ยังไม่ทันที่เจ้าเหวินหลงได้เอ่ยอะไรออกมา ลัลนาก็ตัดสินใจถามลั่วเหม่ยเยวี่ยอีกครั้ง พร้อมกับเปลี่ยนการสนทนาจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาจีน เพื่อให้คนที่พูดและฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องได้เข้าใจอะไรมากขึ้น
“สรุปว่าแฟนของเธอพูดอังกฤษไม่ได้เลยเหรอ?” ลัลนาถามอีกครั้ง แต่คราวนี้เปลี่ยนจากภาษาอังกฤษกลายมาเป็นภาษาจีน ภาษาที่ลัลนาใช้ครั้งนี้ก็เรียกความสนใจจากเจ้าเหวินหลง ลูกน้องคนสนิท ลั่วเหม่ยเยวี่ยและแจ๊คกี้ได้ทันที ทุกคนต่างอึ้งจนพูดไม่ออกกันเลยก็ว่าได้ เพราะพวกเขาไม่คิดว่าคนที่ลั่วเหม่ยเยวี่ยเกาะติดซะแน่นในตอนนี้พูดได้หลายภาษา
หนึ่งในลูกน้องคนสนิทของเจ้าเหวินหลงที่ดูแปลกใจที่สุด นั่นเพราะว่าเขาเป็นลูกครึ่งไทย-จีน จึงรู้ได้ตั้งแต่แรกที่อีกฝ่ายสบถออกมาเป็นภาษาไทย เขามองแวบแรกก็รู้ว่าเป็นคนไทย เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็เท่านั้น แต่พอลองพิจารณาคำพูดและท่าทางใหม่ เขาก็เลยมั่นใจว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแท้จริงแล้วเป็นผู้หญิง
“คุณพูดจีนได้ด้วยหรือค่ะ” ลั่วเหม่ยเยวี่ยถามขึ้นอย่างตกใจ
“ก็ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลยนิ ฉันเรียนหนังสือมา ฉันก็ต้องพูดหรือเขียนภาษาจีนได้อยู่แล้ว ฉันว่าตอนนี้เรามาเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน เธอนะหาแฟนที่หน้าตาดูดีกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง”
“เอ่อ...คือ...” คนถูกถามถึงกับอ้ำอึ้งอีกครั้ง แล้วเริ่มรู้สึกไม่ชอบใจสาวหล่อคนนี้ขึ้นเล็กน้อย เรื่องที่เธอคบผู้ชายหน้าตาแบบไหน นิสัยดีหรือไม่ดี เกี่ยวอะไรกับเจ้าหล่อนด้วย
“เธอนี่มันไร้รสนิยมจริงๆ เลยขอบอก แฟนของเธอนอกจากไม่หล่อแล้ว ภาษาก็ไม่ได้เรื่อง เธอหน้าตาก็ดี ฐานะก็ใช่ว่าจะไม่ดี ครอบครัวเธอยอมรับได้เหรอที่มีลูกเขยไม่ได้เรื่อง แถมไม่มีความรู้อีก”
“นั่นมันเรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับคุณ” ลั่วเหม่ยเยวี่ยตอบเสียงแข็ง
“มึงกล้าดียังไงถึงมาดูถูกกู รู้ไหมว่ากูเป็นใคร” แจ๊คกี้ตวาดเสียงกร้าว
“ไม่รู้ แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย นายจะเป็นใครก็ไม่สำคัญสำหรับชีวิตฉัน” ลัลนาหันไปตอบแฟนหนุ่มของสาวข้างกาย เรื่องที่ผู้ชายคนนี้เป็นใคร ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอเลยสักนิด แต่ที่ต้องเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ก็เพราะผู้หญิงที่ยืนเกาะแขนเธออยู่ต่างหาก นอกจากหน้าตาไม่ดีแล้ว มารยาทยังต่ำทรามที่สุด ยัยผู้หญิงหน้าหวานคนนี้คิดยังไงถึงเลือกไอ้หมอนี่มาเป็นแฟน “นี่เธอเอาสมองส่วนไหนคิดเนี่ย? เธอใช้สมองคิดหรือหัวแม่ตีนคิดกัน จะหาแฟนทั้งที เธอหาที่มันหน้าตาดีกว่านี้ไม่ได้หรือไง นอกจากหน้าตาไม่ดีแล้ว สมองยังต่ำกว่าหมูอีก”
บทสนทนาระหว่างลัลนากับลั่วเหม่ยเยวี่ยสร้างความประหลาดใจให้เจ้าเหวินหลงได้ไม่น้อย จนเขารู้สึกสะใจเล็กน้อยกับคำพูดเชิงตำหนิของสาวหล่อผู้นี้ ก็เคยคิดอยู่เหมือนกันว่าลั่วเหม่ยเยวี่ยเอาสมองส่วนไหนคิด ถึงเลือกคบผู้ชายหน้าตาอันธพาล นิสัยแย่ และไร้มารยาทเช่นนี้
“มันจะมากไปแล้วนะคุณ! กล้าดียังไงถึงมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องส่วนตัวของฉันกับแจ๊คกี้” ลั่วเหม่ยเยวี่ยตวาดแว้ด พร้อมกับผลักคนที่ตำหนิเธอด้วยถ้อยคำที่รุนแรงให้ออกห่างจากตัวอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าตำหนิหรือดุด่าเธอสักครั้ง อย่าว่าแต่คนนอกเลย คนในตระกูลก็ไม่เคยมีใครกล้าว่าเธอ
แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใคร?
กล้าดียังไงถึงได้ตำหนิเธอ แถมยังตำหนิเธอต่อหน้าน้าเหวินอีก
ลัลนาถอยหลังไปหลายก้าว เพราะแรงผลักของสาวหน้าหวาน ดวงตาคู่เรียวเงยขึ้นมองเธอด้วยความไม่พอใจ คงจะโกรธเรื่องที่เธอตำหนิไปก่อนหน้านี้ คงไม่เคยมีใครตำหนิหรือดุด่าเลยสินะ นิสัยถึงได้ร้ายกาจนัก ใบหน้าคมสวยฉายแววเหี้ยมเมื่อสบตาผู้หญิงที่ดึงเธอเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง แล้วย้อนกลับมาหาเรื่องกันอีก แล้วจะให้เธอนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไร ก่อนตัดสินใจพูดออกไปอย่างที่ใจตัวเองคิด
“ไม่มากไปหรอกนะ โชคดีที่เธอไม่ใช่น้องหรือพี่สาวของฉัน ไม่อย่างนั้นเธอคงถูกฉันตบหน้าคว่ำไปแล้ว”
“นี่แก!...” ลั่วเหม่ยเยวี่ยโกรธจนตัวสั่น มองผู้หญิงที่กล้าตำหนิเธอด้วยแววตาเกรี้ยวกราด ผู้หญิงคนนี้กล้ามากที่คิดมาสั่งสอนเธอ คงไม่รู้สินะว่าตระกูลเจ้ายิ่งใหญ่แค่ไหน
“โอ้...เมื่อกี้ยังกอดฉันซะแน่นเลย เผลอแป๊บเดียวเปลี่ยนนิสัยแล้วเหรอหนูน้อย? ผู้ชายหน้าตาดีๆ มีออกเยอะแยะ ถ้าจะให้ฉันพูดผู้ชายสี่คนที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉันยังหน้าตาดีกว่าแฟนเธอเป็นสิบเท่า อ้อ...ไม่สิ...เป็นร้อยเท่าเลยด้วยซ้ำ” ลัลนาย้อนถามพลางกลั้วหัวเราะเล็กน้อย มองสี่หนุ่มที่เธอพาดพิงแวบหนึ่ง แล้วกลับมาสนใจสองตัวปัญหาที่กำลังสร้างความโกรธภายในใจของเธอให้พุ่งทะยานมากขึ้นเรื่อยๆ
ลั่วเหม่ยเยวี่ยโกรธจนตัวสั่นกับคำพูดเหยียดหยามของอีกฝ่าย ตอนนี้เธอโกรธจนแทบอยากจะกรี๊ดออกมาให้หายจากอาการหงุดหงิด หากอาหนุ่มของเธอไม่นั่งอยู่ตรงนี้ล่ะก็ เธอคงปรี่เข้าไปตบสั่งสอนผู้หญิงคนนี้แล้ว
ลัลนายิ้มเยาะเมื่อเห็นความเกรี้ยวกราดบนใบหน้าสวยหวานของผู้หญิงตรงหน้า ก่อนเหลือบมองชายหนุ่มท่าทางภูมิฐาน ซึ่งอยู่บนด้านหลังเธอ ด้านหลังของเขาถูกขนาบด้วยสี่หนุ่ม จากที่เธอสังเกตท่าทีของเขามาตลอด เป็นไปได้มากทีเดียวที่เขาจะเป็นญาติกับยัยหน้าหวานคนนี้ ที่น่าแปลกใจก็คือทำไมเขาถึงไม่ทำอะไรเลย จะปล่อยให้เรื่องมันลุกลามใหญ่โตไปกว่านี้หรือไง แต่ไม่ว่าเขาเกี่ยวข้องอะไรกับยัยหน้าหวานจอมสร้างปัญหานี้มันก็ไม่เกี่ยวกับเธอ เพราะคนที่เธอต้องจัดการก็คือไอ้ตัวปัญหาสองตัวที่กำลังจ้องมองเธอเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อมากกว่า
“ฉันเพิ่งรู้ว่าสาวจีนชอบผู้ชายหน้าตาหยั่งกับปลวกแทะขอนไม้ หาความดูดีไม่ได้เลย แถมยังไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษอีก”
“แกว่าฉันหน้าเหมือนปลวกเหรอ...ไอ้หน้าอ่อน” แจ๊คกี้โกรธจนตัวสั่น มองผู้ชายตรงหน้าด้วยความโกรธสุดขีด หากวันนี้เขาไม่ได้สั่งสอนไอ้หมอนี่ ก็อย่าเรียกเขาว่าแจ๊คกี้จอมบ้าเลือดเลย
“ก็เออดิ...นอกจากหน้าเหมือนปลวกแล้ว มารยาทของนายก็ยังแย่ที่สุด ไม่ว่าจะมองมุมไหน นายก็ไม่มีส่วนดีเลย ส่วนเธอก็ยิ่งแล้วใหญ่ นอกจากไม่มีมารยาทแล้วยังชอบสร้างปัญหา ฉันอยู่ของฉันดีๆ เธอก็ดึงฉันเข้ามาเกี่ยวข้อง ด้วยเรื่องงี่เง่าและไร้สาระ ถ้าอยากเรียกร้องความสนใจจากคนในครอบครัว ฉันแนะนำให้เธอไปทำที่บ้าน ไม่ใช่ในที่สาธารณะแบบนี้”
“แกกล้าดียังไงมาพูดกับฉันแบบนี้ แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”
////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...