Numnung :: สวยมาก กรี๊ด! >
Kanom-Phing :: เวอร์แล้ว
Numnung :: เรื่องจริงเลยคุณเพื่อน ฉันชอบชุดนี้ของเธอจัง ไว้วันหยุดนี้สวมชุดนี้มาดูหนังกันนะผิง!
Kanom-Phing :: ฉันเคยขัดอะไรเธอได้บ้างเนี่ย
Numnung :: รักเธอที่สุดเลย เพื่อน love
แม้แต่น้ำหนึ่งเองก็ไม่ได้รู้หรอกนะว่าในใจของฉันมีคิง เนื่องจากมีรุ่นพี่หลายคนมาจีบแต่ฉันปฏิเสธไปและบอกเสมอว่ามีคนที่ชอบแล้ว ขนาดน้ำหนึ่งคาดคั้นฉันยังไม่บอกเพื่อนเลย ไม่ใช่อายที่คิงเป็นเด็กช่างและมีเรื่องต่อยตีไปทั่ว หากแต่ว่าขืนบอกออกไปผลลัพธ์ที่ต้องการมันไม่ออกมาดั่งหวัง เป็นฉันไงที่เสียใจ ถ้าเกิดคบกันฉันจะเต็มใจบอกทุกคนว่าคิงคือแฟนของฉัน หากแต่ว่าความสัมพันธ์ของเรามันไม่เคยเกิดขึ้น เป็นความสัมพันธ์แบบคลุมเครือซะมากกว่าแบบไม่มีสถานะ ไม่แน่ใจที่เราเป็นอยู่คืออะไรกันแน่
ฉันสลัดความคิดของตัวเองออกไปเพียงเพราะว่า ‘ชอบ’ คิงจนหมดหัวใจมันก็เลยทำให้ฉันคาดหวังว่าไม่วันใดก็วันหนึ่งคิงต้องหันมามองฉันแน่นอน ฉันมั่นใจอย่างน้อยเราก็ได้เจอกันทุกวัน ฉันรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับคิงที่ไม่มีใครรู้ได้มากเท่าฉัน ดังนั้นอย่างน้อยฉันก็ก้าวไปข้างหน้าก่อนใครได้ถึงสิบก้าวเลยนะ
เมื่อคืนไม่รู้คาดหวังอะไรก็ไม่รู้ดิ แบบว่าล็อกกลอนหน้าต่างเพื่อไม่ให้คิงเข้ามา สรุปเขาไม่ได้มาเคาะหน้าต่างเรียกฉันหรอกนะคงจะดื่มกับกลุ่มเพื่อนจนเมาปลิ้นเสียมากกว่า คิดได้แบบนั้นก็หงุดหงิดใจชะมัดตื่นเช้ามาอารมณ์ก็เลยไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ ฉันออกจากบ้านเพื่อขึ้นรถเมล์ไปเรียนตามปกติซึ่งอยู่ห่างจากอู่ไกลพอควร ดังนั้นฉันก็เลยมานั่งรอที่ป้ายเพื่อรอรถเที่ยวไปหน้ามหาลัยในมือก็ถือถุงน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ของโปรดของน้ำหนึ่งเอาไว้ด้วย
“เฮ้ย หยุดนะเว้ยไอ้เวร!”
“แม่งเอ๋ย ไอ้เด็กช่างพวกนี้ตีกันอีกแล้ว”
ฉันถึงกับหันไปมองคนที่ยืนรอรถเมล์ที่ก่นด่าเด็กช่างที่สวมเสื้อช้อปสีกรมท่าและสีครีมคอปกสีแดงกำลังไล่ตีกันมาแต่ไกล แต่ละคนคืออาวุธครบมือ จนฉันรีบลุกขึ้นเอาตัวเบียดกับป้ายด้านหลังเพราะวิ่งผ่านหน้าฉันไปที่สำคัญคือไม่ได้วิ่งไล่กันนะ ดันมาหยุดตีกันตรงที่ป้ายรถเมล์ ขยับไปหน่อยก็ไม่ได้นะเด็กพวกนี้!
ได้แต่เบือนหน้าหนีภาพตรงหน้าแต่ละคนมีไม้ถือกันคนละมือก่อนจะฟาดฟันใส่กันจนเกิดเสียงดังลั่นโวยวายไปทั่ว ฉันอดรนทนไม่ไหวรีบเดินหนีออกไปให้ไกลที่สุด กระทั่งได้ยินเสียงบีบแตรรถดังขึ้นจึงหันไปมองก็พบว่าเป็นตำรวจที่มาระงับเหตุการณ์ เด็กช่างสวมช้อปสีกรมท่ารีบวิ่งหนีผ่านหน้าฉันไปจนแทบจะเบียดฉันตกไปที่พุ่มไม้ข้างทาง
โล่งใจ... ที่ไม่ใช่เสื้อช้อปสีเทา เพราะถ้าเป็นสีเทาปุ๊บฉันจะรีบมองหาทันทีเลยว่าใช่สถาบันของคิงหรือเปล่า พอไม่ใช่ฉันถึงได้รีบสาวเท้าเดินออกห่างจากตรงนั้นเพื่อไปโบกแท็กซี่ทางโค้งดีกว่า เนื่องจากตำรวจกำลังรวบตัวเด็กช่างสิบกว่าคนขึ้นท้ายกระบะอีกส่วนก็วิ่งหนีผ่านฉันไปเรียบร้อย
“สัตว์! ทำหัวกูแตกได้นะไอ้เหี้ยจักร”
“เสือกมาเจอตอนกำลังแดกข้าว กูเลยแดกไม่อิ่มเลย”
“มึงโอเคปะไอ้เชส หัวแตกเลยนี่หว่า” เดินผ่านเด็กช่างห้าหกคนที่นั่งอยู่บนฟุตบาทหอบหายใจหนักเพราเพิ่งจะหนีตำรวจมาพ้น หากแต่ว่าฉันดันไปโฟกัสเด็กช่างคนหนึ่งที่มีผิวสีคล้ำ ตัดผมทรงมัลเล็ตรากไทรไถด้านข้างและเอามือกุมหน้าผากตัวเองโดยมีเลือดไหลออกผ่านง่ามนิ้วทั้งห้า หน้าตาแต่ละคนคือ... หล่ออะไรขนาดนั้น “โรงพยาบาลก็เสือกอยู่ไกลอีก”
“กูไม่เป็นไร หัวแตกแค่นี้ทำเหี้ยไรกูไม่ได้หรอก เจอกันอีกรอบคราวนี้กูจะเอาเลือดไอ้จักรมาล้างตีนกู!”
“เอ่อ...” ยืนฟังอยู่นานแล้วฉันก็เลยเลือกที่จะพูดขัดจังหวะอารมณ์โกรธของพวกเขา เรียกสายตาของเด็กช่างทั้งหมดให้พุ่งเป้ามา
“เธอมีอะไรหรือเปล่า?” หนึ่งในห้าคนนั้นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ฉันส่ายหน้าไปมาและสบตากับคนที่นั่งตรงกลางง่ายๆ ที่นั่งเอามือกุมหน้าผากตัวเองจนเลือดไหลหยดบนพื้นนั่นแหละ
“ไม่มีแล้วจะขัดเพื่อ?” อีกคนอารมณ์เสียใส่จนฉันกลัวนิดหน่อยที่ปากมันดันไวไปน่ะสิ หลุบสายตาลงมองกระเป๋าผ้าและควานหาอะไรบางอย่างเมื่อได้มาฉันก็ยื่นไปตรงหน้าเขาคนนั้น
“...”
“ผ้าเช็ดหน้า นายควรเอามันกดที่แผลไว้ก่อนนะ” ฉันยื่นผ้าเช็ดหน้าสีม่วงอ่อนเป็นสีที่ฉันชอบ พลางฉีกยิ้มให้กับเขาที่มองหน้าฉันนิ่งๆ พลางเอื้อมมือที่เลอะเลือดรับไปถือไว้ จากนั้นฉันก็ยื่นกล่องพลาสเตอร์ยาที่พกเอาไว้เผื่อคิงไปตีไปต่อยกับเขาจะได้ทำแผลให้ก่อนชั่วคราว “นี่พลาสเตอร์ยา แล้วก็รีบไปโรงพยาบาล นายเลือดออกเยอะมาก”
“...” เขายังคงนิ่งและจ้องหน้าฉันถึงได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาแบบชัดๆ เขามีดวงตาคม จมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากแดงคล้ำหยักได้รูป รอยสักที่หลังมือขวาเป็นรูปดอกกุหลาบดอกใหญ่และลำคอแกร่งก็สักคำว่า Ches แบบพิมพ์ใหญ่ตัวอักษรเป็นลวดลายสวยงาม พอไล่สายตามองว่าไม่มีตรงไหนบาดเจ็บอีกฉันก็หมุนตัวเดินจากไปหวังจะเรียกรถแท็กซี่เพราะรอรถเมล์คงไม่ทันแล้ว “เดี๋ยวก่อนเธอ”
“คะ?” เอี้ยวใบหน้ามองร่างสูงที่สูงใหญ่พอๆ กับคิงเลย เขาเอาผ้าเช็ดหน้าฉันกดบาดแผลเอาไว้พลางกระตุกยิ้มมุมปาก โดยไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ส่งผลให้เสียงรถที่วิ่งสัญจรไปมาหรือคนที่เดินสวนเรามองด้วยความมึนงงแต่ก็เดินผ่านไปราวกับไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเด็กช่าง
“แล้วผ้าเช็ดหน้าเธอ เราจะคืนให้ยังไง”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ไม่ได้ดิ เราต้องคืน” เขายังยืนยันที่จะคืนผ้าเช็ดหน้าให้ พอเห็นฉันเงียบเขาก็หลุบสายตามองมาที่สายห้อยตรงคอปกฉันที่เป็นตาสัญลักษณ์ของมหาลัยก็อมยิ้ม “ขอบใจนะ”
“ค่ะ”
“เธอแก่กว่าเราสินะ รุ่นพี่” เพราะชุดนักศึกษาของฉันสินะ ส่วนเขาฉันไม่รู้หรอกว่าอายุเท่าไหร่น่ะ “เราเชส เรียนช่างกลปวช.3 ที่วิทยาลัยเอกชน xx”
“ฉันต้องบอกชื่อฉันด้วยใช่ไหมคะ?” ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองจนคนตรงหน้าหัวเราะเบาๆ “ขนมผิงค่ะ”
“ชื่อน่ารัก”
“!”
“เอาเป็นว่าผ้าเช็ดหน้าเธอ เราจะซักมาคืนให้” ขัดใจเขาไม่ได้ปะ เดี๋ยวบีบคอฉันตายกันพอดีจึงทำได้เพียงพยักหน้ารับแบบมึนงงขณะที่เชส เด็กช่างกลยื่นแขนซ้ายออกไปโบกเรียกรถแท็กซี่ให้ฉัน เขาก็เปิดประตูฝั่งข้างคนขับพลางโน้มตัวไปบอกคนขับแท็กซี่ด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ลุง! ไปส่งเธอที่มหาลัยหน่อยดิ”
“ดะ ได้ครับ”
“นี่เงิน พอปะ”
“พอครับ” ฉันถึงกับโบกมือไปมาเพราะเชสจ่ายเงินด้วยธนบัตรสีเทาให้ฉันเพื่อให้แท็กซี่ไปส่งฉันที่มหาลัย
“นะ นายไม่ต้องจ่ายให้ฉันก็ได้นะ”
“ไม่ต้องเกรงใจ เราอยากจ่ายให้เธอ” เขายักไหล่ไหวพลางปิดประตูข้างคนขับและเปิดประตูด้านหลังผายมือเพื่อให้ฉันขึ้นไปนั่งบนรถแท็กซี่ พอเข้าไปนั่งเขาก็ยังไม่วายโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ “แล้วเจอกันนะ ขนมผิง”
“...”
“เงียบทำไม ไม่อยากเจอกับเรา?”
“ค่ะๆ ได้ค่ะ” จำต้องรีบตอบตกลงทันที มันเป็นการตอบตกลงแบบแกมบังคับนึกออกไหม ฉันกลัวจนเหงื่อในมือชื้นไปด้วยเหงื่อทั้งนั้น กระทั่งเชสปิดประตูรถแท็กซี่ลุงคนขับก็ขับออกจากตรงนี้ ไม่วายฉันหันไปมองกลุ่มของเชสที่ร่างสูงสั่งให้เพื่อนลุกขึ้นเดินตามไป กว่าจะมาถึงมหาลัยลุงคนขับก็บ่นกับฉันว่าไปรู้จักกับเด็กช่างพวกนั้นได้ยังไง ก็ไม่ได้อยากจะเล่าหรอก
เอาจริงปะ... ความขี้สงสารหรือความขี้เสือกของตัวเองแท้ๆ แต่จะให้ทนเห็นเขานั่งเลือดไหลหมดตัวก็ไม่ได้ปะ ฉันมันเป็นพวกที่เห็นใครโดนตีก็พาให้นึกไปถึงคิงเสมอ ใครจะรู้ว่าหลังจากนี้ฉันจะถูกเด็กช่างกลตามติดชนิดที่ว่าหนีเท่าไหร่ก็ไม่พ้น
*--------------------------------------------*