Out to be :: CHAPTER 7 เสื้อช้อปของใคร? [30%]

1848 Words
Out to be :: 7 :: เสื้อช้อปของใคร? ฉันถึงกับรีบลุกขึ้นนั่งจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อยขณะที่คิงเดินมาหยิบผ้าขนหนูเพื่อพันเอว ทว่า... “คิง” “อะไร?” “มันยังโด่อยู่เลย” ชี้นิ้วไปยังท่อนเอ็นขนาดยาวใหญ่เกินมาตรฐาน มันชูชันแหลมแทบจะทิ่มตาฉันอยู่แล้ว คิงหลุบสายตามองมาที่น้องชายของตัวเองและยกมือเสยเส้นผมสีเทาควันบุหรี่ขึ้นอย่างหงุดหงิด “ไอ้เวรพวกนี้ ขัดอารมณ์เ****นกูซะจริง” “...” “เธอเข้าห้องไปก่อน ฉันจัดการเอง” “แต่ว่าถ้าพวกแต้งท์เห็นจะไม่คิดไปไกลเหรอ?” “พวกมันโตแล้ว ไม่ได้โง่ที่จะดูไม่ออกว่าเธอกับฉันไปถึงไหนกันแล้ว” คำตอบของคิงทำให้ฉันพยักหน้ารับและรีบวิ่งเข้าห้องนอนของคิง จากนั้นก็ยืนพิงประตูสักพักพลางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ไม่ใช่อะไรนะแค่ตอนนั้นคิงกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่? ถึงพยายามทำกับฉันแบบไร้ถุงยาง ปกติเขาจะเคร่งเรื่องนี้จะตายไปไม่มีถุงก็คือไม่ทำอย่างที่ผ่านๆ มาหรือว่าอารมณ์ของเขามันถึงขีดสุดก็เลยไม่อยากสวมแบบนี้เหรอ ให้คิดเป็นแบบอื่นก็คงจะไม่มีอะไรในกอไผ่แน่นอน ฉันกระโดดขึ้นมานอนคว่ำบนเตียงหยิบมือถือออกมาดูข้อความที่น้ำหนึ่งส่งมาให้ เป็นรูปของเธอกับพี่ฟินน์ที่เข้าครัวทำอาหารด้วยกัน แถมบอกว่า ‘พี่ฟินน์ค่อยๆ ใจละลายทีละนิด’ แหงสิ น้ำหนึ่งเพื่อนฉันน่ารักขนาดนี้พี่ฟินน์ไม่ใจอ่อนก็ให้รู้ไป น้ำหนึ่งเก่งเรื่องออดอ้อนจะตายไป ใครได้อยู่ใกล้ก็หลงเสน่ห์ด้วยกันทั้งนั้น แถมยังเป็นลูกคุณหนูที่แสนจะบอบบางน่าทะนุถนอมเหมือนแก้วที่ประดับเอาไว้แค่โชว์ ไม่ได้หยิบมาใช้ ดังนั้นคนที่ดูแลก็ต้องรักษาเอาไว้ให้ดี เพราะฉะนั้นพี่ฟินน์เนี่ยล่ะเหมาะสมที่สุดตั้งแต่ฉันเป็นเพื่อนกับน้ำหนึ่งมา ไม่มีผู้ชายคนไหนเหมาะกับเพื่อนเท่านี้มาก่อนเลย ตั้งแต่พวกแต้งท์มาฉันก็ไม่ได้ออกไปจากห้องนอนของคิงเลย เพราะนอนดูทีวีจนเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่อึดอัดแบบหายใจไม่ออก เหมือนมีอะไรมาทับตรงหน้าอกพอค่อยๆ ลืมตาขึ้นถึงเห็นศีรษะและเส้นผมสีเทาควันบุหรี่นอนเอาหน้าซุกตรงระหว่างช่วงอกของฉันพอดี “คิงเหรอ?” มึนงงไม่น้อยขณะลอบมองเวลาตอนนี้ก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว หากแต่ว่าคิงกลับนอนทับฉันจนแทบจะขยับไม่ได้ ขนาดฉันพยายามดันเขาให้ลุกขึ้นไปนอนดีๆ คิงก็ไม่ยอม “เมาปะเนี่ย” “จะนอน” น้ำเสียงยานครางพูดขึ้นพลางขยับใบหน้ามาซุกไซ้บริเวณลำคอ สงสัยจะเมาจริงสินะ พวกแต้งท์ก็คงไม่ต่างกันป่านนี้คงนอนกันเละเทะ “อย่าลุก” “ไม่ได้ลุก แต่ตัวนายหนัก” “ตอนเอาเสร็จฉันก็นอนทับเธอประจำ” เถียงทั้งๆ ที่ดวงตายังคงหลับอยู่ เหลือจะเชื่อเลยกลิ่นเหล้าคือหึ่งมาก ไหนจะกลิ่นของบุหรี่ที่สูบของคิงอีก ฉันเองก็มึนหัวเป็นเหมือนกันนะได้กลิ่นพวกนี้จนฉุนจมูก “เหนื่อยจะพูดกับนาย” “ถ้าฉันไม่มึนหัว เธอโดนฉันแน่” สมน้ำหน้าใครใช้ให้กินเหล้าขนาดนั้นกันล่ะ ฉันได้แต่เบ้ปากและลอบมองใบหน้าหล่อเหลาที่เวลาหลับก็ดูน่ารักดีนะ ไม่อยากให้ตื่นเลยเหมือนเด็กที่น่าโดนตีเสียมากกว่า สุดท้ายคืนนั้นฉันกับคิงก็นอนด้วยกันแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ มันเกิดขึ้นบ่อยมากใช่ว่าคิงจะหื่นได้ทุกเวลา ยิ่งโดนเพื่อนขัดอารมณ์ไปแบบนั้นเขาก็คงจะหงุดหงิดไม่น้อยถึงได้กระซวกเหล้าจนเมาปลิ้นลุกแทบไม่ไหว กลายเป็นฉันไงที่ต้องมาแบกรับแมวยักษ์ตัวโตสีดำ ไม่สิ เปลี่ยนเป็นสีเทาควันบุหรี่แล้ว เพราะสีผมของคิงสีนี้ ฉันชอบมากที่สุดเลยแหะ ชอบยิ่งกว่าตอนเขาผมดำซะอีก ทำให้ลุคดูน่ามองและน่าค้นหา ไม่อยากให้สาวติดเขาเลยแค่ตอนผมดำก็ติดกันไม่หวาดไม่ไหว เฮ้อ หึงแทบบ้าแต่ทำอะไรไม่ได้ มันน่าน้อยใจเขาปะละ “สายแล้ว จะเข้าคลาสทันไหมเนี่ย!” ฉันกึ่งวิ่งกึ่งเดินและลอบมองนาฬิกาที่ข้อมือ เมื่อเช้าฉันดันตื่นสายเพราะวันหยุดหลังกลับจากห้องของคิงในตอนเช้า ฉันก็หมกตัวอยู่ในห้องเพื่อแต่งนิยายบวกกับทำรายงานไปด้วย เพราะคิงทำให้ฉันไม่ได้ลงนิยายมาตั้งหลายวัน ดังนั้นก็เลยเกือบจะโต้รุ่งตื่นอีกทีก็คือคลาสเรียนวิชาแรกกำลังเริ่มในอีกยี่สิบนาที น้ำหนึ่งก็โทรตามฉันจิกเป็นไก่เลยเนื่องจากปกติฉันไม่เคยขาดเรียนและไม่เคยเข้าคลาสสายแม้แต่วิเดียว หากแต่ว่าตอนนี้ยังทันไง... ถ้าไม่ถูกใครบางคนดักรอซะก่อนอะนะ “ขนมผิง” ถึงกับหยุดชะงักขาของตัวเองที่กำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างเร่งรีบ เอี้ยวใบหน้ากลับไปมองต้นเสียงที่คุ้นหู ขณะที่ดวงตาของฉันเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์สีซีด มือซ้ายคีบบุหรี่ออกจากมุมปากก่อนจะทิ้งลงบนพื้นใช้ปลายรองเท้าหุ้มข้อขยี้จนแหลกละเอียด “ชะ เชส” “เราคิดถึงเธอว่ะ” เจอหน้าปุ๊บก็บอกคิดถึงกันเลยเนี่ยนะ ฉันอยากจะถามว่าปกติของเด็กช่างหรือเปล่ากับการจีบสาวอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้เนี่ย ลอบมองใบหน้าหล่อเหลาที่แสยะยิ้มและมองเพื่อนของเขาอีกสี่คนที่ยืนอยู่ด้านหลัง บางคนก็นั่งยองๆ บนริมฟุตบาทพลางสูบบุหรี่ไปด้วย อีกคนก็เอามือยันเสาไฟฟ้ามองสาวมหาลัยพร้อมแซวกันอย่างขำขัน กลายเป็นว่าหน้ามหาลัยมีเพียงกลุ่มของเชสที่ดูแปลกแยกออกไปก็เป็นเด็กช่างกลุ่มเดียวในหมู่เด็กมหาลัยยังไงล่ะ “นายมีอะไรหรือเปล่า แล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันเรียนที่นี่” “เข็มขัดเธอ แล้วก็สายห้อย” ดูแค่นี้ก็รู้แล้วเหรอว่าเรียนอยู่มหาลัยอะไร ถึงว่าทำไมตอนเจอกันครั้งแรกเขาจ้องมาที่คอปกเสื้อฉันที่ห้อยตุ้งติ้งตรามหาลัย “เราดูแวบเดียวก็รู้ว่าเธออยู่มหาลัยไหน” “แล้วนายมาหาฉันมีอะไรหรือเปล่า” “มี” เชสยกมือซ้ายหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อช้อปสีกรมท่า คล้ายกับเสื้อช้อปคิงเลยล่ะ แต่จะต่างก็ตรงที่ด้านหลังของเชสจะปักคำว่า ‘ช่างกล รุ่น xx’ ด้วย นอกนั้นก็คือด้านหน้าจะเป็นตราประจำวิทยาลัยอาชีวะและชื่อของเชส โดยปักด้ายสีขาวชื่อของเขาที่ฉันเห็นได้ชัดๆ เลยนะ เขาชื่อ ‘ชัชรัญ ขจรเดช’ ชื่อของเชสอ่านว่าชัดชะรัน แบบนี้หรือเปล่านะ? ช่างชื่อของเขาเถอะ “เราเอาผ้าเช็ดหน้ามาคืนเธอ” “อ่า ขอบคุณนะคะ” ฉันเอื้อมมือไปรับผ้าเช็ดหน้าสีม่วงที่ถูกซักจนสะอาดไม่หลงเหลือคราบเลือดแม้แต่นิดเดียว แถมมีกลิ่นหอมอ่อนๆ จากน้ำหอมด้วย “เคยบอกแล้วว่าไม่ต้องเอามาคืน” “ได้ไง เราสัญญากับเธอแล้วนี่นา” “ค่ะ” เอาผ้าเช็ดหน้าเก็บลงกระเป๋าผ้าและสบตากับเชสที่ยกยิ้มมุมปาก “แล้วไม่มีเรียนเหรอ?” “เราเรียนวิชาเดียว ว่างก็เลยแวะมาหาเธอ เธอล่ะเลิกเรียนกี่โมง?” “บ่ายค่ะ” “งั้นเรารอเธอที่ร้านกาแฟตรงนั้น” เชสชี้นิ้วไปยังร้านกาแฟตรงข้ามกับมหาลัย มัดมือชกฉันเลยเหรอเนี่ย “เราจะรอเธอนะ ขนมผิง” “ตะ แต่ว่า...” “ปฏิเสธเราเหรอ?” ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาใกล้จนฉันเอนหน้าหนีด้วยความตกใจ พอเขาเห็นท่าทางฉันก็เอื้อมมือมาวางบนศีรษะและลูบไล้เบาๆ “เธอรู้ใช่ไหมว่าเราไม่อยากบังคับเธอ” “ค่ะ” พยักหน้ารับราวกับเชสรู้ว่าฉันกำลังรู้สึกยังไงเขาก็ชักมือตัวเองกลับไปล้วงกระเป๋ากางเกงตามเดิม “อย่ากลัวเราดิ เราไม่ทำอะไรเธอหรอก” “แค่อย่าขัดใจไอ้เชสก็พอ เธอเข้าใจใช่ปะ!” เพื่อนของเชสตะโกนแทรกเข้ามาพลางยิ้มกริ่ม “หึ อย่าให้เรารอนานแล้วก็อย่าคิดชิ่งล่ะ ไม่งั้นเราไม่รับประกันนะว่าจะไม่ทำอะไรเธอ” “ไอ้เชสระงับใจตัวเองเพื่อเธอเลยนะ เข้าใจเพื่อนเราหน่อยดิ” ฉันลอบกลืนน้ำลายขณะมองเพื่อนของเชสที่เดินมากอดคอเขาและยักคิ้วให้ ถึงจะเป็นการกระทำที่ไม่ได้เป็นภัยคุกคาม ทว่าคำพูดของพวกเขาก็ทำให้ฉันตกลงทันทีด้วยการพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ “น่ารัก” เชสเอ่ยชมฉันและเอื้อมมือมาหวังจะแตะแก้ม หากแต่ว่าฉันก็ขยับตัวหนีพลางก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือ “ฉันต้องรีบเข้าคลาสแล้ว ไปก่อนนะคะ” “หึ” พูดรัวเร็วฉันก็หมุนตัวกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาในรั้วมหาลัย ไม่มีเวลาแม้แต่จะหันกลับไปมองหรอกนะว่ากลุ่มของเชสจะเดินตามเข้ามาไหม มาถึงคณะฉันก็รีบเข้ามาในคลาสสุดท้ายก็เข้าไม่ทันเพราะอาจารย์เข้าสอนพอดี อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้โดนลงโทษนะ มองหาน้ำหนึ่งที่โบกมือให้จึงรีบเดินไปนั่งเรียนโดยที่เพื่อนก็ซุบซิบถามว่าทำไมมาช้า ฉันก็ไม่มีเวลาเล่าให้เพื่อนฟังหรอกนะ เพราะคลาสเรียนวันนี้เรียนสองชั่วโมงเต็มถึงบ่าย หวังแค่ว่าเชสจะไม่รอฉันนะ... เอาเข้าจริงฉันกลัวที่จะปฏิเสธเขาชะมัด กลัวที่จะหักหน้าเขาเพราะรู้นิสัยของพวกเขาดีเลยล่ะ พูดดีด้วยก็ควรพูดดีกลับไป ไม่อยากโดนต่อยหรือโดนเขาบีบคอ เอาเข้าจริงเป็นครั้งแรกเลยนะที่โดนตามตื้อขนาดที่ว่ารู้จักที่เรียนของฉันขนาดนี้ อยากจะบ้าตายทำไมฉันมีเสน่ห์กับเด็กช่างขนาดนี้ก็ไม่รู้ดิ ไม่ได้เข้าข้างตัวเองแต่เกือบจะทุกครั้งที่เจอเด็กช่างต่างสถาบันมาจีบ มาขอเบอร์บ้าง บางคนพอบอกปฏิเสธก็ถอยยกเว้นก็แต่เชสที่นอกจากจะไม่ถอย ยังเดินต้อนฉันแทบจะจนมุมอยู่แล้ว [30%] *-----------------------------------------------------------*
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD