ด้านชาลิตที่หนีพ่อเขาออกมา เขาก็เดินเข้าไปในบ้านแล้วรีบขึ้นไปชั้นบนทันที พอเข้ามาในห้องนอนของตัวเองแล้ว เขาก็กระโดดนอนบนเตียงแบบเหนื่อย แล้วคิดในใจแบบกังวล
“ผมไม่อยากจะเจอคุณเลยโย” ชาลิตพูดออกไปแล้วก็หลับตา เมื่อเขารู้ว่ายังไงวันนี้เขาก็ต้องเจอกับโยธกา ผู้หญิงคนเดียวที่เขารักสุดหัวใจ แต่มันก็กลับกลายเป็นเพียงแค่ความฝัน เมื่อเธอแต่งงานไปมีครอบครัวกับลูกพี่ลูกน้องของเขาแล้ว
“ก๊อกๆ ตาใหญ่ เปิดประตูให้น้าหน่อยลูก ” พิชามลเดินขึ้นมาตามหลานชายด้วยตัวเอง เมื่อรู้ว่าชาลิตเจอพ่อของเขาเอาสาวๆมาล่อ จนชาลิตหนีขึ้นมาข้างบน
“ครับน้ามล” ชาลิตลุกขึ้นมาแล้วเดินไปเปิดประตู แล้วก็เจอน้าของเขากำลังยืนยิ้มอยู่หน้าประตู
“ตาใหญ่ ทำไมปล่อยตัวโทรมแบบนี้ห้ะ ดูสิ หนวดเคราก็ไม่โกนผมก็ไว้ยาว ไม่ได้นะแบบนี้ เดี๋ยวน้าจะให้ช่างทำผมที่ร้านมาตัดให้ เรานี่นะ ไม่ดูแลตัวเองเลย” พิชามลที่กำลังจะเข้าไปกอดหลานถึงกับชะงักที่หลานชายไว้หนวดรุงรังผมก็ไม่ตัด เธอจึงจะให้ช่างทำผมที่ร้านของเธอมาตัดผมให้หลานชาย
“เห้อ แล้วแต่อามลเลยก็แล้วกันครับ กอดหน่อย คิดถึงจังเลย” ชาลิตพูดบอกไปแล้วเข้าไปกอดผู้เป็นน้าสาว ซึ่งเป็นคนเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่ที่แม่ของเขาตายไป
“น้าก็คิดถึงเราเหมือนกัน กลับมาบ้านเราสักทีนะ รอบนี้อยู่นานๆนะ น้าขอร้อง” พิชามลพูดบอกไปแล้วก็กอดหลานชายไปด้วย ก่อนจะถอนกอดออมากแล้วเอามือไปตีไหล่ของหลานชายเบาๆ
“ครับน้ามล ผมจะอยู่ให้นานที่สุดเท่าที่ผมทำได้ครับ” ชาลิตบอกไปแล้วก็ยิ้มให้ เพราะเขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านนานจริงๆนั่นแหละ
“โอเค งั้นเราพักผ่อนเถอะ เดี่ยวน้าจะไปเรียกช่างทำผมก่อน แล้วเราก็ค่อยทานอาเย็นกัน วันนี้น้ากับหนูโยลงมือทำอาหารเองเลยนะ รับรองว่าอร่อยแน่ๆ น้าไปก่อนนะลูก” พิชามลพูดบอกไปแล้วยิ้ม
“ครับน้ามล” ชาลิตได้ยินแบบนั้นก็เพียงแค่ยิ้มและพูดตอบไปแบบนิ่มๆ เพราะตอนนี้เขาพยายามจะเฉยๆกับเรื่องของโยธกาแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน อนุวัตรก็หมดอารมณ์สนุกกับสาวๆพริตตี้ที่เขาจ้างมา เขาก็เลยสั่งสาวๆกลับไปแล้วเขาก็เดินเข้าไปในบ้านเพื่อคุยกับลูกชาย แต่มันกลับหนีขึ้นไปนอนบนห้องซะงั้น
“อ่าวคุณพี่ ไม่สนุกแล้วเหรอคะ ไหนบอกจะจัดปาร์ตี้ให้ตาใหญ่ไง” พิชามลเดินพาช่างทำผมเข้ามาในบ้านแล้วเอ่ยถามพี่เขยไปแบบขำๆ
“จะสนุกได้ยังไงก็เจ้าใหญ่มันเล่นด้วยที่ไหนกัน มันหนีขึ้นห้องไปแล้วน่ะสิ แล้วนี่พาคนมาทำอะไรเยอะแยะเนี่ย” อนุวัตรถามออกไปแล้วมองคนที่มากับพิชามล
“ก็มาตัดผมให้เจ้าใหญ่น่ะสิคะ ไปอยู่เกาะแล้วไม่ดูแลตัวเองเลย ทำตัวอย่างกับโจรไปทุกวัน น้องก็เลยต้องให้เด็กที่ร้านมาแปลงโฉมให้กับมาหล่อๆน่ะสิคะ” พิชามลพูดบอกไป เพราะจริงๆแล้วชาลิตนั้นหน้าตาดีมากทีเดียว
“เออดีๆ มันจะได้เหมือนคนขึ้นมาบ้าง ไปเถอะ” อนุวัตรบอกน้องเมียไปแล้วก็เดินออกไป เพราะเขาก็ต้องไปเปลี่ยนชุด ส่วนพิชามลก็ช่างทำผมไปจัดการกับหลานชายตัวดีของเธอ
ด้านอภิรดีก็รอลูกสาวของเธอกลับบ้านแบบใจจดใจจ่อ เพราะข้อเสนอของอนุวัตรที่ให้กับเธอนั้นมันน่าสนใจมาก พอลูกสาวเธอเดินเข้ามาในบ้าน เธอก็พูดกับลูกสาวทันที
“ยัยเม แม่มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย อยู่คุยกับแม่ก่อน อย่าพึ่งขึ้นข้างบน มาๆ” อภิรดีพูดออกไปแล้วเข้าไปจับแขนของลูกสาวมานั่งที่ห้องนั่งเล่น
“มีอะไรคะคุณแม่ เมเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว คุยพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอคะ” เมธาวีพูดออกไปแบบหงุดหงิด เพราะเธออารมณ์ไม่ดีมาตั้งแต่เจอไอ้ลูกค้านั่นแล้ว
“ไม่ได้ เรื่องนี้มันสำคัญ แม่อยากจะให้ลูกเอาไปคิด” อภิรดีพูดไป เมธาวีก็หันมามองผู้เป็นแม่แบบสงสัยว่ามีเรื่องอะไร
“งั้นก็รีบๆพูดมาค่ะแม่ มีเรื่องอะไร” เมธาวีถามไปก็รอคำตอบจากแม่ของเธอ
“คือ คุณอนุวัตรเจ้าหนี้ของเราน่ะ เขาบอกกับแม่ว่า ถ้าหนูยอมแต่งงานจดทะเบียนสมรสกับเขา เขาจะยอมยกหนี้ทั้งหมดให้เรา พร้อมกับจะให้เงินค่าสินสอดเราอีกห้าล้านถ้าลูกยอมแต่ง บ้านเราก็จะปลดหนี้ที่ติดคนอื่นไว้แล้วนะยัยเม” อภิรดีพูดอธิบายบอกไปแบบนุ่นนวล ต่างจากเมธาวีที่ได้ยินถึงกับกัดฟันแบบเจ็บใจที่ถูกตาเฒ่าหัวหวังจะเอาเธอไปทำเมีย
“เมไม่แต่งกับคนแก่คราวพ่อแบบนั้นหรอกค่ะ หนี้ก็ส่วนหนี้สิคะ ทำไมต้องให้เมไปแต่งงานด้วย ชีวิตเมไม่จมปลักกับคนแก่ๆหรอกค่ะ แม่ไม่ต้องมาถามเมเรื่องนี้อีกนะคะ เพราะยังไงเมก็ไม่แต่ง” เมธาวีพูดออกไปแบบจริงจัง เธอจะไม่เอาชีวิตของเธอทั้งชีวิต ไปคอยดูแลผู้ชายแก่เด็ดขาด
“แต่บ้านเราไม่มีทางเลือกแล้วนะยัยเม ลูกก็รู้ว่าเราไม่ได้ร่ำรวยแบบเมื่อก่อนแล้ว ลำพังเงินที่เราและของยุ แล้วก็ยัยน้ำผึ้งที่หามา มันก็แทบจะไม่พอค่าใช้จ่ายในบ้านแล้ว แม่ว่าลูกยอมแต่งงานดีกว่าไหม ถ้าเราไม่มีเงินใช้หนี้คุณอนุวัตรเขา แม่ก็คงต้องขายบ้านหลังนี้ แล้วพวกเราก็ไปหาที่อยู่ใหม่” อภิรดีพูดบอกไปแบบตัดใจ เพราะถ้าลูกสาวของเธอไม่แต่งงาน
“ไม่นะคะ แม่จะขายบ้านนี้ไม่ได้ ยังไงพวกเราก็ต้องอยู่ที่นี่ต่อ ยัยน้ำผึ้งหลานรักคุณแม่ ทำไมไม่ให้มันแต่งล่ะคะ คุณแม่จะให้มันนอนสบายที่บ้านนี้แล้วจะให้หนูไปตกนรกกับคนแก่ๆงั้นเหรอคะ” เมธาวีพูดออกไปเมื่อนึกถึงลลิสา ลูกพี่ลูกน้องของเธอที่แม่เธอเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กๆ
“ไม่ใช่นะลูก คุณอนุวัตรเขาชอบลูกเขาอยากแต่งงานกับลูก ไม่ใช่กับน้อง” อภิรดีพูดตอบไป เพราะเธอก็รักลิลสาพอๆกับลูกๆของเธอนั่นแหละ เธอก็ไม่ได้อยากให้ใครคนไหนแต่งงานกับคนแก่คราวพ่อหรอก
“ก็เพราะเมสวยน่ะสิคะ แต่คนแก่อย่างนั้นอย่าหวังว่าจะได้แตะตัวเมเลย เครื่องเพชรคุณแม่มีไม่รู้เท่าไหร่ก็เอาไปขายมาใช้หนี้เขาก่อนสิคะ แล้วเดี๋ยวเมจะรีบหาเงินมาช่วยด้วย เมขอตัวนะคะ เมเหนื่อยมามากแล้ววันนี้” เมธาวีพูดจบก็เดินหนีออกไปทันที จนอภิรดีมองตามแบบเหนื่อยใจกับความเอาแต่ใจของลูกสาวของเธอ
“เห้อ ยัยเม เครื่องเพชรที่แม่มี แม่ก็เอาไปขายมาใช้หนี้เขาหมดแล้ว แล้วแม่จะไปเอาที่ไหนมาขายอีก” อภิรดีพูดออกมาแบบท้อใจเพราะลูกสาวของเธอไม่ยอมแต่งงานกับอนุวัตรแบบนี้แล้ว เธอเองก็จนปัญญาที่หว่านล้อมลูกสาวแล้ว
พอชาลิตถูกน้าเขาจับตัดผมโกนหนวดแล้วก็ไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่แบบดูดีลงมาด้านล่าง แล้วก็เจอทุกคนกำลังนั่งรอที่โต๊ะอาหารกันแบบพร้อมหน้า โดยเฉพาะโยธกาที่นั่งยิ้มให้เขาพร้อมกับมีลูกสาวตัวน้อยสุดแสนจะน่ารักของเธอนั่งด้านข้าง
“หล่อมาเลยนะคะพี่ใหญ่ แบบนี้สาวๆคนติดตรึมแล้วแหละ” ปณิตาแซวพี่ชายออกไปแบบขำๆ เพราะเห็นน้าเธอบอกว่าพี่ชายของเธอกำลังถูกแปลงโฉมอยู่
“ไม่ต้องเลย เรานี่มันร้ายนะยัยเล็ก ช่วยพ่อโกหกพี่แบบนี้ได้ยังไงหึ” ชาลิตพูดไปแล้วก็เดินไปขยี้ผมน้องสาวแบบเอาคืนอย่างขำๆ
“อื้อ พี่ใหญ่ปล่อยเล็กเลยนะ คุณพ่อคะ น้ามล พี่รอง ช่วยเล็กด้วยค่ะ” ปณิตาพูดร้องขอออกไปทันที เมื่อถูกพี่ชายแกล้ง
“เราโกหกพี่ใหญ่เองช่วยไม่ได้ยัยเล็ก ฮ่าๆ เอาเลยพี่ใหญ่” ภาสวรพูดไปแบบขำๆ แล้วมองดูสองพี่น้องแกล้งกันอย่างน่ารัก
“พอแล้วตาใหญ่ จะแกล้งน้องอะไรหนักหนาล่ะ มาๆมานั่งทานข้าวเร็ว น้าแกกับหนูโยเขาทำอาหารอร่อยๆมาทั้งนั้น” อนุวัตรเอ่ยพูดบอกไปแบบห้ามปราม โตจนป่านี้แล้วยังแกล้งกันเป็นเด็กๆไปได้
“สบายดีนะคะพี่ใหญ่” โยธกาเอ่ยทักทายไปแบบเป็นกันเองแล้วก็ยิ้ม จนชาลิตชะงักไปแล้วก็ยิ้มตอบกลับมา
“พี่ก็เรื่อยๆแหละ ดีบ้างไม่ดีบ้าง ไหนดูดูสิว่าวันนี้มีอะไรทานบ้าง ขอโปรดผมทั้งนั้นเลย” ชาลิตตอบโยธกาไปแล้วก็หันไปสนใจอาหาร แล้วก็นั่งลงตรงข้ามกับน้าของเขา จนโยธกายิ้มอ่อนๆออกมาแบบเข้าใจที่เขาไม่ค่อยอยากจะคุยกับเธอต่อหน้าทุกคน
“ก็แน่น่ะสิน้าแกน่ะ พอรู้ว่าแกจะมาก็จัดมาซะชุดใหญ่เลย เอาๆ ทานข้าวกันเถอะ” อนุวัตรพูดบอกไปแล้วก็ยิ้ม จากนั้นทุกคนก็นั่งทานข้าวกับแบบเอร็ดอร่อย
“เออเจ้าใหญ่ แกก็อายุเยอะแล้ว พ่อว่าแกควรจะแต่งงานได้แล้วนะ หรือถ้าแกยังไม่เจอคนที่ถูกใจพ่อจะหาให้เอาไหม ฉันอยากอุ้มหลานจากแกบ้าง” อนุวัตรพูดบอกไป แล้วคิดไปถึงเรื่องของลูกสาวอภิรดีที่เขาไปขอมาทำเมีย ถ้าลูกชายเขาตกลงให้เขาหาให้ล่ะก็ เขาจะยอมยกให้เลย
“ไม่ต้อง ผมอยากอยู่คนเดียว พ่ออยากแต่งก็แต่งเองสิ ถ้าอยากอุ้มหลานก็หนูแยมนี่ไง พ่อก็อุ้มไปสิ ไม่ต้องรอจากผมหรอก เพราะผมจะไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้น” ชาลิตตอบมาแบบกวนๆ จนอนุวัตรมองแล้วยิ้มใส่ลูกชายแบบยอมใจ
โยธกาได้ยินแบบนั้นก็แอบรู้สึกผิดที่เลอกกับเขามาคบกับน้องชายของเขาแทน แต่มันก็ผ่านมานานแล้ว เธอไม่คิดว่าเขาจะฝังใจจนไม่คบกับใครแบบนี้ ภาสวรที่เห็นภรรยาทำหน้ากังวลก็จับมือของโยธกาไว้แล้วหันมายิ้มให้กันและกัน
“เออ ไม่เอาก็ไม่เอาสิวะ ฉันอุ้มหลานจากเจ้ารองมันก็ได้ ตอนนี้มันกำลังจะมีคนที่สองแล้วนะเจ้าใหญ่ แกรู้ไหม เตรียมของรับขวัญหลานไว้ได้เลย” อนุวัตรพูดตอกย้ำลูกชายไปแบบรู้ว่า ที่ลูกชายไม่ยอมเปิดใจให้ใครก็เพราะว่ายังรักโยธกาอยู่
“ดีใจด้วยนะ แล้วกี่เดือนแล้วล่ะ” ชาลิตพูดบอกไปแล้วยิ้ม ทั้งที่ในใจของเขามันชาไปหมดแล้ว
“ตอนนี้สามเดือนกว่าแล้วครับพี่ใหญ่ เดือนหน้าก็คงจะรู้เพศแล้วล่ะ ผมกับโยอยากได้อยู่ชาย โตไปจะได้ดูแลพี่สาวได้ ผมอยากให้พวกเขารักและดูแลกันแบบพวกเราสามคน” ภาสวรพูดบอกไปแบบมีความสุข ที่เขากำลังจะมีพยานรักคนที่สองแล้ว
“พี่เชื่อว่าแกสอนลูกแกได้รอง ขอให้แกได้ลูกชายละกัน” ชาลิตบอกไปก็ยิ้ม แล้วมองโยธกากับน้องชายสลับกัน พร้อมกับเห็นทั้งสองจับมือกุมกันไม่ปล่อยเลย จนเขามองแล้วก็แอบอิจฉาในใจ
จากนั้นทุกคนก็พูดคุยกันต่อแบบสนุกสนาน ชาลิตก็พยายามเก็บความช้ำใจเอาไว้จนกระทั่งทานอาหารเสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายกลับ เขาก็มองน้องชายอุ้มลูกสาวแล้วเดินจับมือกับโยธกากลับบ้านไปด้วยสายตาล่ะห้อย
“พี่ใหญ่คะ เรื่องพี่กับพี่โยมันนานมาแล้วนะคะ เล็กว่าพี่ใหญ่ลองเปิดใจคบกับคนอื่นดูดีไหมคะ” ปณิตาเดินมาด้านหลังแล้วเอ่ยพูดออกไป
“อะไรยัยเล็ก พี่ไม่ได้คิดอะไรกับโยเขาแล้ว ตอนนี้โดยเขาเป็นน้องสะใภ้พี่นะ พี่จะคิดแบบนั้นได้ยังไง เฮ้อ เรานี่ชอบโมเมไปเอง พี่ไปดีกว่า วันนี้มีนัดกับเพื่อน” ชาลิตพูดกลบเกลื่อนไปแล้วก็เดินหนีน้องสาวออกไปทันที จนปณิตามองแล้วส่ายหัว
“พูดอย่างใจอย่างจริงๆพี่ใหญ่ เล็กรู้ว่าพี่ใหญ่ยังลืมพี่โยไม่ได้” ปณิตาพูดออกมาแล้วมองตามพี่ชายของตัวเองไปแบบกังวล แล้วได้แต่หวังในใจว่าพี่ชายของเธอจะไม่อยู่แบบโสดๆแบบนี้ต่อไป
หลังจากนั้นชาลิตก็ออกมานั่งดื่มที่คลับกับอติรุจและสิงหาเพื่อนสนิทของเขา แล้วพวกเขาก็นั่งมองสาวๆหนุ่มเต้นกันไปมาด้านด้านหน้า เนื่องจากพวกเขานั่งเป็นโต๊ะวีไอพี
“ไอ้ใหญ่ แกจะดื่มให้ตายยังไงแกก็เอาโยเขากลับมาไม่ได้หรอก นี่ก็หลายปีแล้วนะโว๊ย แกลืมไปเถอะว่ะ เขากลายเป็นน้องสะใภ้ของแกไปแล้ว” อติรุจพูดบอกไปแบบปลอบใจเพื่อนหนุ่ม
“ใครมันจะไปทำใจได้วะ ไอ้ใหญ่มันเห็นหน้าน้องโยเขาทุกวันแบบนั้น ถ้ามันทนได้มันจะหนีไปอยู่เกาะหรือไง ถ้าไอ้ใหญ่มันอยากจะลืมอ่ะน่ะ มีวิธีเดียวเลย หาผู้หญิงคนใหม่” สิงหาพูดแทรกใส่เพื่อนหนุ่มไป
“ฉันไม่อยากได้คบใคร” ชาลิตพูดบอกไป เพราะเขากลัวจะเจ็บแบบโยธกาอีก สู้เขาอยู่เป็นโสดแบบนี้ดีกว่า
“แต่ถ้าแกไม่คบกับใครแล้วอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ แกจะไหวเหรอที่ต้องทนเห็นโยกับรองน่ะ ลองเปิดใจสิวะ แกดูสิ มีผู้หญิงตั้งเยอะแยะที่เขาพร้อมจะเปิดโอกาสให้กับแกน่ะ” สิงหาพูดบอกไปแล้วทำมือชี้ไปที่สาวๆที่โต๊ะด้านหน้า ชาลิตก็มองตามไปแต่ก็ไม่เห็นมีผู้หญิงคนไหนเข้าตาเขาเลยสักคน
“คนนั้นก็แจ่มนะโว๊ย แกดูสิวะ เต้นเอวพลิ้วเลยว่ะ ตอนอยู่บนเตียงก็น่าจะพลิ้ว ฮ่าๆ” อติรุจพูเสริมออกไปแล้วมองสาวเต้นยั่วหนุ่มๆแบบชอบใจ
“พวกแกมันไอ้พวกหื่น” ชาลิตพูดว่าเพื่อนๆไปแล้วก็ยกเหล้าขึ้นมาดื่ม แล้วก็แลสายตาไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเต้นอยู่ที่โต๊ะกับเพื่อนๆของเธอที่น่าจะมากันแบบกลุ่มใหญ่
“อย่ามาว่าพวกฉันเลย เมื่อก่อนแกก็หื่นเหมือนกันนั่นแหละไอ้ใหญ่ ไง มองไปโต๊ะนั้นแล้วเจอเหยื่อโดนใจเหรอวะ” สิงหาตอบโต้กลับไปแบบไม่ยอม ถึงมันจะทิ้งลายเสือไว้ แต่เขาเชื่อว่าเลดาร์ล่าเหยื่อของมันยังอยู่ จากการที่เขาเห็นสายตาของมันมองไปที่สาวๆกลุ่มหนึ่งเข้า
“ไปล่าสิวะ ไม่ได้ปล่อยของนานๆเดี๋ยวมันเสื่อมนะโว๊ย ฮ่าๆ” อติรุจพูดแบบแซวๆเพื่อนหนุ่มอย่างขำๆ