อย่างที่บอกว่าตัวอิศราเองไม่ได้อยากมาเหยียบที่อิตาลีสักเท่าไรนัก แต่เพราะบิดาอย่าง ‘อัลเบอร์โต้
ฟิโอเรนโซ’ บังคับให้มา เขาถึงได้จำใจมา แวะพักที่เซฟเฮ้าส์ได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง ชายหนุ่มก็ต้องเดินทางมายังคฤหาสน์ประจำตระกูลเสียแล้ว นานหลายปีทีเดียวที่ไม่ได้เหยียบย่าง มันยังคงโอ่อ่าหรูหราทว่าให้ความรู้สึกเคว้งคว้างเสมือนไม่ใช่บ้านเช่นเดิม
มันไม่ใช่บ้านของเขา ไม่เคยใช่บ้าน แม้ว่าทุกคนในนั้นจะเรียกเขาว่านายน้อยหรือบอสก็ตามที แต่นั่นละ
เขาไม่ใช่นายน้อย ‘เพียงคนเดียว’ เป็นแค่หนึ่งในทายาทของตระกูลฟิโอเรนโซเท่านั้น ทันทีที่เข้ามาข้างในห้องรับแขก
อิศราพลันได้พบกับบรรดาพี่น้องทั้งชายและหญิงอันเกิดจากผู้หญิงหลายเชื้อชาติ จะบอกว่าพ่อเขาไปเหยียบแผ่นดินไหน ได้เมียที่นั่นก็ไม่แปลกนัก เขาเองก็เป็นหนึ่งในลูกที่เกิดจากหญิงชาวไทยที่อัลเบอร์โต้ไปไข่ทิ้งเอาไว้เหมือนกัน
เป็นผู้ชายที่น่ารังเกียจ...อิศราคิด แต่ต้องยอมรับว่าอัลเบอร์โต้รับผิดชอบลูกๆ เป็นอย่างดี ไม่เคยทิ้งใครคนไหนไว้ทั้งนั้น ดึงกลับมาให้ทำงานกับตระกูลทั้งหมด ทว่าชายหนุ่มกลับคิดย้อนไปว่าเขาอยากให้พ่อทิ้งเขากับแม่ไปเลย ไม่ต้องมาแยแสมากกว่า ไม่ได้อยากเป็นมาเฟียไง
“มาแล้วเหรอคาลอส นั่งลงสิ”
เห็นหน้าลูกชายที่ไม่ได้เจอกันนาน อัลเบอร์โต้ในวัยชราก็เอ่ยทักด้วยภาษาอิตาเลียน ผายมือให้ชายหนุ่มนั่งลง อิศราตรงไปสวมกอดและจุมพิตแก้มของบิดาตามธรรมเนียมก่อนถอยไปนั่งที่
“ไม่ได้เจอกันนาน แกเปลี่ยนไปมากเลยนะ”
ย่อมแน่ว่าต้องเปลี่ยนไป เขาไม่ได้กลับมาที่นี่ร่วมห้าปี เติบโตขึ้น ดูองอาจภูมิฐานมากขึ้น และ...มีความคล้ายคลึงกับบิดามากขึ้นด้วย
“พี่น้องแกคิดถึงแกมาก ฉันก็เหมือนกัน”
อัลเบอร์โต้ยังว่าต่อ ตอกย้ำว่าอิศราไม่ได้มาที่นี่นานแค่ไหนแล้ว ซึ่งไม่แปลก พี่น้องคนอื่นๆ ของเขาล้วนเป็นลูกครึ่งตะวันตกทั้งนั้น ส่วนมากอยู่ในอิตาลี เดินทางไปมาหาสู่บิดาได้สะดวกสบาย มีเขาซึ่งเป็นลูกคนสุดท้องคนเดียวที่เป็นลูกครึ่งเอเชีย
“ผมก็คิดถึงพ่อครับ”
จำใจตอบอย่างนั้นทั้งที่ใจไม่ได้รู้สึกเลย
“ฉันรู้ว่าแกโกหก”
คนผ่านโลกมามากดูออก อิศราไม่พูดอะไร นอกจากสบตาชายชราผู้มีแววตากร้านโลกเท่านั้น แม้สังขารจะไปตามวัยแล้ว ทว่าแววตายังฉายความน่าเกรงขามไว้อยู่โข
“เข้าเรื่องเถอะครับ เห็นพ่อบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะบอกผมกับพี่น้องคนอื่นๆ ให้ทราบ”
อิศราข่มความประหม่าลงไป เปลี่ยนเรื่องเบนความสนใจทันที อัลเบอร์โต้เห็นว่าจะก่นด่าลูกชายคนนี้ไปก็เท่านั้น อิศราไม่สนใจอยู่แล้ว เผลอๆ จะหนีกลับไทยเอาดื้อๆ ตอนเขาไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย เพราะงั้นรีบเข้าธุระสำคัญจะดีกว่า
“เรื่องนั้นเป็นเรื่องพินัยกรรม ฉันรู้ตัวว่าแก่ลงไปมากแล้ว จะตายวันไหนก็ไม่รู้ เลยจะแบ่งสมบัติให้พวกแก แต่ไม่อยากรอให้ฉันตายก่อนแล้วให้ทนายมาอ่านพินัยกรรม
ฉันจะแจงให้พวกแกฟังเอง”
ที่แท้ก็เรื่องนี้ อิศราบอกเลยว่าเขาไม่ได้อยากได้สมบัติอะไรจากตระกูลฟิโอเรนโซทั้งนั้น เขาอยากได้อิสรภาพมากกว่า มีก็แต่พี่น้องของเขาที่ได้ยินคำว่า ‘มรดก’ พลันก็พากันหูตาวาว
“ขออนุญาตนะครับคุณท่าน”
ชายวัยกลางคนซึ่งรับหน้าที่เป็นทนายประจำตระกูลที่อยู่ข้างๆ เอ่ยปาก อัลเบอร์โต้ไหวมือน้อยๆ เป็นเชิงอนุญาตให้เขาดำเนินการได้
“นายใหญ่จะแบ่งสมบัติให้ทุกท่านตามนี้นะครับ...”
เท่านั้นก็ร่ายยาวว่าใครได้อะไรที่ไหนบ้าง คนที่ได้รับสมบัติต่างพากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พึงพอใจกับสิ่งที่ได้ มันมีมูลค่ามหาศาลพอจะทำให้สุขสบายไปชั่วชีวิต มีแต่อิศราที่ภาวนาในใจว่าขออย่าให้ได้มรดกเป็นสถานที่อะไรสักอย่างเลย เพราะนั่นหมายถึงเขาจะไปไหนตามใจไม่ได้ จะต้องมาจมปลักอยู่ยังที่แห่งนั้นเพื่อครอบครองและ ‘ดูแล’ ตราบนานเท่านั้น
ดูแล...ที่หมายถึงกิจการในตระกูลฟิโอเรนโซที่ครอบครองอยู่
เขาไม่ต้องการ เขาอยากหลุดพ้น ไม่อยากเป็นมาเฟีย ไม่อยากข้องเกี่ยวอะไรกับตระกูลนี้ทั้งนั้น และโชคดีเหนือสิ่งอื่นใดที่เขาเป็นลูกที่พ่อไม่ค่อยรักเท่าลูกคนอื่นๆ สมบัติดีๆ เลยถูกยกให้พี่น้องไปหมดแล้ว โดยเฉพาะพวกสถานที่ต่างๆ เหลือเฉพาะสมบัติที่โยกย้ายถ่ายเทได้เท่านั้น
“เหลือที่สุดท้าย ของคุณคาลอส”
ทนายหันมาหาอิศรา ขณะที่ชายหนุ่มรอฟังอย่างไม่ใส่ใจนัก
“คุณจะได้รับคอลเลคชั่นงานศิลปะทั้งหมดที่นายใหญ่สะสมหลังจากคุณท่านเสียชีวิตครับ”
จากที่ไม่ใส่ใจกลายเป็นตาโตเท่าไข่ห่าน
“เมื่อกี้คุณบอกว่าผมได้รับอะไรนะครับ” ถามย้ำ
อีกครั้งด้วยความไม่แน่ใจ
“คอลเลคชั่นงานศิลปะทั้งหมดครับ”
ถึงกับหันไปมองหน้าบิดาอย่างขอคำตอบว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นใช่เรื่องจริงหรือ อัลเบอร์โต้ไม่ตอบอะไร ทำเพียงกระดิกนิ้วให้คนสนิทหยิบซิการ์ขึ้นมาจุดให้ตนสูบ ปล่อยให้ลูกชายตีความเอาเองว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นเป็นเรื่องจริง
มะ...เหมือนฝัน!
เหมือนฝันมากๆ! เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้สมบัติที่มีค่ามหาศาลขนาดนี้!
พี่น้องคนอื่นๆ อาจจะอยากได้กิจการที่ทำเงินได้อย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับเขาซึ่งมีมารดาเป็นศิลปินชาวไทย งานศิลปะพวกนี้ล้ำค่าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ทำไมถึงล้ำค่าน่ะหรือ?
เพราะงานศิลปะหลายชิ้นที่อัลเบอร์โต้มีไว้ในครอบครอง นอกจากจะเป็นของเก่าเก็บหายากจากศิลปินดังๆ ระดับโลกแล้ว ย่อมแน่ว่ามีผลงานของแม่เขารวมอยู่ด้วยอีกหลายชิ้น
พวกนั้นแหละที่ประเมินค่าไม่ได้น่ะ!
อิศราเป็นคนรักแม่มาก เขาเติบโตมากับงานศิลปะด้วย ศิลปะกับเขาจึงแทบเป็นหนึ่งเดียวกัน และหลังจากมารดาเสียชีวิต ทุกผลงานที่เธอทำเอาไว้ ชิ้นไหนที่เขาสามารถหาคืนมาได้ เขาไปซื้อคืนมาหมด ซึ่งมันก็เกือบครบแล้ว เหลือเพียงที่อัลเบอร์โต้ครอบครองไว้เท่านั้น เขาต้องได้ทุกชิ้นส่วนของแม่เขากลับคืนมา!
“แต่สำหรับของคุณคาลอส มีเงื่อนไขนิดหน่อยครับ”
ดีใจได้ไม่ทันไร กลายเป็นโลกหม่นแสงลงอีกแล้ว อิศราย่นคิ้วยู่
“เงื่อนไขอะไรครับ”
ทนายหันไปขอความเห็นจากอัลเบอร์โต้ “นายใหญ่จะพูดเองหรือจะให้ผมพูดดีครับ”
มาอีหรอบนี้ อิศรารู้เลยว่ากำลังถูกเล่นแง่ จ้องมองบิดาที่ไหวมือบอกให้ทนายเป็นคนพูด
“คุณจะต้องดูแลคลับวีไอพีของฟิโอเรนโซในโรมจนกว่าจะกลับมาฟื้นตัวดังเดิมครับ”
คลับวีไอพี...แค่ได้ยินชื่อนี้ อิศราก็แขยงแล้ว
“ถ้าผมไม่ทำล่ะ”
เขารู้ว่าคลับวีไอพีหมายถึงอะไร มันคือคลับที่ให้บริการเซ็กซ์วิตถารรูปแบบต่างๆ ที่ลูกค้าในสังคมไฮโซจะเข้ามาใช้บริการโดยมีการปิดเป็นความลับให้อย่างมิดชิด กระจายอยู่ทั่วกรุงโรม และทั้งหมดเป็นคลับในนามของตระกูลเขา
เขารังเกียจงานนี้...ไม่สิ รังเกียจทุกอย่างที่เป็นธุรกิจของฟิโอเรนโซ แม้ว่าตระกูลนี้จะทำธุรกิจสายเทา ไม่ได้ดำมืดเหมือนอย่างมาเฟียกกลุ่มอื่นๆ ที่หนักหนาสาหัสไปถึงขั้นค้าบริการ ค้ามนุษย์ หรือยาเสพติดอะไรเทือกนั้น แต่อิศราก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว บอกแล้วว่าเขาอยากมีชีวิตอิสระ อะไรก็ได้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับชาติกำเนิดของเขา เขาอยากเป็นคนธรรมดา
“ถ้าแกไม่ทำ แกก็จะไม่ได้สมบัติจากฉันสักชิ้น”
คราวนี้อัลเบอร์โต้เป็นคนพูด ดวงตาห่อหุ้มไปด้วยเปลือกผิวหนังเหี่ยวย่นทอดมองลูกชาย แววตานั้นยังคงความน่าเกรงขาม
“ผมไม่ได้อยากได้สมบัติจากพ่อ”
หากแต่ครั้งนี้อิศราไม่ยอม เขาประกาศกร้าว ทว่าต้องปิดปากสนิทเมื่ออีกฝ่ายว่าต่อ
“แต่แกอยากได้ชิ้นส่วนของแม่แกคืน”
ไม่มีข้อโต้แย้ง ถึงงานศิลปะของแม่เขาจะไม่มีมูลค่ามากมายมหาศาลเหมือนของสะสมชิ้นอื่นๆ ที่บิดาเขาสะสมไว้ แต่มันมีคุณค่าทางใจมากเหลือเกิน
“ถ้าแกอยากได้ แกต้องทำ”
อิศราจะไม่ทำก็ได้ เขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ทว่าความอยากเอาชนะชายชราตรงหน้าผุดพรายขึ้นในจิตใจ เขาไม่ได้ถูกทอดทิ้ง มีชีวิตสะดวกสบาย กระนั้นก็ไม่ได้มีชีวิตตามที่ใจอยาก ไม่เว้นแม้แต่แม่ของเขาที่จำต้องทำตามความต้องการของอัลเบอร์โต้เพื่อเงินทอง และ...ความปลอดภัย
สิ่งนี้นั่นละที่ทำให้อิศราไม่ชอบพ่อตัวเองสักเท่าไรนัก ทุกอย่างที่เป็นตัวตนของแม่จึงต้องการเอากลับคืนมาให้หมด ไม่ต้องการให้ใครหน้าไหนมาครอบครองอีกถึงมันจะเป็นเพียงรูปวาดก็ตาม
“ฉันไม่ให้เวลาแกตัดสินใจนานหรอก แกมีเวลาแค่สามนา...”
“ผมจะทำครับ”
ใช้เวลาไม่ถึงสามวินาทีด้วยซ้ำ ทำเอาเรียวคิ้วของชายชราเลิกขึ้นสูง
“แกแน่ใจนะ?”
ไม่มีอะไรที่แน่ใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว
“ถ้าผมจะได้รูปวาดทั้งหมดของแม่คืนมา ผมจะทำ”
อัลเบอร์โต้แค่นหัวเราะ กะไว้อยู่แล้วไม่มีผิดว่า
ลูกชายจะต้องตัดสินใจอย่างนี้
“ถ้างั้นแกก็เตรียมตัวไว้ ฉันจะส่งคนไปช่วย มีข้อมูลหลายอย่างที่แกต้องรู้”
อิศราพยักหน้ารับ ภายนอกศิโรราบ หากแต่ภายในกู่ก้องร้องตะโกนว่าไม่ยอม กระนั้นความเงียบจากตัวเขามันคือสัญญะแห่งการยอมจำนนอยู่ดี
เขากลายเป็นมาเฟียเต็มตัวจนได้...