเด็กทั้งสองคนทำเอาวรินทรและเหล่าแม่บ้านที่แอบมองอยู่ไกล ๆ ได้แต่ยิ้มด้วยความสุขใจ ในตอนแรกก็กังวลกันแทบแย่ว่าทั้งสองคนจะเข้ากันได้หรือเปล่า เพราะอรรัมภาที่ทุกคนเคยเจอนั้นมีนิสัยนิ่งเงียบ ส่วนบอสตันเองก็นิ่งเงียบไม่แพ้กัน
ทว่าดูเหมือนว่าตอนนี้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปแล้วสินะ… ความสดใสของอรรัมภาที่เพิ่มขึ้น ทำให้บอสตันพลอยยิ้มเยอะขึ้นไปด้วย
ตลอดทั้งวันหลังจากที่พูดคุยกับวรินทรจนพอใจแล้วท้ังบอสตันและอรรัมภาก็ขอตัวกลับมาที่เพนต์เฮาส์ เนื่องด้วยบอสตันยังมีงานที่ต้องเคลียร์ ส่วนอรรัมภาก็ยังไม่ทันได้จัดของให้เสร็จดี ตอนนี้หญิงสาวจึงมานั่งแยกของที่เอามาจากบ้านโดยมีบอสตันนั่งอ่านงานในแท็บเล็ตอยู่ไม่ไกล
อรรัมภานั่งแยกเสื้อผ้าไปพลางร้องเพลงไปพลางจนบอสตันต้องลอบมอง นัยน์ตาคู่คมมองพวงแก้มที่ยกขึ้นยกลงตามจังหวะการขยับตัวของคนตัวเล็ก
"แก้มกลมนะคะน้องมิ้ม" เขาว่า ทำเอาดวงตากลมโตของอรรัมภาตวัดมองมาอย่างไม่พอใจ
“นี่พี่บอสจะว่ามิ้มอ้วนเหรอคะ"
"ไม่ได้พูดสักคำค่ะ" บอสตันไหวไหล่ก่อนจะก้มลงอ่านเอกสารต่อ
"เมื่อกี้ไงคะ" อรรัมภายกไม้แแขวนเสื้อขึ้นมาชี้หน้าคนตัวสูงอย่างไม่ยอมแพ้ บอสตันลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ด้วยกลัวว่าจะทำงานไม่เสร็จเพราะมัวแต่กวนคนตัวเล็ก เธอรีบเอ่ยถามคนที่ลุกหนีตัวเองทันที "จะไปไหนคะพี่บอส !"
เสียงเล็กแแหวทันทีเมื่อคนตัวสูงปิดประตูห้องนอนใส่หน้าด้วยรอยยิ้มยียวน
"ฮึ่ย !"
หลังจากนั่งแยกของที่เอามาจนเสร็จ อรรัมภาก็จัดเสื้อผ้าเข้าตู้ที่บอสตันแบ่งฝั่งเอาไว้ให้ เสื้อผ้าของเธอนั้นมีไม่เยอะมาก ส่วนใหญ่จะเป็นของสำคัญที่ต้องเอามาด้วยมากกว่า เมื่อจัดเสื้อผ้าจนเสร็จเธอก็ทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนที่สายตาจะหันไปเห็นกล่องเล็ก ๆ กล่องหนึ่งที่วางไว้ข้างกระเป๋าเดินทาง มือเล็กหยิบกล่องสีชมพูอ่อนขึ้นมาก่อนจะเปิดออก
"เอ๊ะ สร้อยเหรอ" อรรัมภาพึมพำขณะมองสร้อยสีเงินที่มีจี้รูปหัวใจคล้ายจะเป็นคริสตัลเล็ก ๆ ยามกระทบกับแสงไฟแล้วระยิบระยับจนสะท้อนนัยน์ตาของเธอ "สวยจัง สร้อยอะไรเนี่ย"
เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย… แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก เพราะฉะนั้นเก็บไว้ที่เดิมแล้วไปอาบน้ำดีกว่า ไม่รู้ว่าคนที่นั่งอยู่ข้างนอกนั่นจะแกล้งอะไรเธออีก
มิ้มเหนื่อย !