ตอนที่ 7
“เอาไว้เราค่อยไปรู้จักกันตอนที่อยู่ในห้องแล้วไม่ได้หรือไง ถึงตอนนั้นฉันชื่ออะไรเธอคงจะไม่ค่อยอยากสนใจก็ได้มั้ง ในเมื่อ...” ฟารฮานทอดเสียงยาวนุ่มทุ้ม ปลายนิ้วลากไล้ไปบนเรือนกายนุ่มแผ่วเบาและนุ่มนวล “ระหว่างเรามีอะไรให้ทำมากกว่าจะมาแนะนำตัวกัน” มือใหญ่ขยับไล้วนเวียนลงไปตามลำตัว แล้วหยุดตรงหน้าท้องแบนราบเรียบ
ถึงจะมีผ้าเนื้อนุ่มขวางกั้นอยู่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความร้อนผ่าวจากมือใหญ่ที่ขยับไล้ลดน้อยลง ปิยาพัชรถึงกับขนลุกซู่ จะถอยหนีก็ไม่ได้เพราะติดผนังห้องแล้ว หรือจะขยับไปทางซ้ายและขวาก็ยังติดร่างหนาใหญ่ที่กางกั้นเอาไว้ทุกทาง ขาเรียวยาวสั่นเทาเมื่อมือใหญ่ขยับเข้าไปใกล้จุดสงวนเรื่อยๆ มือเล็กเรียวรีบยื่นไปจับแขนใหญ่ไว้ พร้อมกับค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกจากปอดช้าๆ
“มะ...ไม่ดีค่ะ” ปิยาพัชรข่มกลั้นน้ำเสียงสั่นเทา พยายามเรียกรอยยิ้มให้เกิดขึ้นบนใบหน้า
“ถึงตอนนั้นมัดหมี่จะมั่นใจได้ไงกันล่ะว่า คนที่อยู่ด้วยมี่ตอนนี้และคนที่อยู่ด้วยในห้องจะเป็นคนเดียวกัน คุณ...แนะนำชื่อให้มัดมี่รู้จักก่อนไม่ได้หรือคะ” เข่ามนค่อยๆ ย่อลงอย่างช้าๆ มือก็พยายามยื่นไปควานหาชั้นในที่ตกหล่นอยู่ใกล้ๆ กับปลายเท้า ใบหน้าก็เบือนหนีจมูกโด่งคมที่โน้มลงมา จึงกลายเป็นว่าริมฝีปากหนาร้อนที่จะประทับบนริมฝีปากนุ่ม ประทับลงไปบนบ่ากว้างแทน
“ถ้าเธออยากให้เป็นคนเดียวกัน เธอก็เดินตามฉันไปทั่วทั้งงานซิมัดหมี่ รับรองได้ว่า คนที่อยู่กับเธอตอนนี้กับคนที่จะอยู่กับเธอบนเตียงเป็นคนเดียวกันแน่นอน” เพราะรู้ว่าปิยาพัชรกำลังทำอะไร ฟารฮานจึงยอมเล่นด้วย ร่างหนาใหญ่ถอยออกมาเล็กน้อย มือควานหาบราตัวเล็กที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมาชูสูงๆ
“หานี่อยู่หรือมัดหมี่”
แขนเรียวยาวรีบคว้าชั้นในตัวน้อยจากมือใหญ่ แต่เหมือนกับเป็นการแกล้ง แขนหนาขยับขึ้นสูงจนร่างบอบบางถลาจมหายไปในอ้อมอกกว้าง จนหูได้ยินเสียงหัวใจชายหนุ่มเต้น ใบหน้าขาวสวยเห่อแดงขึ้นอย่างรวดเร็ว มือก็รีบยันตัวออกจากอ้อมอกกว้าง แต่เมื่อชายหนุ่มไม่ยินยอมแขนใหญ่โอบรัดร่างบอบบางแน่นขึ้นเสียอีก
“หืม...อยากอยู่กับฉันจนอดใจรอให้งานเลิกไม่ไหวเชียวหรือมัดหมี่ ได้จ้ะสาวน้อย งั้นเราไปเปิดห้องกันเลยนะ” ฟารฮานถามพร้อมเสียงหัวเราะ
ใบหน้าคมโน้มลงประทับจุมพิตบางเบาเหมือนกับผีเสื้อดมดอมหาน้ำหวานจากดอกไม้งาม มือใหญ่ตวัดแผ่วพลิ้วไปหาบัวตูมเต่งตึง ยามที่กดน้ำหนักมือลงไปมันก็ตอบสนองกลับมาอย่างรวดเร็วทันควัน ปลายนิ้วยาวลากไล้วนเวียนรอบป้านบัว กดคลึงเบาๆ ให้กายสาวน้อยสั่นสะท้านและชินกับกายใหญ่ เมื่อถึงตอนที่สองร่างแนบชิดกันสาวน้อยมัดหมี่จะได้ไม่เขินอายที่จะแสดงความรักตอบ
ริมฝีปากอวบอิ่มขบเม้ม สะกดกลั้นความอายและโกรธที่โอบล้อมรอบเรือนกาย ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้หน้าด้านหน้าทนและน่ารังเกียจเหลือเกิน นึกว่าผู้หญิงเหมือนกันทุกคนหรือไง เสียดายจริงๆ ถ้าพี่มัดหวายมาด้วยก็ดี จะได้ชกให้หน้าหงายไปเลย สองมือเรียวกำแน่น ลมหายใจหญิงสาวหอบแรงอย่างพยายามสะกดกลั้นอารมณ์โกรธและตกใจไว้ภายใน
“เปล่าเสียหน่อย มัดหมี่แค่อยากได้นั่นคืน คุณคืนให้นะคะ แล้วเอ่อ...ป่านนี้เพื่อนมัดหมี่คงจะรอนานและออกตามหาแล้ว ขอมัดหมี่ไปหาเพื่อนแล้วเราก็เข้าไปคุยกันในงานดีกว่าไหมคะ”
“ก็ช่างซิ ฉันไม่เห็นจะสนใจเลย” เรื่องอะไรจะยอมปล่อยแม่มัดหมี่เนื้อหวานไปง่ายๆ ล่ะ กว่าจะมีโอกาสอยู่ด้วยกันสองต่อสองก็ยากอยู่แล้ว ปล่อยให้เข้าไปนั่งในงานก็เป็นเป้าสายตาคนอีกนะซิ ไม่ดีกว่า อยู่แบบนี้แหละดีแล้ว นึกอยากกอดก็กอดได้ อยากจูบแนบชิดเท่าไหร่ก็ทำได้
“คุณพูดแบบนี้ไม่ดีเลยนะคะ คุณไม่เห็นใจมัดหมี่เลย ขนาดเจอกันครั้งแรกคุณก็ลวนลามกันเสียแล้ว ชื่อก็ไม่ยอมบอกให้รู้” น้ำตาอุ่นร้อนเอ่อล้นคลอเบ้า ค่อยๆ เบือนหน้าหนีไปอีกทาง แล้วพูดจาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างตัดพ้อต่อว่า “มัดหมี่จะรู้ได้ยังไง คุณจริงใจกับมัดหมี่ ไม่ได้หลอกฟันแล้วทิ้ง”
ช่างพูดจริงๆ นะมัดหมี่ แต่ขอโทษนะสาวน้อย เพราะฉันไม่หลงกลเธอง่ายๆ หรอก
ฟารฮานยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก ยอมลดมือลง ส่งชั้นในตัวเล็กให้หญิงสาวได้ใส่ แต่ถ้าจะให้ใส่เฉยๆ ก็คงจะง่ายไปหน่อย ยามที่มือเล็กและสั่นเทาพยายามติดตะขอเสื้อ ปลายนิ้วยาวใหญ่กลับลากไล้กดคลึงปทุมถันอิ่มเต็มแรงๆ
“อันนี้ฉันก็บอกไม่ได้หรอกนะมัดหมี่ เพราะมันขึ้นอยู่กับการทำตัวมากกว่า จะเป็นผู้หญิงแบบไหนกัน จู้จี้ขี้บ่น ทำตัวไร้สาระ หรือว่าจะเป็นคนน่ารัก เอาอกเอาใจเก่งและลีลาบนเตียงเยี่ยมยอด”
ปิยาพัชรเกือบจะส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความโกรธ จิกปลายเล็บลงไปบนผิวเนื้อ ลมหายใจหอบแรง ริมฝีปากขบเม้มจนห้อเลือด แต่ก็รีบดึงสติกลับมาโดยไว มือเล็กพยายามดึงซิปตัวเสื้อขึ้นสูง แต่ก็เหมือนกับโชคร้ายเกิดขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อซิปกลับกินเข้าไปในเนื้อผ้าจนรูดไม่ขึ้น ถ้าดึงแรงไปก็กลัวผ้าจะขาด แต่ถ้าปล่อยแบบนี้คนอื่นๆ ก็ต้องเห็น
โอ๊ย!! มันจะอะไรหนักหนานะวันนี้ ทำไมมีแต่เรื่องซวยทั้งวันเลยวุ้ย
“มีอะไรให้ฉันช่วย บอกได้นะมัดหมี่” ฟารฮานถามยิ้มๆ แขนใหญ่กอดรัดร่างบอบบางและดึงเข้ามาแนบชิดและช่วยดึงตัวผ้าออกจากซิปเบาๆ แต่ริมฝีปากก็ยังวนเวียนหากำไรประพรมจุมพิตจากบ่ากว้าง ขึ้นไปตามลำคอระหง และประทับบนเรียวปากนุ่มที่กำลังจะส่งเสียงร้องห้าม
ริมฝีปากหนานุ่มขบเม้มริมฝีปากอิ่มเต็ม ปลายลิ้นสากระคายค่อยๆ ลากไล้และซอกซอนเข้าไปในเรียวปากนุ่มอิ่มเต็ม มือใหญ่จับแขนเรียวยาวที่พยายามดันร่างกายหนาแกร่งให้ออกห่างไพล่หลัง ปลายนิ้วไล้วนข้อมือสลับกับสะโพกกลมมน อีกมือขยับเคลื่อนไปตามลำขาเรียวยาว ขยำบีบต้นขาเสลา ความร้อนผ่าวแผ่ซ่านไปทั่วร่างจนต้องรีบระงับอารมณ์ปรารถนาที่กำลังปะทุเหมือนไฟกำลังเผาไหม้ให้คงที่ ก่อนที่จะทนไม่ไหวจนต้องรักปิยาพัชรเสียตรงนี้
แขนใหญ่โอบรัดรอบเรือนกายบอบบาง ขบกัดฟันจนได้ยินเสียงดังกรอด ใบหน้าซบกับซอกคอระหง ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจลมหายใจหอบแรงเข้าออกอย่างช้าๆ จนกลับเป็นปกติ
“รีบเข้าไปในงานดีกว่ามัดหมี่ ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวรักเธอตรงนี้เลย แล้วอย่างลืมนะสาวน้อยคืนนี้เจอกันหลังงานเลิก” สองมือใหญ่ดันร่างบอบบางเดินออกจากมุมอับ แต่ตัวเองยังคงยืนอยู่ตรงนั้นมองสาวน้อยปิยาพัชรเดินแกมวิ่งลับหายเข้าไปในห้องบอลลูม
จันฑีรานั่งกระสับกระส่าย พลางกวาดสายตามองหาร่างเพื่อนรักที่หายไป บอกว่าจะไปห้องน้ำแต่กลับหายตัวไปนานจนน่าสงสัย
“แกไปห้องน้ำหรือว่าแกไปตกถังส้วมกันแน่ยัยมัดหมี่ ทำไมป่านนี้ถึงยังไม่มาฮึ” ริมฝีปากอวบอิ่มขยับขึ้นและลงอย่างน่ามอง แล้วเมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวหายตัวไปนานเกินไปแล้วก็เลยตัดสินใจที่จะตามไปดู เผื่อที่ว่าเพื่อนรักอาจต้องการความช่วยเหลืออยู่ก็เป็นได้
อินซอฟที่เฝ้าจับตามองสาวน้อยในชุดสีเหลืองทองคนนี้มานานแล้ว เมื่อเห็นว่าร่างบอบบางกำลังขยับเก้าอี้จะลุกขึ้น ด้วยเกรงกลัวว่าจะเป็นการไปรบกวนนายหนุ่มที่คงจะกำลังพูดคุยหาความสุขส่วนตัวอยู่กับสาวน้อยนามมัดหมี่ เลยพาร่างกายหนาใหญ่ของตัวเองมายืนใกล้ๆ พร้อมเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงที่คิดว่านุ่มนวลที่สุดแล้ว