ตอนที่ 8
“สวัสดีครับ”
จันฑีราแหงนหน้าขึ้นและรีบตีหน้ายักษ์อย่างลืมไปว่าตอนนี้บนใบหน้าเธอมีหน้ากากปีกนกสีเหลืองทองปกปิดอยู่ เมื่อเห็นมือใหญ่จับขอบเก้าอี้เคลื่อนออกพร้อมกับนั่งลงใกล้ๆ ใบหน้าสวยเชิดขึ้นสูงและขยับกายหันไปอีกด้าน
“จะรีบไปไหนล่ะครับคุณ...อยู่คุยกันก่อนซิ” มือใหญ่เอื้อมไปวางทับบนมือเรียวขาวที่กำกระเป๋าสตางค์ใบเล็กบนตักแน่นจนเส้นเอ็นปูดโปนออกมาให้เห็น อีกทั้งใบหน้าที่ถึงแม้จะซุกซ่อนอยู่ใต้หน้ากากไปครึ่งหนึ่ง แต่ก็ยังสามารถมองเห็นประกายโกรธที่แวบออกมาจากดวงตา และใบหน้าก็เริ่มแดงตลอดไปจนถึงลำคอระหง
อืม...เป็นอย่างเช่นที่นายบอกไว้ แม่สาวตรงหน้าท่าทางดุร้ายและร้อนแรงไม่เบา ไม่รู้ว่ายามที่เธออยู่บนเตียงกับเขาจะกลายเป็นนางแมวยั่วสวาทหรือเปล่านะ
ใบหน้าคมคร้ามแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มจนดวงตาพราวระยับด้วยความพอใจ ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้เบาๆ บนมือเล็กเรียว
ริมฝีปากอวบอิ่มขบเม้มอย่างแรง หัวใจเต้นแรงและเร็วตามเส้นเลือดที่มันสูบฉีดด้วยความโกรธและไม่พอใจกับพฤติกรรมจาบจ้วงและเห็นแก่ตัวของผู้ชายที่เธอยังไม่รู้จัก มือเล็กเรียวรีบสะบัดออกและถลาลุกอย่างเร็ว จนเก้าอี้เกือบจะล้มกองกับพื้น แต่ก็ดีที่ได้แขนใหญ่จับรั้งเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่เหตุการณ์ทุกอย่างจะกลายเป็นจุดสนใจของหลายๆ คนที่นั่งหรือเดินผ่านไปผ่านมา
อินซอฟไม่ยอมให้แม่สาวน้อยในชุดเหลืองทองหนีหายได้ดังใจ ร่างหนารีบเดินตามไปและเพียงแค่ก้าวยาวๆ เพียงแค่สองสามก้าวก็เดินตามทัน แต่ก็เพียงแค่เดินตามไปเฉยๆ อย่างไม่สนใจว่าหญิงสาวจะไม่ชอบใจแล้วยังตวัดสายตาคมกริบราวกับใบมีดโกนส่งมาให้อีกสองสามครั้ง
จะตามมาทำไมนะไอ้บ้านี่ ลมหายใจหอบแรงด้วยความโกรธเกรี้ยวและเริ่มมีความรู้สึกกลัวๆ จุดขึ้นในหัวใจก่อนจะขยายลามไปทั่วเรือนกายอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าร่างใหญ่เดินตามมาติดๆ และเพียงแค่มือเรียวดันประตูให้เปิดออกและก้าวออกไปจากห้อง
มือแกร่งคว้ามือเรียวและดึงเอาร่างบอบบางเข้าแนบชิดกาย อีกมือก็ยกขึ้นปิดปากอวบอิ่มไว้ได้ทันก่อนที่หญิงสาวจะร้องขอความช่วยเหลือ ร่างหนารัดร่างบอบบางและพาเดินไปด้านหลังตึกซึ่งเป็นที่มืด
ดวงตากลมโตเบิกกว้างและเหลือกถลนด้วยความกลัว หัวใจเต้นแรงเร็วราวกับจะทะลุออกจากอกสลับกับอ่อนแรงหวิวๆ เหมือนกับคล้ายจะเป็นลม อีกทั้งลมหายใจก็หอบแรง สองมือสองเท้าเย็นเฉียบ พยายามยกขึ้นประทุษร้ายเพื่อเอาตัวรอดจากน้ำมือผู้ชายที่ไม่เคยรู้จัก ในใจก็เฝ้าภาวนา
ใครก็ได้ช่วยลูกด้วย อย่าให้ไอ้บ้านี่มันทำอะไรลูกเลย
มือใหญ่คลายออกพอให้จันฑีราค่อยๆ คลายความกังวลและหวาดกลัวออกไปได้เล็กน้อย แต่แล้วดวงตากลมโตก็เบิกกว้างขึ้น เมื่อความร้อนผ่าวประดุจถ่านไฟทาบลงบนเรียวปากนุ่มอิ่มเต็ม ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้อายุก็ปาไปเกือบจะยี่สิบสามปีแล้ว ยังไม่เคยถูกใครจูบเลยสักครั้ง แต่วันนี้กลับต้องมาเสียท่าให้กับใครก็ไม่รู้
“อื้อ...อื้อ...” ใบหน้าขาวหอมกรุ่นส่ายหนีริมฝีปากอุ่นร้อน พยายามดึงมือออกจากคีมเหล็กที่จับไว้ สองเท้าก็พยายามบดเบียดส้นเท้าลงไปบนเท้าใหญ่ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะถูกรู้ทันไปเสียทุกอย่าง ขาแข็งแกร่งสอดแทรกเข้าไประหว่างสองขาเรียวยาว กดตรึงไว้ด้วยความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าให้ร่างบางอยู่กับที่ อีกทั้งมือใหญ่ก็จับตรึงปลายคางมนให้รับจุมพิตแผดร้อนอย่างถนัดถนี่
ปากหนาขบเม้มบนริมฝีปากนุ่ม มอบจุมพิตวาบหวามใจให้กับสาวน้อยที่อยู่ใต้ร่าง ปลายลิ้นสากระคายและร้อนผ่าวลากไล้วนเวียนพยายามสอดแทรกเข้าไปหาความหวานภายในโพรงปากนุ่ม แต่ดูเหมือนว่าแม่สาวน้อยชุดเหลืองทองจะไม่ยอมให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่เลย
จันฑีราตัวสั่นด้วยไม่เคยเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นสาวที่ดูก๋ากั่น พูดจาหัวเราะหยอกล้อและรู้ทันผู้ชาย แต่ก็ไม่เคยให้ใครได้ไกลชิดถึงเพียงนี้ ร่างบอบบางพยายามขยับตัวแต่ยิ่งทำกลับยิ่งจมหายเข้าไปในอกกว้าง แล้วตอนนี้ก็รู้สึกเหมือนคนกำลังจะจมน้ำหายใจไม่ออก พยายามเบือนหน้าหนีแต่ก็ไม่พ้นเสียที
ริมฝีปากอวบอิ่มอ้าออก เป็นผลให้คนที่รอคอยอยู่ก่อนแล้วส่งปลายลิ้นสากระคายเข้าไปแต่งแต้มซอกซอนหาความหวานภายในโพรงปากนุ่มอย่างถนัดถนี่ ปลายลิ้นเล็กที่พยายามผลักดันและขับไล่ลิ้นสากร้อนที่ล่วงล้ำเข้าไปให้ปลายลิ้นใหญ่ได้เกาะเกี่ยวดูดกลืนหาความหวานได้มากยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
มือใหญ่ละจากปลายคางมน ลูบไล้ลำคอระหงไพล่ไปด้านหลัง ลูบไล้ผิวกายเนียนนุ่มที่อยู่เหนือขอบเสื้อ แล้ววกมาด้านหน้ากอบกุมเนินเนื้อถันอวบอิ่มและเต่งตึง แต่ตัวเสื้อสีเหลืองทองจับพลีทจากฐานอกยาวลงไปถึงเท้าเป็นปราการขัดขวางให้ต้องอารมณ์เสีย ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้ผิวกายเนียนวกกลับไปด้านหลังอีกครั้งและควานหาตัวซิปและรูดลงเบาๆ
จันฑีราเบิกตากว้าง เมื่อรับรู้ถึงความเย็นของอากาศที่พัดไหวมาแตะต้องเรือนกาย พยายามดึงมือออกจากการจับกุม แต่ก็ไม่สำเร็จ ถึงแม้ว่าจะเคลิบเคลิ้มไปกับจุมพิตหวานเชื่อมที่กำลังสูบเอาวิญญาณออกจากร่าง แต่ด้วยความรักนวลสงวนตัวก็ทำให้เธอต้องรีบดึงสติที่กระเจิดกระเจิงกลับมา สองมือสองเท้าสั่นระริก กายบางอ่อนระทวยเอนตัวอิงร่างกำยำ
ถึงแม้จะคุ้นเคยกับมารยาร้อยเล่มเกวียน แต่เพราะประมาทอีกทั้งสุขใจที่สาวน้อยในอ้อมกอดตอบสนองจุมพิตกลับมาอย่างถึงพริกถึงขิง ก็ทำให้อินซอฟเผลอตัวปล่อยมือเล็กเรียวให้เป็นอิสระ
เพียงเป็นอิสระจันฑีราก็รีบผลักร่างหนาใหญ่ออกห่าง พลางยกแขนเรียวยาวขึ้นสูง และฟาดลงไปบนใบหน้าคมคร้ามอย่างรวดเร็ว เสียงดังยามที่ฝ่ามือเล็กประทับลงไปบนแก้มสากระคาย
เผียะ!! ใบหน้าคมคร้ามหันไปตามแรงตบ ดวงตาคมลุกโชนเป็นประกายไฟ ฟันกรามขบแน่นจนได้ยินเสียงดังกรอด ปลายลิ้นสากร้อนกระทุ้งตรงแก้มข้างที่ถูกตบ
ไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับเขามาก่อน แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใครถึงกล้าตบหน้า ถ้าอยู่ที่บ้านจะจับโบยให้หลังลายเลย ก่อนจะลงโทษบนเตียงนอนให้ลุกไม่ขึ้นสักสามวันเชียว แต่ตอนนี้เมื่อทำอย่างนั้นไม่ได้ก็ต้องหาทางระบายความโกรธที่ปะทุขึ้นมา ด้วยการเอาคืนแม่สาวชุดเหลืองทองนี่ให้สาสมใจเสียก่อน
แต่อินซอฟลืมคิดไปว่าเขาเองเป็นฝ่ายทำร้ายจันฑีราก่อน หญิงเธอเอาคืนแค่นี้เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง เมื่อเทียบกับศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงที่ถูกย่ำยี
จันฑีราเองก็ตกใจและหวาดกลัวจนตัวสั่น เมื่อได้เห็นประกายไฟจากดวงตาคมดุราวกับพญาเหยี่ยว และอย่างไม่คิดอะไร นอกจากจะเอาตัวรอดจากผู้ชายที่น่ากลัวคนนี้ให้ได้ เท้าเรียวก้าวถอยหลัง ร่างบอบบางรีบผันหลังวิ่งหนีอย่างเร็วไว
มือใหญ่จับแขนเรียวยาวและกระชากเข้าหาตัวอย่างรวดเร็ว “เธอกล้าทำร้ายฉันหรือแม่ตัวแสบ”
“ว้าย!! ปล่อยฉันนะไอ้บ้า...ชะ...”
คีมเหล็กจับปลายคางของคนที่ด่าและกำลังร้องเรียกหาความช่วยเหลือ ริมฝีปากหนากดประทับลงไปบนเรียวปากนุ่มอย่างแรง อีกทั้งยังบดคลึงตามแรงอารมณ์โกรธเกรี้ยว ฟันขาวสะอาดขบลงบนเรียวปากนุ่มจนเหมือนกับผิวเนื้อจะปริแตก อีกทั้งมือใหญ่ฟอนเฟ้นบีบเคล้นเนินทรวงสล้างแรงๆ อย่างต้องการให้หญิงสาวที่ทำร้ายเขาก่อนเจ็บปวดบ้างและรู้ว่าถ้าหากยังกล้าทำร้ายเขาอีกผลต่อไปจะเป็นอย่างไร