“ถ้ารอบนี้มึงไม่ไปอีก กูโดนแม่บ่นหูชาแน่!”
เสียงติดรำคาญบ่นออกมาอย่างเอือมระอา ใบหน้าหล่อหันมองคนที่หน้าตาละม้ายคล้ายกัน ก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกพร้อมจ้องด้วยสายตาเอาเรื่อง
“ตกลงจะไปไหมไอ้ทัพ เงียบทำห่าอะไรของมึง”
‘นำทัพ’ พ่อเลี้ยงทรงอิทธิพลเจ้าของไร่ชาขนาดใหญ่ที่สุดในเชียงรายชำเลืองสายตามองน้องชายฝาแฝดตรงหน้า
“รำคาญว่ะไอ้ขุน!”
ร่างสูงกำยำของ ‘ขุนพล’ รีบปรี่เข้ามาหาพี่ชายที่เกิดก่อนแค่ไม่กี่นาทีด้วยความไม่สบอารมณ์
“รำคาญมึงก็ไปดูตัวสักที กูไปสืบมาแล้วผู้หญิงคนนั้นก็ไม่เลวนะ การศึกษาดี หน้าตาพอใช้ได้”
“เมื่อไหร่?”
ขุนพลยกยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจออกมาเมื่อพี่ชายคนเดียวของตนยอมใจอ่อนไปดูตัวผู้หญิงที่แม่ของเขาทาบทามไว้ให้
“พรุ่งนี้ ที่โรงแรมในเชียงราย”
“กูหมายถึงมึงจะหยุดแหกปากเมื่อไหร่”
“อ้าวไว้เวรนี้! มึงไม่ได้มาโดนแม่บ่นหนิ กูต่างหากที่ต้องรับหน้าแทน”
“สมน้ำหน้า เสือกฟ้องแม่เรื่องของกูนัก เอาตัวมึงให้รอดก่อนเถอะไอ้ขุน ไอ้น้องเวร!”
แฝดคนน้องถึงกับอ้าปากค้างกับคำพูดคำจาหมาไม่แดกของพี่ชาย นี่คงเป็นเหตุผลที่คนตรงหน้าไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าเข้าใกล้ เพราะเล่นด่ากราดเขาไปทั่ว
“หลบดิวะ! มายืนล่อตีนกูอยู่ได้”
นำทัพพ่นลมหายใจฟึดฟัดออกมาด้วยความหงุดหงิดใจ ร่างสูงเดินลงมาจากตัวบ้านไปขึ้นรถที่จอดรออยู่
“ออกรถ”
คนขับรถประจำไร่รีบวิ่งมานั่งประจำตำแหน่งคนขับ ล้อรถเคลื่อนออกจากไร่ชาเพื่อมุ่งหน้าไปสำนักงานใหญ่ในเมืองเชียงราย ใบหน้าหล่อหันมองสองข้างทางด้วยความเหนื่อยล้าจากการทำงาน
“พ่อเลี้ยงจะพักทานอะไรก่อนไหมครับ”
“ไม่”
“ไม่ทานอะไรรองท้องสักหน่อยเหรอครับ”
“ไม่”
“แต่อีกนานกว่าจะเข้าเมือง ผมกลัวว่าพ่อเลี้ยงจะหิว”
ไม่มีเสียงตอบ นอกจากสายตาดุส่งมาผ่านกระจกหน้า ชายผิวเข้มที่ทำงานกลางแสงแดดร้อนๆ รีบก้มหน้าขอโทษเจ้านายหนุ่มแทบไม่ทัน
“อย่าพูดมากอย่าจุ้นจ้านได้ไหม รำคาญ!”
เพียงแค่นั้น ภายในรถก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ดวงตาคู่คมปิดลงเพื่อพักสายตา สองมือสอดเข้าด้วยกันแล้วนำมาตั้งไว้บนหน้าตัก
เอี๊ยดดดดด!
โครม!!
เสียงล้อรถเบียดถนนดังสนั่น พร้อมกับเสียงรถโดนกระแทกด้วยความรุนแรง ชายหนุ่มรีบลืมตาขึ้น เขาเปิดประตูลงไปดูพร้อมกับคนขับ
ชาวบ้านในพื้นที่ต่างมารุมล้อมดูเหตุการณ์ นำทัพฝ่าผู้คนเข้าไปก็พบกับร่างผู้หญิงที่นอนหมดสติจมกองเลือดอยู่หน้ารถของเขา
ณ โรงพยาบาล
ดวงตาคู่คมทอดมองประตูห้องผ่าตัด ก่อนจะก้มหน้าลงดูคลิปวิดีโอจากกล้องหน้ารถที่บันทึกเหตุการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
ผู้หญิงปริศนาคนนี้เหมือนวิ่งหนีอะไรมาสักอย่าง เธอจงใจที่จะกระโดดมาชนรถของเขา
แม่งเอ๊ย!
“ญาติคนไข้ครับ”
เสียงเรียกของหมอเดินออกมาจากห้องผ่าตัดเรียกความสนใจจากพ่อเลี้ยงหนุ่มให้หันไปมอง ร่างสูงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมสาวเท้าเข้าไปหาด้วยใบหน้าหงุดหงิด
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงบ้างครับ”
“ตอนนี้ปลอดภัยแล้วครับ หากตรวจอาการแล้วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง คงจะสามารถย้ายไปห้องพักฟื้นได้ครับ”
“ขอบคุณครับ”
หลายชั่วโมงที่นำทัพต้องมานั่งเฝ้าคนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ใบหน้าหล่อจ้องมองหญิงสาวคนนั้นตาขวางด้วยความโกรธเคือง
ตื่นมาเมื่อไหร่โดนเขาด่ากราดแน่!
ลุงคนขับรถชะเง้อหน้าดูอาการเด็กสาวบนเตียงก่อนจะรีบหันไปหาเจ้านายเมื่อเห็นเธอลืมตาขึ้นมา
“พ่อเลี้ยงครับ เธอฟื้นแล้ว”
ร่างกำยำลุกขึ้นจากโซฟา ยืนกอดอกมองตัวปัญหาที่ทำให้เขาต้องมาซวยและเสียเวลาแบบนี้
“ตื่นแล้วก็ดี ลุกขึ้นมาคุยกันหน่อย!”
ดวงตาคู่สวยกะพริบตาถี่เพื่อปรับแสงที่ระคายเคือง เธอถูกคนตรงหน้าดึงตัวให้ลุกขึ้นจนต้องร้องครางออกมาด้วยความเจ็บ
ป่าเถื่อนที่สุด!
“ฉันเจ็บนะคะ!”
“เพิ่งมารู้สึกเจ็บเหรอ! ทีตอนมากระโดดใส่หน้ารถฉันทำไมไม่เจ็บวะ สิ้นคิดฉิบหาย!”
คำหยาบคายกระแทกใส่หน้าจนคนตัวเล็กบีบมือเข้าหากันแน่นด้วยความกลัว เธองุนงงไปหมดเมื่อเขาพูดแบบนั้นออกมา
“กระโดดใส่หน้ารถเหรอคะ?”
“ก็เออนะสิ! ถ้าอยากตายมากทำไมต้องมาเลือกรถฉันด้วย!”
“ใจเย็นๆ ครับพ่อเลี้ยง”
ลุงคนขับรถประจำไร่รีบเอ่ยห้ามพ่อเลี้ยงหนุ่มที่ระเบิดอารมณ์โกรธออกมาแบบนั้น เขาหันมองเด็กสาวร่างเล็กที่นั่งตัวสั่นเทาด้วยความตกใจกับเสียงตวาดดังลั่นของเจ้านาย
“หรือเป็นมิจฉาชีพ มากระโดดใส่หน้ารถฉันเพราะต้องการเงินใช่ไหม”
ใบหน้าสวยส่ายหน้าไปมารัวเร็ว เธองุนงงไปหมดเมื่อคนตรงหน้าพูดถึงการกระโดดใส่หน้ารถ มือเล็กรีบยกขึ้นกุมศีรษะตัวเองแน่นเมื่อเกิดอาการเจ็บแปลบขึ้นมา
“เล่นละครอะไรอีก!”
“ปวดหัวค่ะ”
“เหอะ จะเสแสร้งแกล้งเจ็บเพื่อเรียกค่าเสียหายเพิ่มใช่ไหม เธอนี้มันเหลือเชื่อจริงๆ”
นำทัพกอดอกมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความโกรธเคืองและจับผิด เขาหัวเสียไม่ใช่น้อยที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้
“เอ่อ หนูชื่ออะไรเหรอแล้วบ้านอยู่ที่ไหน”
ลุงคนขับรถประจำไร่รีบเอ่ยถามร่างบอบบางบนเตียงด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะเห็นเธอส่ายหน้าไปมาเป็นคำตอบ
“หนูไม่รู้”
“อยากตายเหรอมาตอบกวนตีนแบบนี้!”
“คุณหยุดตะคอกได้ไหม!”
คนตัวเล็กตวาดกลับด้วยความโกรธเคืองไม่แพ้กัน อยู่ๆ จิตใต้สำนึกก็บอกให้เธอโต้ตอบออกไปจนลืมความกลัว ก่อนจะเห็นร่างสูงถลึงตาดุใส่
“งั้นก็บอกมาชื่ออะไร บ้านอยู่ไหนจะได้ให้ญาติมารับ ฉันคงไม่มานั่งเฝ้าเธอได้ทั้งวันหรอกนะ”
“ไม่รู้ค่ะ หนูจำอะไรไม่ได้เลย”
เธอส่ายหน้าไปมาก่อนจะเจ็บแปลบที่ศีรษะจนต้องกุมขมับตัวเองแน่นอีกครั้ง น้ำตาสีใสไหลออกมาเมื่อความรู้สึกเจ็บสาดเข้าใส่อย่างรุนแรง
“โธ่เว้ย! ลุงไปตามหมอมาก่อนที่ฉันจะฆ่าผู้หญิงคนนี้ทิ้งคามือ!”
“ครับ ใจเย็นๆ นะพ่อเลี้ยง”
“เนื่องจากสมองได้รับการกระทบกระเทือนด้วยความรุนแรง อาจทำให้คนไข้สูญเสียความทรงจำชั่วคราว”
สิ้นเสียงนั้นของหมอประจำไข้ทำเอาพ่อเลี้ยงหนุ่มเจ้าของไร่ชาต้องหัวเสียมากกว่าเดิมหลายเท่า เขาหันสายตามองคนที่นั่งบนเตียงด้วยความหงุดหงิด
“แม่ง ซวยฉิบหาย”
“อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นครับหากคนไข้ได้สัมผัสถึงสถานที่เดิมๆ หรือเห็นคนรู้จักที่สนิทด้วย ซึ่งก็อาจจะช่วยฟื้นความทรงจำได้ดี”
คำแนะนำของหมอทำเอาร่างสูงทรุดนั่งบนโซฟาด้วยความไม่สบอารมณ์ ทันทีที่เหล่าพยาบาลและหมอเดินออกไป ชายหนุ่มรีบยกมือขึ้นเรียกลุงคนขับรถให้เข้ามาใกล้
“ลุงไปถามพยาบาลหน่อยว่าเห็นกระเป๋าหรือของมีค่าที่ติดตัวมาของผู้หญิงคนนั้นไหม”
“ได้ครับพ่อเลี้ยง”
“คุณขับรถชนฉันเหรอคะ”
คนตัวเล็กเอ่ยถามเมื่อเห็นบรรยากาศในห้องเงียบผิดปกติ เธอหวั่นใจไม่ใช่น้อยเมื่อลุงใจดีเดินออกไปจากห้อง ทิ้งไว้เพียงคนปากร้ายใจทรามที่นั่งจ้องอย่างกับจะฆ่ากันให้ตาย
“ยังกล้ามาถามอีก เธอเป็นคนกระโดดใส่หน้ารถฉัน”
“ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นคะ”
“ถามโง่ๆ ฉันจะไปรู้เธอเหรอ”
ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น เธอลอบมองคนตรงหน้าตาขวาง เขาหน้าตาดีอยู่หรอกแต่ปากร้ายเหลือเกิน ไม่น่าคบหาสมาคมหรือชวนให้เข้าใกล้เลยสักนิด
“คุณชื่ออะไรคะ”
“มาเสือกอยากรู้เรื่องของฉันทำไม!”
อ่า! ไม่น่าคบหาสมาคมด้วยจริงๆ
.
.
.