ร่างบอบบางบนเตียงคนไข้นั่งเม้มริมฝีปากอวบอิ่มของตัวเองแน่น เธอแอบหันใบหน้ามองชายหนุ่มบนโซฟาที่เพิ่งปากร้ายใส่มาหมาดๆ ด้วยความโกรธเคืองในใจ
“มีแต่กระเป๋าครับพ่อเลี้ยง”
ลุงคนขับรถประจำไร่เดินเข้ามาในห้องพร้อมกระเป๋าสตางค์สีชมพูหวานใบเล็ก มือหนาของพ่อเลี้ยงหนุ่มรีบเอื้อมไปหยิบ เพื่อสำรวจดูของข้างในใบหน้าหล่อคมคายต้องขมวดคิ้วอย่างหนักหลังเห็นเพียงแค่ธนบัตรสีเทาสองใบเท่านั้น ไร้บัตรแสดงตัวตนที่บ่งบอกถึงข้อมูลของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย
“ไม่เห็นมีอะไรเลยลุง”
“ทางพยาบาลบอกมีแค่นี้ครับ”
“เธอเป็นใครกันแน่”
เสียงราบเรียบเอ่ยถามด้วยความสงสัย นำทัพหันใบหน้าไปจ้องมองคนบนเตียงอย่างจับผิด
“จะเอายังไงต่อครับพ่อเลี้ยง หรือเราจะไปแจ้งตำรวจดีครับ”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นปรามลุงตรงหน้าเอาไว้ เขานั่งเงียบเพื่อใช้ความคิดเมื่อเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้น ผู้หญิงคนนี้จงใจมากระโดดใส่หน้ารถ แถมยังไม่มีร่องรอยของข้อมูลที่บ่งบอกถึงตัวตนอีกด้วย
“พาเธอกลับไร่เราก่อน”
“ครับ?”
“ผมไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ เดี๋ยวค่อยให้คนไปสืบหาประวัติผู้หญิงคนนี้”
“เอ่อ ได้ครับพ่อเลี้ยง”
คนตัวเล็กชะเง้อหน้ามองสองชายหนุ่มที่แอบกระซิบกระซาบคุยกัน ก่อนจะสะดุ้งตกใจกับแววตาดุจากร่างสูงที่จ้องกลับมา
ใบหน้าสวยรีบเกาะขอบกระจกรถมองสองข้างทางด้วยความสนใจ หลังออกจากโรงพยาบาลหญิงสาวก็ได้รับอนุญาตให้กลับไปรักษาตัวที่บ้าน เธอเลยจำใจต้องกลับมากับคนที่ไม่รู้จัก
“เราจะไปไหนกันคะ”
คนตัวเล็กหันมาถามชายหนุ่มข้างกายเมื่อมองเห็นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย รถยนต์ขับเคลื่อนขึ้นมาบนภูเขาลูกใหญ่ ร่างสูงของพ่อเลี้ยงหนุ่มไม่ตอบคำถาม แต่กลับชี้มือไปยังป้ายทางเข้า
‘ไร่ชา ดอยล้านทรัพย์’
“ไร่ชาเหรอคะ”
“อ่านภาษาไทยไม่ออกเหรอ”
นำทัพเอ่ยเสียงทุ้มแกมรำคาญตอบกลับไป ก่อนจะเห็นหญิงสาวยกมือขึ้นกอดอกแถมยังพองแก้มแสดงความไม่พอใจเนืองๆ ออกมา
ดื้อเงียบ!
“ฉันไม่น่าถามคุณเลย”
“ทีหลังก็ไม่ต้องถาม ไม่ต้องมาคุยด้วยเพราะฉันไม่อยากจะเสวนากับเธอ”
“ปากร้าย”
“เธอว่าใคร”
มือหนารีบกระชากแขนเล็กอย่างแรง ชายหนุ่มจ้องเขม็งคนตรงหน้าด้วยความกรุ่นโกรธ ยิ่งเห็นท่าทีดื้อเงียบของหญิงสาว เขายิ่งไม่พอใจ
“ใครปากร้ายก็รับไป”
“อยากตายหรือไง!”
นำทัพกระแทกเสียงใส่คนที่กล้ามาด่าเขาอย่างไม่เกรงกลัว ยิ่งเห็นคนตัวเล็กเชิดหน้าท้าทายเขายิ่งไม่ชอบใจ
“ทำไม! คุณจะฆ่าฉันเหรอ เอาเลยฆ่าเลยสิคิดว่ากลัวหรือไง”
“อย่ามาท้าทายฉันถ้าเธอยังอยากมีชีวิตอยู่”
“เก่งจริงๆ เลยนะขู่ผู้หญิงไม่มีทางสู้”
“ฉันไม่สนใจว่าเธอจะเป็นผู้หญิงหรือว่าอะไร แต่ถ้ากล้ามาต่อปากต่อคำกับฉันโดนไม่ใช่น้อยแน่”
หญิงสาวจ้องเขม็งคนตรงหน้าอย่างเอาเรื่องไม่แพ้กัน อย่าคิดว่ามาพูดแบบนั้นใส่แล้วคนอย่างเธอจะกลัวเขา
บอกเลยว่าไม่!
“ผู้ชายที่ชอบขู่รังแกผู้หญิงแบบนี้เขาเรียกว่าอะไรแล้วนะคะคุณลุง”
ลุงคนขับรถชะงักนิ่งไปโดยทันที เขาอ้ำอึ้งที่จะพูดประโยคนั้นออกมา ทำได้เพียงแค่เงียบปากเพราะเหลือบสายตามองจากกระจกหน้ารถแล้วเดาว่าผู้เป็นเจ้านายคงโมโหไม่ใช่น้อย
“จะลากคนอื่นมาช่วยด่าฉันทำไม อยากด่าว่าฉันหน้าตัวเมียขู่ผู้หญิงอย่างเธอก็พูดมาตรงๆ!”
“อ่า! ขอบคุณนะคะที่ช่วยบอกว่าคุณมีนิสัยหน้าตัวเมีย”
“ยัยบ้านี่!”
นำทัพหัวเสียไม่น้อยเมื่อโดนคนตรงหน้าปั่นประสาทมาหลอกด่าแบบนั้น เธอไม่ได้หัวอ่อนเหมือนหน้าไร้เดียงสาของตัวเองเลยสักนิด
แสบใช่เล่นผู้หญิงอะไรวะ!
“เอ่อ ถึงแล้วครับพ่อเลี้ยง”
ชายมีอายุตำแหน่งคนขับรถประจำไร่รีบหันตัวมาห้ามศึกระหว่างสองชายหญิงด้านหลังรถ ก่อนจะเดินมาเปิดประตูให้เจ้านายที่นั่งหน้าบึ้งตึงด้วยความไม่สบอารมณ์อย่างไว
กลุ่มคนงานที่กำลังก้มหน้าเก็บยอดชาคุณภาพดี ต่างชะเง้อคอมองรถของพ่อเลี้ยงหนุ่มกันอย่างสนใจเมื่อมองเห็นผู้หญิงที่ไม่คุ้นเคยเดินตามลงมา
คนตัวเล็กยืนหันซ้ายแลขวาด้วยความหวาดหวั่นกับสถานที่ที่เธอไม่เคยรู้จัก หญิงสาวลอบถอนหายใจออกมากับชะตากรรมที่มาพบเจอแม้กระทั่งชื่อตัวเองก็ยังจำไม่ได้
“จะยืนเซ่ออยู่อีกนานไหม ขึ้นมา!”
เสียงตะโกนของผู้ชายปากร้ายดังขึ้น ใบหน้าสวยแหงนหน้ามองคนที่ยืนอยู่ด้านบน ก่อนจะบ่นพึมพำออกมากับนิสัยใจคอของเขาแบบนั้น
ดวงตากลมโตมองสำรวจไปทั่วบริเวณ ก็พบบ้านยกสูงที่มีระเบียงขนาดใหญ่ยื่นออกมา สามารถนั่งทอดมองความสวยงามของต้นชามากมายในไร่จนสุดลูกหูลูกตา ลมเย็นๆ จากธรรมชาติพัดผ่านมาสัมผัสตลอดเวลา
“เอ่อ นี่ใครเหรอคะพ่อเลี้ยง”
‘ป้านวล’ แม่บ้านคนเก่าแก่ของไร่เอ่ยถามเจ้านายเมื่อเห็นเด็กสาวเดินเข้ามานั่งด้วยความสงสัย เธอไม่เคยเห็นพ่อเลี้ยงหนุ่มพาผู้หญิงที่ไหนเข้ามาในไร่มาก่อนเลย
“ผมมีเรื่องให้ป้าช่วยหน่อยครับ”
“เรื่องอะไรคะ”
“ช่วยดูแลผู้หญิงคนนั้นหน่อย เธออาจจะต้องมาอยู่ที่นี่สักระยะครับ”
น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยบอกคนตรงหน้าที่เขาเคารพเหมือนแม่ตัวเอง นำทัพหรี่สายตามองคนข้างกายไปเล็กน้อย ก่อนจะได้ยินเสียงแสนน่ารำคาญเอ่ยดังขึ้น
“กูว่าแล้ว มึงไม่ยอมไปดูตัวเพราะแอบซุกเมียเอาไว้นี่เอง”
พ่อเลี้ยงขุนพลเดินเข้ามาหาพี่ชายฝาแฝดของตัวเอง เขามองหญิงสาวหน้าตาสวยสลับกับร่างสูงตรงหน้าอย่างจับผิด
“หุบปากไอ้ขุน แล้วมึงมาได้ยังไง”
ร่างสูงเอ่ยถามน้องชายตัวดีเมื่อเห็นมันเสนอหน้าขึ้นมาบนบ้านแทนการเข้าไปดูกิจการคาเฟ่หน้าไร่ วันๆ ไม่ทำห่าอะไรเอาแต่มายุ่งเรื่องชาวบ้าน
“สายข่าวกูรายงานมาว่ามึงพาเมียมาไร่ น้องอย่างกูมีเหรอจะพลาด”
“เสือก! ไม่ใช่เรื่องของมึง”
“ใครวะ หน้าไม่คุ้นเลย”
แฝดคนน้องเอ่ยถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นคนที่คาดว่าจะเป็นพี่สะใภ้ของตน หากเป็นผู้หญิงในพื้นที่มีหรือคนอย่างขุนพล หนุ่มหล่อคาสโนว่าอย่างเขาจะพลาด
แม่ง! เมียพี่กูสวยฉิบหาย
“เรื่องมันยาว”
“ยาวยังไงก็ต้องเล่า ถ้าไม่เล่ากูฟ้องแม่แน่ว่ามึงพาผู้หญิงมาที่ไร่”
“ชาติที่แล้วมึงตายตอนเสือกเรื่องชาวบ้านอยู่เหรอไอ้ขุน ถึงได้ทำตัวน่ารำคาญแบบนี้”
“ด่ากูเสร็จแล้วก็รีบเล่ามา อยากรู้ๆ”
คนตัวเล็กนั่งมองสองชายหนุ่มที่หน้าตาละม้ายคล้ายกันสาดคำพูดด่ากันไม่เว้นหยุด จากที่สังเกตผู้ชายผมสีควันบุหรี่ดูเป็นมิตรกว่าคนเป็นพี่มากเพราะเขามักจะหันมาส่งยิ้มให้เธออยู่บ่อยๆ
“ความจำเสื่อมเหรอวะ” แฝดคนน้องนั่งลงข้างพี่ชายเมื่อได้ฟังเรื่องเล่าทั้งหมดจบ เขาหันมองหญิงสาวข้างกายด้วยความเห็นใจ
“มึงจะทำยังไงต่อ”
“กูสั่งให้คนไปสืบหาประวัติแล้ว แต่น่าแปลกที่ไม่เจออะไรเลย”
“เป็นไปได้ยังไง คนทั้งคนจะไม่มีประวัติอะไรเลยเหรอ”
ขุนพลต้องขมวดคิ้วอย่างหนักเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาลอบมองใบหน้าหล่อของพี่ชายที่มีความเคร่งเครียดฉายชัดไม่แพ้กัน
“คงต้องให้ผู้หญิงคนนี้อยู่ที่นี่จนกว่าจะตามหาญาติเจอ”
นำทัพลั่นวาจาบอกชายหนุ่มตรงหน้า แม้เขาจะไม่ไว้ใจการปรากฏตัวของหญิงสาวแต่คงไม่ใจร้ายพอที่จะปัดความรับผิดชอบ ทิ้งคนที่ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อตัวเองไว้ที่โรงพยาบาลคนเดียว
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะพ่อเลี้ยง เดี๋ยวป้าช่วยดูแลหนูคนนี้ให้”
ป้านวลส่งยิ้มหวานให้เด็กสาว เธอนึกเอ็นดูคนตรงหน้าไม่ใช่น้อย พอมารู้ว่าหญิงสาวความจำเสื่อมยิ่งเพิ่มความเห็นใจเข้าไปอีก
คนที่ไม่มีญาติหรือลูกหลานที่ไหนยกมือขึ้นลูบเรือนผมสวยของคนตัวเล็กแผ่วเบา
“ขอบคุณครับป้านวล”
“ฉันชื่อขุนพลนะ เรียกพี่ขุนก็ได้” พ่อเลี้ยงเจ้าของคาเฟ่หน้าไร่ชาเอ่ยทักทายหญิงสาวตรงหน้าด้วยความเป็นมิตร ก่อนจะยกยิ้มกว้างกับแววตาใส่ซื่อแบบนั้น
ร่างบอบบางได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ ตอบกลับในตอนนี้เธอไม่รู้จักใครเลยสักคน คงได้ทำเพียงนั่งเงียบๆ เพื่อฟังพวกเขาคุยกัน
“ไม่ต้องห่วงไอ้ทัพ เดี๋ยวกูช่วยดูแลเอง”
“เอาตัวมึงให้รอดก่อนเถอะไอ้ขุน คาเฟ่จะเจ๊งอยู่แล้วเอาแต่มายุ่งเรื่องคนอื่น”
“ปากมึงนะ ถ้าไม่ใช่พี่ชายโดนกูใช้ตีนถีบยอดหน้าไปแล้ว” ขุนพลมองพี่ชายตัวเองตาขวางเมื่อมันมาแช่งกิจการของเขา ดูแบบนี้คาเฟ่ของชายหนุ่มก็มีชื่อเสียงระดับจังหวัดจะบอกไว้ให้
“มึงมาคุยกับกูหน่อย”
ร่างสูงของแฝดคนพี่ลอบถอนหายใจออกมา ด้วยความเอือมระอา ก่อนจะเดินตามหลังน้องชายที่ทำหน้าตาเคร่งเครียด
“มีอะไร”
“กูว่าผู้หญิงคนนี้แปลกๆ”
“แล้วไง”
“มึงอยู่ห่างๆ ไว้ก็ดี ทางที่ดีคือมึงไม่ควรเข้าไปยุ่งกับเขา”
คำพูดจริงจังของคนตรงหน้าทำเอานำทัพต้องขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความสงสัย ปกติไอ้ขุนพลมันคิดน้อยจะตาย ไม่เจ้าแผนการหรือหวาดระแวงกับอะไรจนชายหนุ่มอดแปลกใจกับโหมดนี้ของมันไม่ได้
ดูระวังตัว ดูเป็นผู้เป็นคนมากกว่าที่คิด คนเป็นพี่ยกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นน้องชายตัวเองก็ฉลาดไม่เบา สมแล้วที่เป็นน้องของเขา
“มึงก็ไม่ไว้ใจผู้หญิงคนนี้เหมือนกูใช่ไหม”
“เปล่า เขาสวยดีกูชอบ มึงอย่าไปยุ่งเลยนะ เดี๋ยวกูยุ่งเอง”
ไอ้น้องเวร! โง่ดักดาน
.
.
.