บท4พ่อบ้านใจกล้า

1946 Words
หลังจากหมอประจำไร่ตรวจดูอาการเสร็จ ป้านวลรีบนำผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดๆ มาเช็ดกรอบใบหน้าสวยให้คนที่นอนซมอยู่บนเตียง เธอลูบเรือนผมเงางามของคนเป็นหลานต่างสายเลือดด้วยความรักและเอ็นดู “ขวัญเอ๋ยขวัญมานะหลาน” มือที่กำลังยกขึ้นลูบศีรษะหญิงสาวตรงหน้าต้องชะงักเมื่อคนตัวเล็กขยับตัวไปมา พร้อมละเมอคำไม่เป็นภาษาจนป้าแม่บ้านประจำไร่ฟังแทบไม่ออก “ทิชาเป็นอะไรลูก” “พ่อคะอย่าทิ้งหนูไป” เสียวหวานเปล่งออกมาอย่างไร้สติ หยาดน้ำตาค่อยๆ ไหลออกมาอาบข้างแก้มจนป้านวลรีบดึงร่างบอบบางขึ้นมากอดปลอบ “อย่าทำหนู!” “ทิชา นี่ป้าเอง” “ปวดหัว” อยู่ๆ คนที่นอนซมอยู่ในอ้อมกอดก็นิ่วหน้าออกมา ทิชายกมือขึ้นกุมขมับตัวเองแน่นเมื่อเธอเจ็บจนทรมานไปหมด จนคนเป็นป้ารีบวิ่งไปตามเจ้านายที่บ้านใหญ่ นำทัพถูกป้าแม่บ้านขึ้นมาปลุกในเวลาเกือบเที่ยงคืน เขาสะบัดหน้าไปมาเพื่อไล่ความง่วง ก่อนจะสาวเท้ามายังห้องพัก ดวงตาคู่คมทอดมองคนที่นอนกุมศีรษะตัวเองอยู่บนเตียง พร้อมละเมอออกมาจนจับใจความอะไรไม่ได้ ร่างสูงรีบนั่งลงข้างขอบเตียงเพื่อดูอาการสาวเจ้าด้วยความเป็นห่วง “ทิชา” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกหญิงสาวที่นอนสะอื้นร้องไห้ ก่อนจะตกใจเมื่อเธอใช้มือสวมกอดร่างกำยำของเขาไว้แน่น “แม่คะ แม่อยู่ไหน” “ทิชาตื่นเดี๋ยวนี้! เธอจะมาละเมอจนร้องไห้แบบนี้ไม่ได้” “อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฮือ!” “ไม่มีใครทำอะไรเธอทั้งนั้น” ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ไหลเข้ามายังความทรงจำของหญิงสาวจนคนความจำเสื่อมตั้งรับแทบไม่ไหว ทิชาปวดหัวเหมือนจะระเบิดออกมา น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลออกมาไม่หยุด เนื้อตัวของเธอสั่นเทาด้วยความกลัวเป็นทวีคูณเมื่อเห็นภาพปลายกระบอกปืนจ่อมาที่ขมับ “ให้ป้าไปตามหมอไหมคะพ่อเลี้ยง” “ป้าไปตามไอ้ขุนนะครับ บอกให้มันเอารถไปรับหมอที่คลินิกในไร่” “ค่ะพ่อเลี้ยง” ไม่ทันที่ร่างของป้าแม่บ้านจะก้าวเดินออกไปจากห้อง คนตัวเล็กก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาแต่เธอยังคงนิ่วหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย “เป็นอะไรมากหรือเปล่าลูก” ป้านวลรีบเดินเข้ามาหาหลานสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของพ่อเลี้ยงหนุ่ม ดวงตาคู่สวยกะพริบถี่เมื่อนึกถึงภาพเรื่องราวมากมายที่ไหลเข้ามาอย่างกับความฝัน “ป้านวล” “ค่อยๆ ลุกนะ” นำทัพพยุงหญิงสาวขึ้นนั่งบนเตียง ใช้มือสัมผัสหน้าผากของเธอก็พบว่าในตอนนี้ร้อนกว่าปกติ บาดแผลและรอยช้ำอาจจะทำให้สาวเจ้ามีอาการไข้อ่อนๆ “พ่อเลี้ยงมาได้ยังไงคะ” “ป้านวลไปตาม กลัวเธอจะมาตายในไร่” ทิชามองค้อนคนที่ชอบพูดจาประชดประชันอยู่ตรงหน้า ไม่ว่าครั้งไหนชายหนุ่มก็คงไม่มีทางที่จะพูดจาดีกับเธอเป็นแน่ “งั้นก็คงเสียใจด้วยนะคะที่ทิชายังไม่ได้ตาย” “เหอะ อวดเก่ง” “ใจเย็นๆ นะคะพ่อเลี้ยง” ป้านวลรีบเข้ามาห้ามศึกเมื่อเห็นทั้งสองปะทะฝีปากกันอีกแล้ว คนเก่าแก่ประจำไร่อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มในใจขึ้นมาหลังได้เห็นแบบนั้น “ผมฝากป้าไปเตรียมยามาหน่อยนะครับ ขอยาลดไข้และก็ยาแก้ปวด” นำทัพหันไปสั่งป้าแม่บ้านด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อเดินกลับไปที่ห้องของตัวเองอีกครั้งเมื่อคลายความกังวลลงหลังเห็นหญิงสาวไม่มีอาการอะไรให้น่าเป็นห่วงแล้ว “ขอบคุณมากนะคะพ่อเลี้ยง” “อืม ถ้าคืนนี้ยังมีอาการไม่ดีอีก คงต้องให้ไปนอนในคอกหมูป่าเผื่ออาการจะดีขึ้น” “ไปนอนเองสิ!” ทิชาตอบกลับไปโดยในทันทีเมื่อได้ฟังคำพูดแบบนั้น เธอขบเม้นริมฝีแน่นอย่างโกรธเคือง อยากจะเข้าไปตะกุยหน้าหล่อๆ นั้นเหลือเกินเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจของพ่อเลี้ยงหนุ่มที่ได้แกล้งพูดแหย่ “ทานยาก่อนนะลูก” ป้านวลนั่งลงใกล้ๆ หลานสาวหลังเจ้าของไร่ชาเดินกลับไปแล้ว แม้จะชอบพูดจาไม่ดีใส่ร่างเล็กตรงหน้าแต่เธอก็ไม่เคยเห็นเจ้านายจะยอมใจดีกับใครง่ายๆ โดยเฉพาะมาพูดแหย่ พูดเล่นแบบนี้พ่อเลี้ยงหนุ่มยิ่งไม่เคยทำมาก่อน “อาการดีขึ้นไหมทิชา” “ดีขึ้นแล้วค่ะ ถึงไม่ดีขึ้นหนูก็ไม่ไปนอนที่คอกหมูป่านะคะ” “ฮ่าๆ พ่อเลี้ยงเขาพูดเล่น” “ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ปากร้ายเหลือเกิน” “นอนพักเถอะนะ พรุ่งนี้คงต้องให้หมอมาดูอาการเราอีกครั้ง” “ป้านวลค่ะ อยู่ๆ ทิชาก็เห็นภาพแปลกๆ” “หรือจะเกิดจากการที่หนูกลิ้งตกลงไปแล้วหัวกระแทกพื้นหรือเปล่า” “หนูไม่รู้เหมือนกันค่ะ” “งั้นต้องนอนพักผ่อนเยอะๆ นะ” ร่างบอบบางทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง เธออ้าแขนเพื่อรอคอยผู้เป็นป้าเข้ามาสวมกอด ก่อนจะหลับตาเข้าสู่ห้วงนิทราด้วยความรู้สึกอบอุ่นในใจอย่างบอกไม่ถูก หลายวันต่อมา ทิชานั่งทาครีมลบรอยแผลเป็นอยู่บนเตียง หลายวันมานี้อาการของเธอดีขึ้นมากแล้ว เหลือไว้เพียงรอยช้ำตามตัว ส่วนอาการปวดหัวที่เกิดจากการเห็นภาพความทรงจำเก่าๆ ก็หายเป็นปลิดทิ้ง “ป้านวลจะไปไหนคะ” “ป้าจะขึ้นไปทำความสะอาดและเตรียมอาหารที่บ้านใหญ่หน่อย” “ทิชาไปช่วยนะคะ” “ไม่ต้องหรอกลูก อาการยังไม่หายดี” “ทิชาไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ ช่วยป้านวลได้ทั้งวันเลย” “น่ารักและขยันจริงๆ หลานสาวป้า” หญิงสาวยกยิ้มหวานออดอ้อนคนตรงหน้าหลังได้ยินคำชมแบบนั้น เธอรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินตามหลังผู้เป็นป้ามายังบ้านใหญ่ พร้อมถือถังน้ำขนาดกลางและไม้ถูพื้นสำหรับทำความสะอาด “ทิชาถูพื้นตรงนี้นะลูก เดี๋ยวป้าไปเตรียมอาหารให้พ่อเลี้ยงก่อน” “ค่ะ” ดวงตาคู่สวยจ้องมองสิ่งของในมือด้วยความชั่งใจ มือเรียวค่อยๆ จุ่มไม้ถูพื้นลงในถังน้ำก่อนจะนำมาทำความสะอาดรอบๆ ระเบียงบ้านอย่างเก้ๆ กังๆ ไม่เป็นงาน เสียงเดินย้ำเท้าเข้ามาใกล้ปรากฏร่างสูงของพ่อเลี้ยงหนุ่มเจ้าของไร่ชาที่ยืนเท้าสะเอวอยู่ไม่ไกล ดวงตาคู่คมทอดมองน้ำมากมายที่ไหลเจิ่งนองอยู่ทั่วบริเวณ “ทำอะไรของเธอ” “ช่วยป้านวลถูพื้นค่ะ” ทิชาเอ่ยตอบไปก่อนจะหันมาทำหน้าที่ของตัวเองต่อ เธอชะงักค้างนิ่งหลังได้ยินเสียงร้องห้ามจากคนข้างกาย “ใครเขาถูพื้นแบบนั้นกัน!” นำทัพถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย ในตอนนี้หน้าระเบียงบ้านของเขาเต็มไปด้วยคราบน้ำเพราะสาวเจ้าไม่แม้จะบิดไม้ถูพื้นให้แห้ง “ทิชาทำผิดเหรอคะ” ร่างสูงเดินดุ่มมาหาคนที่ยืนทำหน้าซื่อๆ ก่อนจะร้องออกมาสุดเสียงด้วยความเจ็บเมื่อเกิดเหยียบน้ำที่เจิ่งนองไปทั่วบริเวณจนลื่นกระแทกพื้นด้วยความรุนแรง “โอ๊ย! แม่งเอ๊ย!” “พ่อเลี้ยง!” ทิชารีบปรี่เข้ามาพยุงคนที่นอนทรุดกองกับพื้น ใบหน้าหล่อในตอนนี้แดงก่ำไปด้วยความเดือดดาลจนปิดไม่มิด “เห็นการกระทำของเธอหรือยัง!” เสียงตวาดลั่นตะคอกใส่หน้าคนที่ยืนถือไม้ถูพื้นอยู่ไม่ไกล จนร่างบอบบางขยับเท้าถอยหลังหนีด้วยความหวาดหวั่น “ไม่มีใครสอนหรือไงว่าก่อนถูพื้นให้บิดน้ำให้แห้ง” “ทิวาไม่รู้ค่ะ” “เธอแค่ความจำเสื่อมแต่ไม่ได้สมองกลับ ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงไม่รู้!” มือเล็กกำไม้ถูพื้นในมือแน่น เธอขบเม้มริมฝีปากตัวเองก่อนจะเงยหน้าจ้องคนที่มายืนด่าอย่างโกรธเคืองเช่นกัน “ไม่ต้องมาจ้องเลยนะ!” “พอทิชาพูดก็หาว่าเถียง พอยืนจ้องนิ่งๆ ก็มาว่าอีก ตกลงจะเอายังไงคะ” มือหนาเขกศีรษะคนตรงหน้าไปเต็มแรงเพื่อทำโทษหลังได้ยินแบบนั้น พ่อเลี้ยงหนุ่มรีบแย่งไม้ถูพื้นเจ้าปัญหาจากมือหญิงสาวมาถือไว้ “ดูเอาไว้ แล้วจำด้วย” คนตัวเล็กเดินกระแทกเท้าไปนั่งบนเก้าอี้หน้าระเบียงบ้าน ดวงตาคู่สวยจ้องชายหนุ่มสาธิตการถูพื้นให้ดูอย่างละเอียด “จุ่มลงไปแบบนี้ เห็นด้านล่างตรงนี้ไหม” “ค่ะ” “ใช้เท้าเหยียบแล้วปล่อยมันเอาไว้เป็นจังหวะแบบนี้” ทิชาชะเง้อหน้าดูพ่อเลี้ยงหนุ่มใช้เท้าปั่นน้ำจนแห้งสนิท ก่อนที่ร่างสูงจะค่อยๆ ถูพื้นให้ดูเป็นตัวอย่าง “เวลาถูให้เริ่มจากตรงนั้นก่อน” “ทำไมต้องเริ่มจากตรงนั้นคะ” “ถามโง่ๆ มีสมองคิดบ้าง ถ้าเธอถูตรงนี้ก็เดินเหยียบตามหลังนะสิ” คำตอบที่ผสมคำด่าทอทำเอาใบหน้าหวานพ่นลมหายใจฟึดฟัดออกมาด้วยความไม่สบอารมณ์ เขามันเป็นผู้ชายปากร้ายเหลือเกิน “เข้าใจหรือเปล่า” นำทัพที่ถูพื้นทำความสะอาดจนเกือบหมดเอ่ยถามคนที่นั่งพับใบไม้เล่นอยู่หน้าระเบียง เขาเท้าสะเอวมองเธออย่างเอาเรื่องทันทีหลังเห็นสีหน้างุนงง “อีกครั้งได้ไหมคะ” ทิชาใช้มือลูบท้ายทอยแก้เขินเมื่อให้พ่อเลี้ยงหนุ่มสอนเธอใหม่อีกครั้ง เพราะเมื่อครู่หญิงสาวเอาแต่สนใจนั่งพับใบไม้ที่ปลิวเข้ามาเล่น “ถ้าครั้งนี้ยังไม่เข้าใจอีก เธอโดนฉันจับโยนออกไปแน่!” เป็นอีกครั้งที่เจ้าของไร่ชาขนาดใหญ่ในเชียงรายต้องมายืนถูพื้นบริเวณบ้านจนทั่ว ความสะอาดปรากฏขึ้นตรงหน้าเรียกรอยยิ้มจากคนที่นั่งดูไม่ใช่น้อย “ที่เหลือเธอมาถูเอง” “ถ้าทิชาเดินออกไปพื้นก็สกปรกสิคะ” “ว่ายังไงนะ” “พ่อเลี้ยงถูเกือบจะเสร็จแล้ว ทำไมไม่ทำให้หมด” นำทัพถลึงตาดุใส่คนที่มานั่งชี้นิ้วใช้เขายังกับเมีย ร่างสูงหมายจะเข้าไปจัดการคนตรงที่นั่งทำหน้าแป้นแล้นอยู่บนเก้าอี้หน้าระเบียง แต่ทว่าต้องชะงักขาไว้เพราะกลัวจะทำพื้นที่เปียกชื้นสกปรก “ฝากไว้ก่อนเถอะ!” “ตรงนั้นยังไม่สะอาดค่ะพ่อเลี้ยง” เสียงหวานเอ่ยบอก พร้อมชี้มือไปยังบริเวณที่พ่อเลี้ยงหนุ่มยังคงถูพื้นไม่สะอาดทำเอาดวงตาคู่คมตวัดมองอย่างคาดโทษ ร่างสูงเดินเข้าไปถูใหม่อีกครั้ง มือหนาปาดเหงื่อที่ไหลอาบทั่วทั้งใบหน้าหล่อ แม้ชายหนุ่มจะรู้ขั้นตอนการทำความสะอาดงานแบบนี้ดี แต่เกิดมาเขายังไม่เคยต้องมาทำเองเลยสักครั้ง “พ่อเลี้ยงเก่งจังเลยนะคะ” “หุบปาก!” ทิชาแอบยกยิ้มมุมปากอย่างสะใจหลังได้เห็นพ่อเลี้ยงหนุ่มมีอาการไม่สบอารมณ์แบบนั้น ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์หลอกให้ทำงานบ้าน ร่างบอบบางได้ยินเสียงรถและเสียงเฮฮาของคนด้านล่าง ก่อนจะหันใบหน้าสวยมองคนที่วิ่งขึ้นบันไดมาด้วยความเหนื่อยหอบ “มาทำไมไอ้ขุน” “กูได้ข่าวว่าพ่อเลี้ยงนำทัพว่างจนมายืนถูพื้น เลยขับรถมาดู” “ปัญญาอ่อน!” “ฮ่าๆ ปกติมึงเคยทำอะไรแบบนี้ที่ไหน หรือซ้อมเป็นพ่อบ้านใจกล้าวะ” . . .
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD