Out to be
:: 3 ::
เจ้าแผนการ
Thank :: ผิงแวะไปหาไอ้คิงที่คอนโดด้วยนะ พวกเราโดนคู่อริไล่ตี ไอ้คิงเจ็บหนักเลย มันไม่ยอมไปโรงบาลอะ เธอช่วยไปดูมันหน่อยดิ ฉันกับพวกไอ้หม่องทำแผลอยู่โรงบาลอะ เสร็จจะแวะไปหามัน
ได้รับข้อความจากแต้งท์หลังจากเลิกเรียนช่วงบ่ายแก่ ฉันก็แยกกับน้ำหนึ่งทันทีด้วยความเป็นห่วงคิง วันนี้ก็เจอเด็กช่างตีกันบ่ายก็ดันได้ข่าวว่าคิงโดนคู่อริตีอีก ฉันปวดหัวกับเขาเสียจริง จำต้องแวะร้านขายยาก่อนอันดับแรกเพื่อซื้ออุปกรณ์ทำแผลให้ปกติคิงไม่ชอบทำแผลที่โรงพยาบาลสักเท่าไหร่ ดังนั้นฉันก็เลยชอบที่จะพกของพวกนี้เอาไว้ติดตัวเสมอ เมื่อเช้าดันให้เชสไปด้วยไง ฉันมาถึงคอนโดของคิงไม่รีรอที่จะเสียบคีย์การ์ดเข้าไปในห้องของเขาเห็นร่างสูงนั่งถอดเสื้อเปลือยท่อนบนที่เป็นรอยฟกช้ำและใบหน้าที่คิ้วแตก ปากแตก
“เป็นไงบ้าง?” รีบถอดรองเท้าไปนั่งเคียงข้างเขาและสำรวจร่างกายของคิงพลางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ไม่เป็นอะไรเยอะก็ดีแค่ไหนแล้วเนี่ย
“มาได้ไง”
“แต้งท์ส่งข้อความมาบอก” ลุกขึ้นเดินไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลในห้องนอนของคิง ดีนะที่ซื้อมาเผื่อเพราะเปิดดูของที่ใช้มันแทบจะไม่เหลือแล้วไง ฉันบีบปลายคางของคิงให้หันมามองสบตากัน จากนั้นก็เอาสำลีเช็ดเลือดตรงคิ้วและมุมปากของเขาให้เบามือที่สุด “วันนี้ไม่มีเรียนหรือไง?”
“มี เลิกปุ๊บก็เจอคู่อริไล่ทันที” อะไรจะรวดเร็วขนาดนั้น มองหน้ากันไม่ทันไรก็จ้องจะตีจ้องทำร้ายกัน ไม่รู้ทำไปเพื่ออะไร เจ็บตัวฟรีๆ เพราะศักดิ์ศรีหรือเพราะสถาบันกันแน่ ฉันไม่เคยจะเข้าใจความคิดของพวกเขาเลย แม้กระทั่งความคิดของคิงเองก็ตามที “เธอล่ะ”
“เลิกเรียนเสร็จก็รีบมาหานายนั่นแหละ”
“ไม่งี่เง่ากับฉันแล้ว?”
“ฉันงี่เง่าอะไรอีกล่ะ” เถียงคิงก่อนจะกดสำลีตรงมุมปากเขาอย่างแรงจนคิงเบ้หน้าไปด้วยความเจ็บปวด “นายอยากจะนอนกับใครก็เรื่องของนาย ไม่เกี่ยวกับฉัน”
เกี่ยวเต็มๆ เลยล่ะ เพราะสุดท้ายฉันก็มานั่งเสียใจคนเดียวไง เด็กบ้าคนนี้มันจะไปรู้อะไรเล่นกับใจฉันน่ะเก่งที่สุด ยกเว้นเรื่องความรักที่โง่จนอยากถอนหญ้ามาให้กินแทนข้าว
“คิดได้แบบนี้ก็ดี จะได้อยู่ด้วยกันนาน” ใครจะไปอยู่กับเขาได้นานถ้าไร้สถานะกันแบบนี้น่ะ บอกแล้วไงถ้าฉันเหนื่อยเรื่องคิงเมื่อไหร่ ฉันหยุดเองแต่ตอนนี้ขอได้ทำอะไรเพื่อชนะใจเขาก่อน ถ้าสุดท้ายฉันต้องเป็นฝ่ายแพ้ก็จะยอมรับผลของมัน ไม่ฝืนหรอกเพราะฉันเองก็เหนื่อยที่จะฝืนความรู้สึกของตัวเองที่ต้องเป็นฝ่ายที่เจ็บ ดังนั้นอยากทำอะไรก็ทำไปดิ แต่ถ้าอยู่กับฉันก็ต้องยอมฉันทุกอย่างนั่นแหละ นี่คือข้อแลกเปลี่ยน เจ้าเด็กบ้า!
“วันนี้ฉันก็เจอเด็กช่างไล่ตีเหมือนกัน” บอกคิงพลางติดพลาสเตอร์ยาแบบใสที่คิ้วและตัดขนาดเล็กเพื่อติดมุมปาก จากนั้นก็หยิบยาทาลดบวมป้ายลงบนผิวเนื้อขาวๆ ของเขา
“ได้ยืนดูหรือเปล่า?”
“อือ”
“เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าถ้าเห็นให้รีบหนี เดี๋ยวโดนลูกหลง”
“ก็มองแล้วพวกเขามีแค่ไม้ ไม่มีมีด ไม่มีปืนสักหน่อย”
“ต้องระวังไหมผิง?”
“เป็นห่วงหรือไง” ถามแบบขอไปที จนคิงนิ่งไป “ฉันมานั่งทำแผลให้นายได้ แสดงว่าฉันยังไม่โดนลูกหลง เคปะ”
“ต้องให้โดนก่อนงั้นดิ”
“เฮ้อ” ถอนหายใจออกมา เหนื่อยจะเถียงกับเขาซะจริง เมื่อทายาลงบนรอยฟกช้ำดำเขียวที่เกิดจากการถูกตีอย่างแรง ฉันก็เก็บอุปกรณ์ทำแผลปิดกล่องเรียบร้อยพลางหันไปสบตากับคิงที่มองฉันตาเขม็ง “อะไร?”
“ยังมีหน้ามาเล่าให้ฟังอีกนะ”
“ฉันก็ครบสามสิบสอง” ลุกขึ้นหมุนตัวให้คิงดูเขาก็ยังคงสีหน้าเรียบนิ่ง จนต้องทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาข้างเขา “โอเค ทีหลังจะไม่ยืนดู เห็นไกลๆ จะรีบห่างเลย”
“แล้วไงต่อ?”
“ก็เห็นเด็กช่างคนหนึ่งโดนตีหัวแตกเลยให้ผ้าเช็ดเขาไปซับแผล แค่นั้น” คิงขมวดคิ้วพลางหลับตาลง “อะไรอีกเล่า! ฉันผิดอะไรอีกเนี่ย”
“ทำไมชอบยุ่งอยู่เรื่อย เธอไม่ควรเอาตัวไปเสี่ยงนะผิง”
“แค่ให้ผ้าเช็ดหน้าเขาเนี่ยนะ เอาตัวไปเสี่ยงยังไง?”
“มันจะคิดว่าเธออ่อยมันน่ะสิ ไม่เข้าใจ” ฉันก็ไม่ได้แสดงออกว่าอ่อยเขาเลยนะ คือเห็นคนนั่งเลือดไหลท่วมต่อหน้าจะให้เพิกเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเนี่ยนะ ฉันทำได้ซะที่ไหนพอเห็นเขาก็เหมือนเห็นภาพซ้อนของคิง “นิสัยเธอกับเคลียร์นี่เหมือนกันเลยนะ ชอบเห็นคนอื่นสำคัญกว่าตัวเองเสมอ”
“...” บ่นเป็นหมีกินผึ้ง ปกติเคยบ่นที่ไหนพูดทีนับคำได้ด้วยซ้ำ
“ไม่โดนกับตัวไม่รู้สึก”
“ยังไม่โดนก็ไม่ต้องบ่นมาก” ผลักศีรษะคิงก่อนจะลุกขึ้นยืน “ฉันจะกลับแล้ว พักผ่อนซะ”
หมับ
“อ๊ะ!”
“ใครใช้ให้กลับ” จู่ๆ คิงก็คว้าข้อมือฉันแล้วและกระตุกอย่างแรงจนร่างเซนั่งบนตักแกร่ง ส่งผลให้ใบหน้าของเราสองคนใกล้กันชนิดที่ว่าลมหายใจรดรินบนกลีบปาก ดวงตาของฉันลอบมองใบหน้าหล่อเหลาใกล้ๆ คิงเป็นผู้ชายที่หล่อเหลามากยกเว้นก็แต่แผลบ้าๆ ที่เต็มไปหมดมันเลยบดบังความหล่อของเขาจนฉันเห็นทีไรก็หงุดหงิดใจทุกครั้ง
“ปล่อยเลยคิง ฉันจะกลับบ้าน”
“โทรไปบอกเฮียเข้มว่าจะค้างบ้านเพื่อน”
“...”
“ค้างที่ห้องกับฉัน พรุ่งนี้จะไปส่งที่มหาลัย”
“ไหนบอกไม่อยากให้ฉันยุ่งเรื่องนี้”
“เธอไม่ได้ไปวิทยาลัยฉัน ไม่เป็นไร” ยักไหล่ไหวราวกับไม่สะทกสะท้านใดๆ คือแบบยังไงอะตัวเองไปมหาลัยฉันได้ว่างั้น? “เร็ว โทรบอกเฮียเข้ม”
“นายชอบบังคับฉัน”
“เธอไม่อยากค้างกับฉันหรือไง?” ใครจะอยากไปค้างกับนายไม่ทราบ ได้แต่ตอบในใจคิงก็กอดเอวฉันไว้พลางเกยคางบนบ่าพยักเพยิดหน้าให้ฉันหยิบมือถือขึ้นมาต่อสายโทรหาพ่อ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันค้างบ้านน้ำหนึ่ง จริงๆ เคยมีบ้างที่ค้างกับเพื่อน แต่ส่วนมากคือมาค้างกับคิงซะมากกว่ายิ่งพี่เคลียร์ไม่อยู่แบบนี้ คิงจะทำอะไรกับห้องของตัวเองก็ได้ทั้งนั้น
(“ขนมผิง โทรหาพ่อมีอะไรหรือเปล่าลูก?”)
“พ่อคะ วันนี้ผิงอาจจะค้างที่บ้านน้ำหนึ่งนะคะ พอดีมีรายงานต้องทำค่ะ” เมื่อพ่อรับสายฉันก็รีบโกหกพ่อออกไป ทำเหมือนเด็กใจแตกเลยนะทั้งที่อายุ 19 ใกล้จะ 20 ปีแล้วน่ะ ทำยังไงได้ขืนบอกพ่อว่ามาค้างกับคิง พ่อคงไม่ปล่อยให้ฉันกับคิงได้เจอกันแน่นอน ทุกวันนี้ก็คือย้ำชัดกับฉันเสมอว่าไม่ให้ยุ่งกับคิง “ไม่ต้องห่วงนะคะ ผิงมีเรียนช่วงเที่ยงแค่ชั่วโมงเดียวจะกลับบ้านเลยค่ะ”
(“โอเค ไม่เป็นไรพ่อบอกแม่ให้”)
“ขอบคุณนะคะพ่อ” พ่อวางสายลงฉันก็หันไปสบตากับคิงที่ตอนนี้มือหนาทั้งสองข้างกำลังบีบเค้นคลึงทรวงอกของฉันผ่านเสื้อนักศึกษาที่ตัวใหญ่กว่าตัวเล็กน้อย “คิงหยุด นายต้องพักผ่อน”
“ฉันไม่ได้เจ็บหนักขนาดนั้น” น้ำเสียงแหบพร่ากระซิบบอกข้างใบหู จากนั้นคิงก็ปัดเส้นผมของฉันที่มัดรวบไว้ตรงท้ายทอยออกมาไว้ข้างหน้าและพรมจูบลำคอจนฉันเอียงคอหนีด้วยความรู้สึกที่เสียววาบในท้องน้อย แม้จะเคยมีอะไรกับคิงมาบ่อยครั้งใช่ว่าทุกครั้งฉันจะชินชากับมัน ทุกครั้งคิงจะเล้าโลมจนฉันรู้สึกเคลิ้มตามอย่างไม่น่าเชื่อ “เ****นมากเลยผิง”
“เดี๋ยวพวกแต้งท์มา”
“โทรบอกมันแล้วว่าไม่ต้องมา”
“นี่นายเตี๊ยมกับแต้งท์หรือเปล่า?” หันไปสบตากับคิงก็เห็นรอยยิ้มตรงมุมปาก “ร้ายนักนะ”
“เธอก็ชอบมันไม่ใช่หรือไง ที่ฉันร้ายแบบนี้น่ะ” ยอมรับว่าชอบคิงมุมนี้และทุกมุมที่เป็นเขานั่นแหละ ชอบเขาจนอยากจะเก็บยัดใส่กระเป๋าไม่ให้ใครเห็น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากทำให้เขาเห็นว่าฉันชอบเขามากแค่ไหน เพื่อให้เขาได้หันมามองฉันสักนิดและมองฉันแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่นอนด้วย
“ฉันถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“ว่ามา” คิงตอบเสียงแหบพร่าขณะกดหน้าลงที่ซอกคอจนฉันเชิดหน้าขึ้นให้เขาพรมจูบได้ถนัดยิ่งขึ้น
“ถ้าเกิดวันหนึ่งฉันคบกับคนอื่น นายจะรู้สึกยังไง?”
[50%]
*-------------------------------------------------*