กว่าจะกลับถึงบ้านก็เกือบบ่ายสามโมง ป่านนี้พี่เขาเป็นยังไงบ้างแล้วก็ไม่รู้ น้องธาราคนนั้นน่าสงสารจริง ๆ พิจารณาจากที่รู้จักกันตรงนั้นนะ ไม่ได้รู้ลึกตื้นหนาบางอะไร
“พี่คะ” เปิดประตูเข้ามาในบ้านฉันก็ไม่เจอพี่เขาแล้ว หรือว่าจะไปแล้วงั้นเหรอ?
จะบ้าหรือไง จะไปได้ยังไงประตูยังปิดล็อกทุกบาน
“พี่ทราย พี่อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า” ฉันร้องเรียกหน้าประตูห้องน้ำ เห็นประตูห้องน้ำแง้มอยู่ไง พี่เขาน่าจะอยู่ในนี้
แต่จะให้เปิดไปเลยก็ไม่น่าจะใช่สิ่งที่ควรทำใช่ไหมล่ะ
“ครับ พี่เข้าห้องน้ำอยู่” เสียงตอบรับดังมาจากด้านในห้องน้ำ
“อ่อ เคค่ะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยเรียกอ้อมได้เลยนะ” ฉันพูดเดินออกจากบริเวณห้องน้ำ เดินมาที่ตู้เสื้อผ้า และค้นหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยน เปลี่ยนข้างตู้นี่แหละค่ะ ถ้าพี่เขาจะออกมายังไงก็ต้องมีเสียงกดน้ำก่อนแน่ ๆ
แต่ใครจะรู้ว่าคำว่าแน่ ๆ ไม่มีอยู่จริง เมื่อพี่เขาเดินออกมาจากห้องน้ำ และเราสองคนสบตากันในขณะที่ฉันถอดเสื้อนักศึกษาออกพอดิบพอดี
“เอ่อ…” ฉันรีบหันหลังขณะที่เราทำอะไรไม่ถูกทั้งคู่
“พี่หันหลังแล้ว” พี่เขาบอก ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าพี่เขาหันหลังแล้วจริงไหม ฉันจึงแอบเอียงหน้าไปมอง และพี่เขาก็หันหลังแล้วจริง ๆ เห็นแบบนั้นฉันจึงไม่รอช้ารีบใส่เสื้อที่เตรียมเอาไว้ ดีนะที่กางเกงน่ะใส่แล้ว
ไม่งั้นได้อายจนไม่รู้จะปั้นหน้ายังไงแน่
หลังจากใส่เสื้อและเช็กความเรียบร้อยของตัวเองแล้ว ฉันก็เดินมาหยุดที่ด้านหลังพี่เขา และยื่นมือไปสะกิดแผ่นหลังเขาเบา ๆ
“คือหนูไม่ได้เจตนาไม่ดีนะจ๊ะ หนูคิดว่าพี่เข้าห้องน้ำ ถ้าจะออกมาก็ต้องมีเสียงกดน้ำก่อน หนูก็เลย…”
“พี่เข้าใจครับ คือพี่ทำธุระในห้องน้ำเสร็จสักพักแล้ว ตอนที่อ้อมเรียกพี่กำลังยืนดูแผลที่ใบหน้าอยู่หน้ากระจก” พี่ทรายเขาหันมาอธิบาย ใบหน้าของพี่เขาออกอมชมพูนิด ๆ
เขาไข้ขึ้นหรือเปล่านะ
“อ่อค่ะ อ้อมมาช้าอะ พี่หิวไหมคะ อ้อมแวะซื้อขนมปังกับชานมมา เดี๋ยวอ้อมเอาน้ำแข็งใส่แก้วมาเทชานมให้นะ” มันดูเก้อ ๆ อะ ฉันทำอะไรไม่ถูก ก็เลยพยายามเปลี่ยนเรื่องแกล้งลืมความสะเพร่าที่ก่อขึ้นเมื่อครู่
“ขอบคุณครับ งั้นเดี๋ยวพี่นั่งรอที่โต๊ะตรงนั้นนะ” พี่ทรายเขาชี้ไปที่โต๊ะซึ่งฉันเอาไว้นั่งกินข้าวและเขียนงาน
“ให้อ้อมช่วยพยุงนะ” ฉันรีบเดินเข้าประคองพี่ทรายและพาเขาเดินมานั่ง ตรงจุดนี้จะมองเห็นวิวทะเล มองจากด้านนอกเข้ามาก็ไม่มีใครเห็นเพราะถือว่าเป็นโซนด้านหลัง ผู้คนภายนอกไม่เดินผ่านกัน
“รอตรงนะจ๊ะ เดี๋ยวอ้อมไปเอาขนมปังกับชานมมาให้” ฉันกรีดยิ้มก่อนจะหันหลังเดินกลับมาหาแก้วเพื่อใส่น้ำแข็ง
ไม่นานนักฉันเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย ฉันถือของมาวางตรงโต๊ะที่พี่เขารออยู่
“กินเลยจ๊ะ” ฉันนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามหลังจากที่จัดวางทุกอย่างเรียบร้อย
“ขอบคุณครับ” พี่เขายิ้ม ยอมรับตามตรงว่าพี่เขาหล่อมาก ขนาดใบหน้ายังบวมและยังมีบาดแผลก็ยังดูหล่อสุด ๆ ผิวของพี่เขาขาวใสอย่างกับผู้หญิง
“อร่อยไหมคะ”
“ครับ นุ่มดี เออใช่ นิยายเล่มนั้นพี่อ่านจบแล้วนะ ทำไมตอนจบมันเศร้าล่ะ ทำไมมาเฟียถึงไม่ตามหานางเอก แล้วทำไมนางเอกถึงเลือกผู้ชายอีกคน” ฉันแทบสำลักชานมที่กำลังดูด
“อะไรกัน นี่พี่อ่านของอ้อมเหรอ”
“ก็พี่ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยหยิบมาอ่านคั่นเวลารออ้อม ทำไมอะ อ้อมหวงเหรอ ถ้าหวงพี่ขอโทษนะ”
“ไม่ใช่ค่ะ แค่รู้สึกเขิน เพราะไม่มีใครเคยอ่านแล้วมาถามอ้อมต่อหน้าแบบนี้”
“อ่อเหรอครับ แล้วอ้อมคิดว่าไงกับตอนจบของเรื่อง พี่อ่านจนแทบอยากจะปาหนังสือทิ้ง” เหมือนพี่เขาหัวร้อนกับตอนจบมากเลยอะ
ตอนที่ฉันเขียนจบฉันก็มีอารมณ์ฉุนประมาณพี่เขานี่แหละมั้ง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่เขียนเพ้อฝันมากกว่านี้
ใช่ค่ะ อ่านไม่ผิดแน่ นอกจากอ่านนิยายแล้ว ฉันยังชอบเขียนอีกด้วย การเขียนแล้วมีคนอินตามมันทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวฉันยังมีค่า ยังมีคนรอบางอย่างจากฉัน
นี่เป็นหนึ่งสิ่งที่ยึดฉันไว้ ทำให้ฉันอยากมีชีวิตอยู่ต่อ หลังจากที่ยายจากไป แม้ไม่ได้มีเวลามากมายแต่ฉันก็พยายามให้เวลากับงานตรงนี้ด้วย
ตามจริงฉันชอบขีดเขียนและทำอาหาร ฉันอยากเรียนทำอาหาร แต่ว่าป้าสั่งให้ฉันเรียนบัญชี ซึ่งฉันไม่ขัดป้าอยู่แล้ว
“อ้อมว่ามันก็จบโอเคแล้วนะ มาเฟียก็ต้องอยู่ในโลกของมาเฟีย นางเอกก็รู้ตัวอยู่แล้วว่ายังไงเรื่องของเธอกับมาเฟียไม่มีทางเป็นไปได้ ในเมื่อมาเฟียแค่หลงทางมา แล้วก็ความจำเสื่อม พอจำได้ก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตในโลกของเขา โลกที่นางเอกเอื้อมไม่ถึง ส่วนนางเอกก็แค่ยอมรับความจริง แล้วก็เลือกสิ่งที่ตัวเองควรเลือก”
“ไม่เห็นยุติธรรมกับนางเอกเลย พี่ว่าคนเขียนมีความขวางโลกแน่ ๆ”
“แหม พี่ทรายคะ พี่ลองคิดดูสิ มาเฟียหล่อขนาดนั้นก็ต้องมีเจ้าของอยู่แล้ว จะให้นางเอกไปเป็นเมียน้อยหรือไง กับบางคู่นะ โชคชะตาทำให้ได้เจอกัน ตกหลุมรักกัน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน อ้อมว่าจบแบบนั้นโอเคแล้วนะคะ คนอ่านส่วนใหญ่ก็โอเคกันนะ”
“ก็จริง ถึงว่าเมื่อคืนอ้อมถามพี่ว่าพี่อ่านนิยายเล่มนั้นเหรอ” พี่ทรายพูดแล้วยิ้ม
“ก็มันคล้ายนิยายเรื่องนั้นนี่คะ”
“ไม่คล้ายหรอก เพราะอย่างพี่คงไม่ใช่มาเฟีย มาเฟียที่ไหนจะไม่มีบอดี้การ์ดติดตามตัวกระทั่งปล่อยให้ตัวเองโดนเละขนาดนี้ พี่ว่าพี่น่าจะมีเรื่องกับพวกนักเลงมากกว่า…เฮ้อ ถ้าจำได้ก็คงจะดีเนอะ”
“ทำหน้าเศร้าอีกแล้ว อย่าดึงดราม่าสิคะ เดี๋ยวก็จำได้เนอะ” อย่างฉันจะทำอะไรได้นอกจากส่งยิ้มให้กำลังใจ
“ถือว่าพี่โชคดีนะที่เจออ้อม ได้อ้อมช่วยไว้”
“ไม่เอาละ พี่ทรายเริ่มเครียด อ้อมไปทำกับข้าวให้พี่ดีกว่า เดี๋ยวหนึ่งทุ่มครึ่งอ้อมต้องไปทำงาน” ฉันลุกจากเก้าอี้
“แบบนี้มีเวลาพักเหรออ้อม”
“ก็พอมีนะคะ”
“แล้วพี่มาอยู่กับอ้อมแบบนี้ แฟนของอ้อมไม่ว่าอะไรเหรอ”
“จะว่าอะไรได้คะ อ้อมยังโสด ยังไม่เจอคนที่ชอบ แล้วถ้ามีจริง ๆ ป้าก็คงไม่เห็นด้วย เพราะป้าชอบคนที่รวยมาก ๆ” ฉันยิ้มอ่อนให้พี่เขาก่อนจะเดินเข้ามาในครัว
นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้จึงเดินกลับมาหาพี่เขา “พี่คะ พี่จะอาบน้ำไหม หรือว่าจะให้อ้อมเช็ดตัวให้”
“เอ่อ เดี๋ยวพี่อาบน้ำครับ” พี่เขาหน้าแดงนิด ๆ
“งั้นให้อ้อมช่วยไหมคะ แผลที่แขนของพี่ยังไม่หายเลย ถ้าเปียกน้ำมันจะไม่ดีนะ”
“บอกตามตรงนะอ้อมรัก” พี่ทรายพูดพลางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ
“อะไรคะ”
“พี่เขิน พี่รู้สึกแปลก ๆ อะเวลาที่คิดว่าอ้อมเห็นทั้งตัวของพี่แล้ว”
“อ้อมก็เห็นหมดแล้วจริง ๆ นะคะ พี่ไม่เห็นต้องเขินเลย พี่บาดเจ็บอยู่นะ”
“อ้อมรักเป็นผู้หญิงนะครับ แล้วพี่ก็เป็นผู้ชาย น้องจะไม่ให้พี่เขินได้ไง เดี๋ยวพี่พยายามอาบเองดีกว่า ไหว้วานน้องทำแผลให้ก็พอครับ”
“ตามใจค่ะ แต่ถ้าพี่ไม่ไหวจริง ๆ เรียกอ้อมนะคะ อ้อมจะได้เข้าไปช่วย”
“ครับ” เราสองคนพยักหน้าให้กัน
“อ้อ ถ้าจะเข้าห้องน้ำเรียกอ้อมนะ อ้อมจะช่วยพยุง”
“ครับ” พี่เขาขานรับ ฉันไม่ได้พูดอะไรออกไปอีกเพราะว่าใบหน้าของพี่เขามันแดง เมื่อฉันยืนมองนาน ๆ พี่เขาก็ยิ้มให้ก่อนจะก้มหน้าลง
นี่เหรออาการเขินของผู้ชาย
ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ฉันเตรียมข้าวต้มไว้ให้พี่เขาเรียบร้อย ส่วนของฉันเป็นข้าวผัด ทำไว้กินก่อนไปทำงานจะได้มีแรง
และตอนนี้ฉันก็นั่งมองพี่เขาพยายามใส่กางเกงด้วยตัวเองมาสักพักแล้ว
“ถ้าพี่ไม่เขินแล้วให้อ้อมช่วยป่านนี้เราได้ทำแผลใส่เสื้อแล้วนะคะ”
“ใครไม่เขินก็บ้าแล้วครับ” พี่เขามองหน้าฉัน
“อ้อมไง อ้อมไม่เขิน พี่หลับตาเลยค่ะ เดี๋ยวอ้อมใส่ให้แป๊บเดียว เราจะได้ทำแผลกัน” ฉันถือวิสาสะเดินเข้าไปหาพี่เขาพร้อมกับดึงกางเกงของพี่เขาขึ้น
ฉันเผลอเงยหน้ามองพี่ทราย ทำให้รู้ว่าพี่เขายังไม่ได้หลับตา
เราสองคนสบตากัน
ไอ้อาการหน้าร้อนผ่าวที่ชอบเขียนในนิยายมันใช่แบบที่ฉันเป็นอยู่ในตอนนี้ไหมนะ
“เรียบร้อยแล้ว มาทำแผลกันค่ะ” ฉันพูดแก้เก้อ พร้อมทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เราสองคนเดินมานั่งที่เตียง ฉันเริ่มทายาบริเวณช่วงแขน อก หัวไหล่ ลำคอ ใบหน้าให้พี่เขา หุ่นของพี่เขาคือแบบสมบูรณ์เพอร์เฟกต์
เสียงที่เต้นตึกตึก ตึกตึก เป็นเสียงหัวใจของฉัน หรือเสียงหัวใจของเราสองคนกันนะ
“มาค่ะอ้อมช่วย” ฉันคว้าเสื้อที่เตรียมไว้ให้พี่เขา มาสวมใส่ให้พี่เขาด้วยตัวเองเพื่อความรวดเร็ว
“ขอบคุณครับ”
“ค่ะ งั้นอ้อมขอพักสายตาสักงีบนะคะ” ฉันเก็บอุปกรณ์ทำแผล แล้วจากนั้นจึงมานอนพักตรงที่นอนด้านล่างที่ทำไว้เมื่อคืน
กะเอาไว้ว่าจะนอนพักสักหน่อย คืนนี้จะได้มีแรงทำงาน ไม่เพลียจนเสียงาน
ฉันกดตั้งนาฬิกาปลุกเรียบร้อย หัวถึงหมอนได้ก็หลับค่ะ เวลามีน้อยต้องรีบใช้สอย