บท1ผู้หญิงปริศนา

1780 Words
ร่างบอบบางบนเตียงคนไข้นั่งเม้มริมฝีปากอวบอิ่มของตัวเองแน่น เธอแอบหันใบหน้ามองชายหนุ่มบนโซฟาที่เพิ่งปากร้ายใส่มาหมาดๆ ด้วยความโกรธเคืองในใจ “มีแต่กระเป๋าครับพ่อเลี้ยง” ลุงคนขับรถประจำไร่เดินเข้ามาในห้องพร้อมกระเป๋าสตางค์สีชมพูหวานใบเล็ก มือหนาของพ่อเลี้ยงหนุ่มรีบเอื้อมไปหยิบ เพื่อสำรวจดูของข้างในใบหน้าหล่อคมคายต้องขมวดคิ้วอย่างหนักหลังเห็นเพียงแค่ธนบัตรสีเทาสองใบเท่านั้น ไร้บัตรแสดงตัวตนที่บ่งบอกถึงข้อมูลของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย “ไม่เห็นมีอะไรเลยลุง” “ทางพยาบาลบอกมีแค่นี้ครับ” “เธอเป็นใครกันแน่” เสียงราบเรียบเอ่ยถามด้วยความสงสัย นำทัพหันใบหน้าไปจ้องมองคนบนเตียงอย่างจับผิด “จะเอายังไงต่อครับพ่อเลี้ยง หรือเราจะไปแจ้งตำรวจดีครับ” ชายหนุ่มยกมือขึ้นปรามลุงตรงหน้าเอาไว้ เขานั่งเงียบเพื่อใช้ความคิดเมื่อเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้น ผู้หญิงคนนี้จงใจมากระโดดใส่หน้ารถ แถมยังไม่มีร่องรอยของข้อมูลที่บ่งบอกถึงตัวตนอีกด้วย “พาเธอกลับไร่เราก่อน” “ครับ?” “ผมไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ เดี๋ยวค่อยให้คนไปสืบหาประวัติผู้หญิงคนนี้” “เอ่อ ได้ครับพ่อเลี้ยง” คนตัวเล็กชะเง้อหน้ามองสองชายหนุ่มที่แอบกระซิบกระซาบคุยกัน ก่อนจะสะดุ้งตกใจกับแววตาดุจากร่างสูงที่จ้องกลับมา ใบหน้าสวยรีบเกาะขอบกระจกรถมองสองข้างทางด้วยความสนใจ หลังออกจากโรงพยาบาลหญิงสาวก็ได้รับอนุญาตให้กลับไปรักษาตัวที่บ้าน เธอเลยจำใจต้องกลับมากับคนที่ไม่รู้จัก “เราจะไปไหนกันคะ” คนตัวเล็กหันมาถามชายหนุ่มข้างกายเมื่อมองเห็นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย รถยนต์ขับเคลื่อนขึ้นมาบนภูเขาลูกใหญ่ ร่างสูงของพ่อเลี้ยงหนุ่มไม่ตอบคำถาม แต่กลับชี้มือไปยังป้ายทางเข้า ‘ไร่ชา ดอยล้านทรัพย์’ “ไร่ชาเหรอคะ” “อ่านภาษาไทยไม่ออกเหรอ” นำทัพเอ่ยเสียงทุ้มแกมรำคาญตอบกลับไป ก่อนจะเห็นหญิงสาวยกมือขึ้นกอดอกแถมยังพองแก้มแสดงความไม่พอใจเนืองๆ ออกมา ดื้อเงียบ! “ฉันไม่น่าถามคุณเลย” “ทีหลังก็ไม่ต้องถาม ไม่ต้องมาคุยด้วยเพราะฉันไม่อยากจะเสวนากับเธอ” “ปากร้าย” “เธอว่าใคร” มือหนารีบกระชากแขนเล็กอย่างแรง ชายหนุ่มจ้องเขม็งคนตรงหน้าด้วยความกรุ่นโกรธ ยิ่งเห็นท่าทีดื้อเงียบของหญิงสาว เขายิ่งไม่พอใจ “ใครปากร้ายก็รับไป” “อยากตายหรือไง!” นำทัพกระแทกเสียงใส่คนที่กล้ามาด่าเขาอย่างไม่เกรงกลัว ยิ่งเห็นคนตัวเล็กเชิดหน้าท้าทายเขายิ่งไม่ชอบใจ “ทำไม! คุณจะฆ่าฉันเหรอ เอาเลยฆ่าเลยสิคิดว่ากลัวหรือไง” “อย่ามาท้าทายฉันถ้าเธอยังอยากมีชีวิตอยู่” “เก่งจริงๆ เลยนะขู่ผู้หญิงไม่มีทางสู้” “ฉันไม่สนใจว่าเธอจะเป็นผู้หญิงหรือว่าอะไร แต่ถ้ากล้ามาต่อปากต่อคำกับฉันโดนไม่ใช่น้อยแน่” หญิงสาวจ้องเขม็งคนตรงหน้าอย่างเอาเรื่องไม่แพ้กัน อย่าคิดว่ามาพูดแบบนั้นใส่แล้วคนอย่างเธอจะกลัวเขา บอกเลยว่าไม่! “ผู้ชายที่ชอบขู่รังแกผู้หญิงแบบนี้เขาเรียกว่าอะไรแล้วนะคะคุณลุง” ลุงคนขับรถชะงักนิ่งไปโดยทันที เขาอ้ำอึ้งที่จะพูดประโยคนั้นออกมา ทำได้เพียงแค่เงียบปากเพราะเหลือบสายตามองจากกระจกหน้ารถแล้วเดาว่าผู้เป็นเจ้านายคงโมโหไม่ใช่น้อย “จะลากคนอื่นมาช่วยด่าฉันทำไม อยากด่าว่าฉันหน้าตัวเมียขู่ผู้หญิงอย่างเธอก็พูดมาตรงๆ!” “อ่า! ขอบคุณนะคะที่ช่วยบอกว่าคุณมีนิสัยหน้าตัวเมีย” “ยัยบ้านี่!” นำทัพหัวเสียไม่น้อยเมื่อโดนคนตรงหน้าปั่นประสาทมาหลอกด่าแบบนั้น เธอไม่ได้หัวอ่อนเหมือนหน้าไร้เดียงสาของตัวเองเลยสักนิด แสบใช่เล่นผู้หญิงอะไรวะ! “เอ่อ ถึงแล้วครับพ่อเลี้ยง” ชายมีอายุตำแหน่งคนขับรถประจำไร่รีบหันตัวมาห้ามศึกระหว่างสองชายหญิงด้านหลังรถ ก่อนจะเดินมาเปิดประตูให้เจ้านายที่นั่งหน้าบึ้งตึงด้วยความไม่สบอารมณ์อย่างไว กลุ่มคนงานที่กำลังก้มหน้าเก็บยอดชาคุณภาพดี ต่างชะเง้อคอมองรถของพ่อเลี้ยงหนุ่มกันอย่างสนใจเมื่อมองเห็นผู้หญิงที่ไม่คุ้นเคยเดินตามลงมา คนตัวเล็กยืนหันซ้ายแลขวาด้วยความหวาดหวั่นกับสถานที่ที่เธอไม่เคยรู้จัก หญิงสาวลอบถอนหายใจออกมากับชะตากรรมที่มาพบเจอแม้กระทั่งชื่อตัวเองก็ยังจำไม่ได้ “จะยืนเซ่ออยู่อีกนานไหม ขึ้นมา!” เสียงตะโกนของผู้ชายปากร้ายดังขึ้น ใบหน้าสวยแหงนหน้ามองคนที่ยืนอยู่ด้านบน ก่อนจะบ่นพึมพำออกมากับนิสัยใจคอของเขาแบบนั้น ดวงตากลมโตมองสำรวจไปทั่วบริเวณ ก็พบบ้านยกสูงที่มีระเบียงขนาดใหญ่ยื่นออกมา สามารถนั่งทอดมองความสวยงามของต้นชามากมายในไร่จนสุดลูกหูลูกตา ลมเย็นๆ จากธรรมชาติพัดผ่านมาสัมผัสตลอดเวลา “เอ่อ นี่ใครเหรอคะพ่อเลี้ยง” ‘ป้านวล’ แม่บ้านคนเก่าแก่ของไร่เอ่ยถามเจ้านายเมื่อเห็นเด็กสาวเดินเข้ามานั่งด้วยความสงสัย เธอไม่เคยเห็นพ่อเลี้ยงหนุ่มพาผู้หญิงที่ไหนเข้ามาในไร่มาก่อนเลย “ผมมีเรื่องให้ป้าช่วยหน่อยครับ” “เรื่องอะไรคะ” “ช่วยดูแลผู้หญิงคนนั้นหน่อย เธออาจจะต้องมาอยู่ที่นี่สักระยะครับ” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยบอกคนตรงหน้าที่เขาเคารพเหมือนแม่ตัวเอง นำทัพหรี่สายตามองคนข้างกายไปเล็กน้อย ก่อนจะได้ยินเสียงแสนน่ารำคาญเอ่ยดังขึ้น “กูว่าแล้ว มึงไม่ยอมไปดูตัวเพราะแอบซุกเมียเอาไว้นี่เอง” พ่อเลี้ยงขุนพลเดินเข้ามาหาพี่ชายฝาแฝดของตัวเอง เขามองหญิงสาวหน้าตาสวยสลับกับร่างสูงตรงหน้าอย่างจับผิด “หุบปากไอ้ขุน แล้วมึงมาได้ยังไง” ร่างสูงเอ่ยถามน้องชายตัวดีเมื่อเห็นมันเสนอหน้าขึ้นมาบนบ้านแทนการเข้าไปดูกิจการคาเฟ่หน้าไร่ วันๆ ไม่ทำห่าอะไรเอาแต่มายุ่งเรื่องชาวบ้าน “สายข่าวกูรายงานมาว่ามึงพาเมียมาไร่ น้องอย่างกูมีเหรอจะพลาด” “เสือก! ไม่ใช่เรื่องของมึง” “ใครวะ หน้าไม่คุ้นเลย” แฝดคนน้องเอ่ยถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นคนที่คาดว่าจะเป็นพี่สะใภ้ของตน หากเป็นผู้หญิงในพื้นที่มีหรือคนอย่างขุนพล หนุ่มหล่อคาสโนว่าอย่างเขาจะพลาด แม่ง! เมียพี่กูสวยฉิบหาย “เรื่องมันยาว” “ยาวยังไงก็ต้องเล่า ถ้าไม่เล่ากูฟ้องแม่แน่ว่ามึงพาผู้หญิงมาที่ไร่” “ชาติที่แล้วมึงตายตอนเสือกเรื่องชาวบ้านอยู่เหรอไอ้ขุน ถึงได้ทำตัวน่ารำคาญแบบนี้” “ด่ากูเสร็จแล้วก็รีบเล่ามา อยากรู้ๆ” คนตัวเล็กนั่งมองสองชายหนุ่มที่หน้าตาละม้ายคล้ายกันสาดคำพูดด่ากันไม่เว้นหยุด จากที่สังเกตผู้ชายผมสีควันบุหรี่ดูเป็นมิตรกว่าคนเป็นพี่มากเพราะเขามักจะหันมาส่งยิ้มให้เธออยู่บ่อยๆ “ความจำเสื่อมเหรอวะ” แฝดคนน้องนั่งลงข้างพี่ชายเมื่อได้ฟังเรื่องเล่าทั้งหมดจบ เขาหันมองหญิงสาวข้างกายด้วยความเห็นใจ “มึงจะทำยังไงต่อ” “กูสั่งให้คนไปสืบหาประวัติแล้ว แต่น่าแปลกที่ไม่เจออะไรเลย” “เป็นไปได้ยังไง คนทั้งคนจะไม่มีประวัติอะไรเลยเหรอ” ขุนพลต้องขมวดคิ้วอย่างหนักเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาลอบมองใบหน้าหล่อของพี่ชายที่มีความเคร่งเครียดฉายชัดไม่แพ้กัน “คงต้องให้ผู้หญิงคนนี้อยู่ที่นี่จนกว่าจะตามหาญาติเจอ” นำทัพลั่นวาจาบอกชายหนุ่มตรงหน้า แม้เขาจะไม่ไว้ใจการปรากฏตัวของหญิงสาวแต่คงไม่ใจร้ายพอที่จะปัดความรับผิดชอบ ทิ้งคนที่ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อตัวเองไว้ที่โรงพยาบาลคนเดียว “ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะพ่อเลี้ยง เดี๋ยวป้าช่วยดูแลหนูคนนี้ให้” ป้านวลส่งยิ้มหวานให้เด็กสาว เธอนึกเอ็นดูคนตรงหน้าไม่ใช่น้อย พอมารู้ว่าหญิงสาวความจำเสื่อมยิ่งเพิ่มความเห็นใจเข้าไปอีก คนที่ไม่มีญาติหรือลูกหลานที่ไหนยกมือขึ้นลูบเรือนผมสวยของคนตัวเล็กแผ่วเบา “ขอบคุณครับป้านวล” “ฉันชื่อขุนพลนะ เรียกพี่ขุนก็ได้” พ่อเลี้ยงเจ้าของคาเฟ่หน้าไร่ชาเอ่ยทักทายหญิงสาวตรงหน้าด้วยความเป็นมิตร ก่อนจะยกยิ้มกว้างกับแววตาใส่ซื่อแบบนั้น ร่างบอบบางได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ ตอบกลับในตอนนี้เธอไม่รู้จักใครเลยสักคน คงได้ทำเพียงนั่งเงียบๆ เพื่อฟังพวกเขาคุยกัน “ไม่ต้องห่วงไอ้ทัพ เดี๋ยวกูช่วยดูแลเอง” “เอาตัวมึงให้รอดก่อนเถอะไอ้ขุน คาเฟ่จะเจ๊งอยู่แล้วเอาแต่มายุ่งเรื่องคนอื่น” “ปากมึงนะ ถ้าไม่ใช่พี่ชายโดนกูใช้ตีนถีบยอดหน้าไปแล้ว” ขุนพลมองพี่ชายตัวเองตาขวางเมื่อมันมาแช่งกิจการของเขา ดูแบบนี้คาเฟ่ของชายหนุ่มก็มีชื่อเสียงระดับจังหวัดจะบอกไว้ให้ “มึงมาคุยกับกูหน่อย” ร่างสูงของแฝดคนพี่ลอบถอนหายใจออกมา ด้วยความเอือมระอา ก่อนจะเดินตามหลังน้องชายที่ทำหน้าตาเคร่งเครียด “มีอะไร” “กูว่าผู้หญิงคนนี้แปลกๆ” “แล้วไง” “มึงอยู่ห่างๆ ไว้ก็ดี ทางที่ดีคือมึงไม่ควรเข้าไปยุ่งกับเขา” คำพูดจริงจังของคนตรงหน้าทำเอานำทัพต้องขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความสงสัย ปกติไอ้ขุนพลมันคิดน้อยจะตาย ไม่เจ้าแผนการหรือหวาดระแวงกับอะไรจนชายหนุ่มอดแปลกใจกับโหมดนี้ของมันไม่ได้ ดูระวังตัว ดูเป็นผู้เป็นคนมากกว่าที่คิด คนเป็นพี่ยกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นน้องชายตัวเองก็ฉลาดไม่เบา สมแล้วที่เป็นน้องของเขา “มึงก็ไม่ไว้ใจผู้หญิงคนนี้เหมือนกูใช่ไหม” “เปล่า เขาสวยดีกูชอบ มึงอย่าไปยุ่งเลยนะ เดี๋ยวกูยุ่งเอง” ไอ้น้องเวร! โง่ดักดาน . . .
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD