“เอ๊ะ? ฝนตก”
น้ำหนึ่งเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบนซึ่งคลาสเรียนจะเป็นแบบโล่งมาก บานกระจกที่ล้อมรอบมีเม็ดฝนสาดซัดอย่างหนักไม่เว้นแม้แต่ต้นไม้ที่เอนไหวไปตามแรงลม ฝนตกเหรอ... แบบนี้เขาจะยังรอฉันอยู่หรือเปล่าล่ะ ขอให้ฝนตกหนักๆ ไปเลยยิ่งดีฉันจะได้อยู่ในคณะจนถึงเย็นและเชสเองก็คงไม่รอหรอก เชื่อสิ นอกจากเรียนสองชั่วโมง แถมฝนยังมาตกอีกแบบนี้ สาธุฝนช่วยพัดพากลุ่มของเชสกลับไปสักทีเถอะ
“ฝนหยุดตกสักที ดีจัง” ฉันกับน้ำหนึ่งออกจากคลาสเรียนในเวลาบ่ายสอง ก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดครึ้มและฝนเพิ่งหยุดตกไปก่อนหน้านั้น อันที่จริงตกหนักมากเลยนะจนมีน้ำขังบริเวณพื้นที่เป็นแอ่งเล็กๆ ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายเพราะเชสส่งข้อความมาบอกว่ารออยู่ “ผิงจะไปไหนต่อหรือเปล่า?”
“ว่าจะไปร้านกาแฟหน้ามหาลัยน่ะ แล้วน้ำหนึ่งล่ะ”
“พี่ฟินน์มารับเรา”
“จริงเหรอ!” ทำยังไงให้พี่ฟินน์ตกลงมารับได้กันล่ะเนี่ย
“อ้อนบอกว่าฝนตก กลับไม่ได้แน่เลย พี่ฟินน์ก็เลยบอกว่าจะมารับให้รอที่หน้าคณะ น่าจะใกล้ถึงแล้วล่ะ” น้ำหนึ่งดีใจจนเนื้อเต้นเห็นแบบนี้ก็เอื้อมมือไปผลักศีรษะเพื่อนเบาๆ “กลับด้วยกันไหม เผื่อฝนตกอีก”
“ไม่ดีกว่า ไม่อยากเป็นก้างเธอกับพี่ฟินน์”
“แต่ว่าจะดีเหรอ?”
“ไม่ต้องห่วง สบายมาก” สบายกับผีน่ะสิ! ต้องไปหาเชสที่ร้านกาแฟหรือจะส่งข้อความให้คิงมารับดีนะ แต่ถึงสองคนนี้จะอยู่คนละสถาบันก็ไม่เคยมีเรื่องกัน จะเป็นอะไรหรือเปล่าถ้าฉันลองส่งข้อความหาคิง “ฉันไปก่อนนะ”
“ถึงบ้านแล้วส่งข้อความบอกด้วยนะผิง”
“จ้า” โบกมือให้กับน้ำหนึ่งที่คว้ามือถือมาต่อสายหาพี่ฟินน์ ส่วนฉันก็เดินออกจากมหาลัยลองส่งข้อความหาคิงสักหน่อย ปกติเราจะไม่ค่อยคุยผ่านข้อความหรือคุยกันสักเท่าไหร่ เนื่องจากคิงแทบจะไม่ส่งข้อความ ไม่อ่านและไม่โทรกลับอีกต่างหาก มันเป็นนิสัยของเขาที่แบบแทบจะไม่ว่างเลยมือถือเหมือนมีไว้ประดับก็เท่านั้น
Kanom-Phing :: คิง นายว่างหรือเปล่า มารับฉันที่มหาลัยหน่อยได้ไหม?
ส่งข้อความไปจนกระทั่งฉันออกจากมหาลัยเดินข้ามสะพานลอยมาถึงร้านกาแฟ คิงก็ไม่ได้กดอ่านสักที รู้อะไรไหม? แชทของเราสองคนเน้นหนักมาทางขวาแทน ซึ่งหมายถึงว่าฉันส่งข้อความหาคิงหนักมากแต่เขาอ่านและไม่เคยตอบกลับฉัน บางทีแล้วแต่อารมณ์จะตอบก็คือผ่านมาสองสามวัน มันดีเลย์ไปแล้วไง ฉันไม่คาดหวังเอามือถือเก็บใส่กระเป๋าผ้าตามเดิม เปิดประตูร้านเข้าไปก็เห็นกลุ่มของเชสซึ่งเพื่อนของเขานั่งจีบสาวมหาลัยอีกโต๊ะหนึ่ง ส่วนเชสพอเห็นฉันเขาก็แสยะยิ้มเมื่อฉันทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“คิดว่านายจะกลับไปแล้วซะอีก”
“กลับได้ไง เราบอกว่าจะรอก็รอดิ” เชสสั่งนมสดปั่นให้ฉันกับเค้กที่ฉันเป็นคนเลือกเอง “เธอชอบนมสดปั่น”
“ค่ะ”
“ถือว่าเรารู้เรื่องเธอหนึ่งข้อ” เอนพิงพนักเก้าอี้ยกแขนทั้งสองพาดอกและจ้องหน้าฉันนิ่งๆ
“เชสมีอะไรจะคุยกับฉันเหรอ?”
“ไม่มี”
“อ้าว”
“แค่อยากเจอหน้า” ถ้าเป็นคำพูดที่ออกจากปากของคิงป่านนี้ฉันคงล้มลงไปกองกับพื้นแล้วล่ะ พอเป็นเชสปุ๊บมันก็มีบ้างนะที่รู้สึกแปลกๆ กับความรู้สึกตัวเอง มันแบบยังไงอะฉันไม่เคยเจอใครที่พูดจาตรงไปตรงมาเหมือนกับเขา มันก็ต้องมีหวั่นไหวบ้างแต่แค่นิดเดียวเท่านั้นนะ “นั่งมองหน้าเธอทั้งวันยังได้เลย”
เชสพูดพลางเอามือเท้าคางและมองฉันจริงอย่างที่ตัวเองพูด แม้กระทั่งพนักงานเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้ ไม่ว่าฉันจะทำอะไรก็มีสายตาคู่นี้จับจ้องมองทุกการกระทำ ขนาดหยิบมือถือมาดูว่าคิงจะตอบข้อความกลับมาหรือเปล่าปรากฎว่าไม่มีและไม่อ่านด้วยซ้ำจนฉันล้มเลิกความตั้งใจ
“คือเราคุยอะไรกันหน่อยไหม?”
“ได้สิ คุยอะไรดี” เพราะเขาเอาแต่นั่งมองหน้าฉันอะ แบบไม่พูดอะไรด้วยนะมันเลยทำให้อึดอัดจนต้องถามออกไป
“เอ่อ จบปวช.นายจะต่อปวส.หรือต่อมหาลัยเหรอ”
“ไม่รู้สิ เธอคิดว่าเราควรเรียนยังไงดีอะ” เชสถามกลับจนฉันนั่งเอามือจับกระโปรงพีชตัวยาวไว้แน่น “มีเวลา ฉันก็เลยยังไม่ได้คิด”
“นายลองสอบเข้าคณะวิศวฯ ดีไหม สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกลน่ะ”
“ก็ดีนะ”
“แต่ถ้านายอยากต่อปวส. ก็ได้เหมือนกัน แล้วแต่ว่านายชอบแบบไหน”
“อยากเข้ามหาลัยเดียวกับเธอ เราลองสอบดีไหม?” คือแนะนำเฉยๆ ไม่ได้ให้มาเรียนที่เดียวกับฉันไง หมอนี่คือตามติดฉันเป็นวิญญาณตามติดหรือยังไงกัน “น่าสนนะ ได้อยู่ใกล้เธอด้วย”
“อืม” ดีกับผีน่ะสิ! แบบนั้นเชสไม่ยิ่งตามติดฉันเป็นปลิงเลยเหรอถ้าสมมุติเขาสอบเข้ามหาลัยเดียวกับฉันได้จริง ฉันต้องเรียนอีกสามปีส่วนเขาก็คือเพิ่งเข้าปีหนึ่งก็เรียบร้อยไง ทีนี้หนีก็หนีไม่พ้นของจริง
“บ้านเธออยู่ไหนเหรอ? ให้เราไปส่งปะ”
“ไม่เป็นไร ฉันกลับเองได้”
“ซ้อนมอเตอร์ไซค์เราก็ได้” เชสพูดจบก็เสมองไปนอกร้านเพื่อให้ฉันมองรถมอเตอร์ไซค์ของเขาที่จอดเรียงทั้งหมดห้าคัน แน่นอนว่ารถเหมือนกับคิงเป๊ะ ต่างกันก็แค่สี เอิ่ม... ลูกคนรวยกันหรือไงเนี่ย! “ไปส่งอย่างปลอดภัย”
“ฉันเกรงใจน่ะ” ฉีกยิ้มให้กับเชสและดูดนมสดปั่นในแก้วยกสูงเกือบหมด เค้กที่เขาสั่งมาให้ฉันก็ตักกินคนเดียวจนหมดขณะที่เงยหน้ามองก็พบว่าเชสนั่งยิ้มมองฉันกิน จ้องแบบไม่ละสายตาเลย “กลัวฝนตกอีกจัง ขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“เราออกไปเรียกแท็กซี่ให้” เชสลุกขึ้นยืนเต็มความสูง จากนั้นเขาก็เดินตามฉันออกมายืนตรงฟุตบาทเพื่อรอรถแท็กซี่ ฉันกระชับกระเป๋าผ้าและลอบมองคนข้างกายที่ยกยิ้มมุมปาก ก่อนที่เชสจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นอะไรบางอย่าง
ซ่า
“ว้าย!” ถึงกับกรีดร้องออกมาทันทีเมื่อรับรู้ถึงน้ำที่ขังอยู่บนท้องถนนที่รถคันหนึ่งขับมาอย่างรวดเร็ว เหยียบน้ำฝนที่ขังเป็นแอ่งกระเด็นใส่ตัวฉันตั้งแต่เสื้อลงมาถึงกระโปรงพีช ฉันได้แต่ยืนตกตะลึงและหลุบสายตามองเสื้อนักศึกษาที่ชุ่มฉ่ำจนเห็นบราเซียสีดำแนบเนื้อ แถมยังมีขี้ดินติดเป็นคราบๆ
“ไอ้เหี้ยนี่แม่ง ขับรถประสาห่าอะไรวะ?!”
[70%]
*-----------------------------------------------*