หลังจากหมอประจำไร่ตรวจดูอาการเสร็จ ป้านวลรีบนำผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดๆ มาเช็ดกรอบใบหน้าสวยให้คนที่นอนซมอยู่บนเตียง เธอลูบเรือนผมเงางามของคนเป็นหลานต่างสายเลือดด้วยความรักและเอ็นดู
“ขวัญเอ๋ยขวัญมานะหลาน”
มือที่กำลังยกขึ้นลูบศีรษะหญิงสาวตรงหน้าต้องชะงักเมื่อคนตัวเล็กขยับตัวไปมา พร้อมละเมอคำไม่เป็นภาษาจนป้าแม่บ้านประจำไร่ฟังแทบไม่ออก
“ทิชาเป็นอะไรลูก”
“พ่อคะอย่าทิ้งหนูไป”
เสียวหวานเปล่งออกมาอย่างไร้สติ หยาดน้ำตาค่อยๆ ไหลออกมาอาบข้างแก้มจนป้านวลรีบดึงร่างบอบบางขึ้นมากอดปลอบ
“อย่าทำหนู!”
“ทิชา นี่ป้าเอง”
“ปวดหัว”
อยู่ๆ คนที่นอนซมอยู่ในอ้อมกอดก็นิ่วหน้าออกมา ทิชายกมือขึ้นกุมขมับตัวเองแน่นเมื่อเธอเจ็บจนทรมานไปหมด จนคนเป็นป้ารีบวิ่งไปตามเจ้านายที่บ้านใหญ่
นำทัพถูกป้าแม่บ้านขึ้นมาปลุกในเวลาเกือบเที่ยงคืน เขาสะบัดหน้าไปมาเพื่อไล่ความง่วง ก่อนจะสาวเท้ามายังห้องพัก
ดวงตาคู่คมทอดมองคนที่นอนกุมศีรษะตัวเองอยู่บนเตียง พร้อมละเมอออกมาจนจับใจความอะไรไม่ได้ ร่างสูงรีบนั่งลงข้างขอบเตียงเพื่อดูอาการสาวเจ้าด้วยความเป็นห่วง
“ทิชา”
เสียงทุ้มเอ่ยเรียกหญิงสาวที่นอนสะอื้นร้องไห้ ก่อนจะตกใจเมื่อเธอใช้มือสวมกอดร่างกำยำของเขาไว้แน่น
“แม่คะ แม่อยู่ไหน”
“ทิชาตื่นเดี๋ยวนี้! เธอจะมาละเมอจนร้องไห้แบบนี้ไม่ได้”
“อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฮือ!”
“ไม่มีใครทำอะไรเธอทั้งนั้น”
ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ไหลเข้ามายังความทรงจำของหญิงสาวจนคนความจำเสื่อมตั้งรับแทบไม่ไหว ทิชาปวดหัวเหมือนจะระเบิดออกมา
น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลออกมาไม่หยุด เนื้อตัวของเธอสั่นเทาด้วยความกลัวเป็นทวีคูณเมื่อเห็นภาพปลายกระบอกปืนจ่อมาที่ขมับ
“ให้ป้าไปตามหมอไหมคะพ่อเลี้ยง”
“ป้าไปตามไอ้ขุนนะครับ บอกให้มันเอารถไปรับหมอที่คลินิกในไร่”
“ค่ะพ่อเลี้ยง”
ไม่ทันที่ร่างของป้าแม่บ้านจะก้าวเดินออกไปจากห้อง คนตัวเล็กก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาแต่เธอยังคงนิ่วหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าลูก”
ป้านวลรีบเดินเข้ามาหาหลานสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของพ่อเลี้ยงหนุ่ม ดวงตาคู่สวยกะพริบถี่เมื่อนึกถึงภาพเรื่องราวมากมายที่ไหลเข้ามาอย่างกับความฝัน
“ป้านวล”
“ค่อยๆ ลุกนะ”
นำทัพพยุงหญิงสาวขึ้นนั่งบนเตียง ใช้มือสัมผัสหน้าผากของเธอก็พบว่าในตอนนี้ร้อนกว่าปกติ บาดแผลและรอยช้ำอาจจะทำให้สาวเจ้ามีอาการไข้อ่อนๆ
“พ่อเลี้ยงมาได้ยังไงคะ”
“ป้านวลไปตาม กลัวเธอจะมาตายในไร่”
ทิชามองค้อนคนที่ชอบพูดจาประชดประชันอยู่ตรงหน้า ไม่ว่าครั้งไหนชายหนุ่มก็คงไม่มีทางที่จะพูดจาดีกับเธอเป็นแน่
“งั้นก็คงเสียใจด้วยนะคะที่ทิชายังไม่ได้ตาย”
“เหอะ อวดเก่ง”
“ใจเย็นๆ นะคะพ่อเลี้ยง”
ป้านวลรีบเข้ามาห้ามศึกเมื่อเห็นทั้งสองปะทะฝีปากกันอีกแล้ว คนเก่าแก่ประจำไร่อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มในใจขึ้นมาหลังได้เห็นแบบนั้น
“ผมฝากป้าไปเตรียมยามาหน่อยนะครับ ขอยาลดไข้และก็ยาแก้ปวด”
นำทัพหันไปสั่งป้าแม่บ้านด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อเดินกลับไปที่ห้องของตัวเองอีกครั้งเมื่อคลายความกังวลลงหลังเห็นหญิงสาวไม่มีอาการอะไรให้น่าเป็นห่วงแล้ว
“ขอบคุณมากนะคะพ่อเลี้ยง”
“อืม ถ้าคืนนี้ยังมีอาการไม่ดีอีก คงต้องให้ไปนอนในคอกหมูป่าเผื่ออาการจะดีขึ้น”
“ไปนอนเองสิ!”
ทิชาตอบกลับไปโดยในทันทีเมื่อได้ฟังคำพูดแบบนั้น เธอขบเม้นริมฝีแน่นอย่างโกรธเคือง อยากจะเข้าไปตะกุยหน้าหล่อๆ นั้นเหลือเกินเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจของพ่อเลี้ยงหนุ่มที่ได้แกล้งพูดแหย่
“ทานยาก่อนนะลูก”
ป้านวลนั่งลงใกล้ๆ หลานสาวหลังเจ้าของไร่ชาเดินกลับไปแล้ว แม้จะชอบพูดจาไม่ดีใส่ร่างเล็กตรงหน้าแต่เธอก็ไม่เคยเห็นเจ้านายจะยอมใจดีกับใครง่ายๆ โดยเฉพาะมาพูดแหย่ พูดเล่นแบบนี้พ่อเลี้ยงหนุ่มยิ่งไม่เคยทำมาก่อน
“อาการดีขึ้นไหมทิชา”
“ดีขึ้นแล้วค่ะ ถึงไม่ดีขึ้นหนูก็ไม่ไปนอนที่คอกหมูป่านะคะ”
“ฮ่าๆ พ่อเลี้ยงเขาพูดเล่น”
“ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ปากร้ายเหลือเกิน”
“นอนพักเถอะนะ พรุ่งนี้คงต้องให้หมอมาดูอาการเราอีกครั้ง”
“ป้านวลค่ะ อยู่ๆ ทิชาก็เห็นภาพแปลกๆ”
“หรือจะเกิดจากการที่หนูกลิ้งตกลงไปแล้วหัวกระแทกพื้นหรือเปล่า”
“หนูไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
“งั้นต้องนอนพักผ่อนเยอะๆ นะ” ร่างบอบบางทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง เธออ้าแขนเพื่อรอคอยผู้เป็นป้าเข้ามาสวมกอด ก่อนจะหลับตาเข้าสู่ห้วงนิทราด้วยความรู้สึกอบอุ่นในใจอย่างบอกไม่ถูก
หลายวันต่อมา
ทิชานั่งทาครีมลบรอยแผลเป็นอยู่บนเตียง หลายวันมานี้อาการของเธอดีขึ้นมากแล้ว เหลือไว้เพียงรอยช้ำตามตัว ส่วนอาการปวดหัวที่เกิดจากการเห็นภาพความทรงจำเก่าๆ ก็หายเป็นปลิดทิ้ง
“ป้านวลจะไปไหนคะ”
“ป้าจะขึ้นไปทำความสะอาดและเตรียมอาหารที่บ้านใหญ่หน่อย”
“ทิชาไปช่วยนะคะ”
“ไม่ต้องหรอกลูก อาการยังไม่หายดี”
“ทิชาไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ ช่วยป้านวลได้ทั้งวันเลย”
“น่ารักและขยันจริงๆ หลานสาวป้า”
หญิงสาวยกยิ้มหวานออดอ้อนคนตรงหน้าหลังได้ยินคำชมแบบนั้น เธอรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินตามหลังผู้เป็นป้ามายังบ้านใหญ่ พร้อมถือถังน้ำขนาดกลางและไม้ถูพื้นสำหรับทำความสะอาด
“ทิชาถูพื้นตรงนี้นะลูก เดี๋ยวป้าไปเตรียมอาหารให้พ่อเลี้ยงก่อน”
“ค่ะ”
ดวงตาคู่สวยจ้องมองสิ่งของในมือด้วยความชั่งใจ มือเรียวค่อยๆ จุ่มไม้ถูพื้นลงในถังน้ำก่อนจะนำมาทำความสะอาดรอบๆ ระเบียงบ้านอย่างเก้ๆ กังๆ ไม่เป็นงาน
เสียงเดินย้ำเท้าเข้ามาใกล้ปรากฏร่างสูงของพ่อเลี้ยงหนุ่มเจ้าของไร่ชาที่ยืนเท้าสะเอวอยู่ไม่ไกล ดวงตาคู่คมทอดมองน้ำมากมายที่ไหลเจิ่งนองอยู่ทั่วบริเวณ
“ทำอะไรของเธอ”
“ช่วยป้านวลถูพื้นค่ะ”
ทิชาเอ่ยตอบไปก่อนจะหันมาทำหน้าที่ของตัวเองต่อ เธอชะงักค้างนิ่งหลังได้ยินเสียงร้องห้ามจากคนข้างกาย
“ใครเขาถูพื้นแบบนั้นกัน!”
นำทัพถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย ในตอนนี้หน้าระเบียงบ้านของเขาเต็มไปด้วยคราบน้ำเพราะสาวเจ้าไม่แม้จะบิดไม้ถูพื้นให้แห้ง
“ทิชาทำผิดเหรอคะ”
ร่างสูงเดินดุ่มมาหาคนที่ยืนทำหน้าซื่อๆ ก่อนจะร้องออกมาสุดเสียงด้วยความเจ็บเมื่อเกิดเหยียบน้ำที่เจิ่งนองไปทั่วบริเวณจนลื่นกระแทกพื้นด้วยความรุนแรง
“โอ๊ย! แม่งเอ๊ย!”
“พ่อเลี้ยง!”
ทิชารีบปรี่เข้ามาพยุงคนที่นอนทรุดกองกับพื้น ใบหน้าหล่อในตอนนี้แดงก่ำไปด้วยความเดือดดาลจนปิดไม่มิด
“เห็นการกระทำของเธอหรือยัง!”
เสียงตวาดลั่นตะคอกใส่หน้าคนที่ยืนถือไม้ถูพื้นอยู่ไม่ไกล จนร่างบอบบางขยับเท้าถอยหลังหนีด้วยความหวาดหวั่น
“ไม่มีใครสอนหรือไงว่าก่อนถูพื้นให้บิดน้ำให้แห้ง”
“ทิวาไม่รู้ค่ะ”
“เธอแค่ความจำเสื่อมแต่ไม่ได้สมองกลับ ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงไม่รู้!”
มือเล็กกำไม้ถูพื้นในมือแน่น เธอขบเม้มริมฝีปากตัวเองก่อนจะเงยหน้าจ้องคนที่มายืนด่าอย่างโกรธเคืองเช่นกัน
“ไม่ต้องมาจ้องเลยนะ!”
“พอทิชาพูดก็หาว่าเถียง พอยืนจ้องนิ่งๆ ก็มาว่าอีก ตกลงจะเอายังไงคะ”
มือหนาเขกศีรษะคนตรงหน้าไปเต็มแรงเพื่อทำโทษหลังได้ยินแบบนั้น พ่อเลี้ยงหนุ่มรีบแย่งไม้ถูพื้นเจ้าปัญหาจากมือหญิงสาวมาถือไว้
“ดูเอาไว้ แล้วจำด้วย”
คนตัวเล็กเดินกระแทกเท้าไปนั่งบนเก้าอี้หน้าระเบียงบ้าน ดวงตาคู่สวยจ้องชายหนุ่มสาธิตการถูพื้นให้ดูอย่างละเอียด
“จุ่มลงไปแบบนี้ เห็นด้านล่างตรงนี้ไหม”
“ค่ะ”
“ใช้เท้าเหยียบแล้วปล่อยมันเอาไว้เป็นจังหวะแบบนี้”
ทิชาชะเง้อหน้าดูพ่อเลี้ยงหนุ่มใช้เท้าปั่นน้ำจนแห้งสนิท ก่อนที่ร่างสูงจะค่อยๆ ถูพื้นให้ดูเป็นตัวอย่าง
“เวลาถูให้เริ่มจากตรงนั้นก่อน”
“ทำไมต้องเริ่มจากตรงนั้นคะ”
“ถามโง่ๆ มีสมองคิดบ้าง ถ้าเธอถูตรงนี้ก็เดินเหยียบตามหลังนะสิ”
คำตอบที่ผสมคำด่าทอทำเอาใบหน้าหวานพ่นลมหายใจฟึดฟัดออกมาด้วยความไม่สบอารมณ์ เขามันเป็นผู้ชายปากร้ายเหลือเกิน
“เข้าใจหรือเปล่า”
นำทัพที่ถูพื้นทำความสะอาดจนเกือบหมดเอ่ยถามคนที่นั่งพับใบไม้เล่นอยู่หน้าระเบียง เขาเท้าสะเอวมองเธออย่างเอาเรื่องทันทีหลังเห็นสีหน้างุนงง
“อีกครั้งได้ไหมคะ”
ทิชาใช้มือลูบท้ายทอยแก้เขินเมื่อให้พ่อเลี้ยงหนุ่มสอนเธอใหม่อีกครั้ง เพราะเมื่อครู่หญิงสาวเอาแต่สนใจนั่งพับใบไม้ที่ปลิวเข้ามาเล่น
“ถ้าครั้งนี้ยังไม่เข้าใจอีก เธอโดนฉันจับโยนออกไปแน่!”
เป็นอีกครั้งที่เจ้าของไร่ชาขนาดใหญ่ในเชียงรายต้องมายืนถูพื้นบริเวณบ้านจนทั่ว ความสะอาดปรากฏขึ้นตรงหน้าเรียกรอยยิ้มจากคนที่นั่งดูไม่ใช่น้อย
“ที่เหลือเธอมาถูเอง”
“ถ้าทิชาเดินออกไปพื้นก็สกปรกสิคะ”
“ว่ายังไงนะ”
“พ่อเลี้ยงถูเกือบจะเสร็จแล้ว ทำไมไม่ทำให้หมด”
นำทัพถลึงตาดุใส่คนที่มานั่งชี้นิ้วใช้เขายังกับเมีย ร่างสูงหมายจะเข้าไปจัดการคนตรงที่นั่งทำหน้าแป้นแล้นอยู่บนเก้าอี้หน้าระเบียง แต่ทว่าต้องชะงักขาไว้เพราะกลัวจะทำพื้นที่เปียกชื้นสกปรก
“ฝากไว้ก่อนเถอะ!”
“ตรงนั้นยังไม่สะอาดค่ะพ่อเลี้ยง”
เสียงหวานเอ่ยบอก พร้อมชี้มือไปยังบริเวณที่พ่อเลี้ยงหนุ่มยังคงถูพื้นไม่สะอาดทำเอาดวงตาคู่คมตวัดมองอย่างคาดโทษ
ร่างสูงเดินเข้าไปถูใหม่อีกครั้ง มือหนาปาดเหงื่อที่ไหลอาบทั่วทั้งใบหน้าหล่อ แม้ชายหนุ่มจะรู้ขั้นตอนการทำความสะอาดงานแบบนี้ดี แต่เกิดมาเขายังไม่เคยต้องมาทำเองเลยสักครั้ง
“พ่อเลี้ยงเก่งจังเลยนะคะ”
“หุบปาก!”
ทิชาแอบยกยิ้มมุมปากอย่างสะใจหลังได้เห็นพ่อเลี้ยงหนุ่มมีอาการไม่สบอารมณ์แบบนั้น
ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์หลอกให้ทำงานบ้าน
ร่างบอบบางได้ยินเสียงรถและเสียงเฮฮาของคนด้านล่าง ก่อนจะหันใบหน้าสวยมองคนที่วิ่งขึ้นบันไดมาด้วยความเหนื่อยหอบ
“มาทำไมไอ้ขุน”
“กูได้ข่าวว่าพ่อเลี้ยงนำทัพว่างจนมายืนถูพื้น เลยขับรถมาดู”
“ปัญญาอ่อน!”
“ฮ่าๆ ปกติมึงเคยทำอะไรแบบนี้ที่ไหน หรือซ้อมเป็นพ่อบ้านใจกล้าวะ”
.
.
.