บทที่ 4

1311 Words
“ชุดนี้งดงามแล้วค่ะคุณลุง ไม่ต้องตัดใหม่ให้สิ้นเปลืองหรอกค่ะ เอาไว้หลังจากนี้แล้วรีน่าจะลองสวมดูอีกทีค่ะ” หากไม่เอ่ยบอกเช่นนี้ อัลรีน่ารู้ว่าญาติผู้ใหญ่ของเธอไม่มีทางจบสิ้นยอมความเรื่องชุดแต่งงานเจ้าปัญหาชุดนี้แน่ ถ้าไงเธอก็ขอบอกปัดก่อน ส่วนเรื่องที่ว่าจะให้ลองหรือสวมชุดแต่งงานชุดนี้เธอไม่ยอมทำแน่นอน “ถ้าหนูรีน่าชอบและพอใจก็ดีแล้ว นอกจากของกำนัลแล้วเจ้าชายอีสดรีสส์ได้ส่งราชสาส์นฉบับนี้มาจากอเมริกาให้ลุงนำมามอบให้หนูรีน่าด้วย” อัลรีน่าเดินเข่าไปรับราชสาส์นมาจากพลเอกซัลวา แม้จะพยายามทำใจยอมรับกับคำมั่นสัญญาที่บิดาได้เอ่ยไว้กับเจ้าชายอะดะบี แต่เมื่อมาเห็นได้อ่านถ้อยวาจาที่จรดจากปลายปากการ้อยเรียงเป็นตัวอักษรอย่างเป็นระเบียบ ใบหน้างามลออก็มีอันต้องถอดสี ดวงตาคู่สวยสีอ่อนใสกระตุกวูบเผยความหมองเศร้าให้มารดาได้เห็นชั่วขณะ แต่เมื่อหันไปมองสบตากับบิดา นัยน์ตาสีอ่อนใสกลับเรียบเฉยสงบนิ่งยิ่งกว่าละอองเม็ดทรายร้างราคลื่นลม “เจ้าชายทรงรับสั่งว่าอย่างไรบ้างลูก” คุณธัญจิราเปล่งเสียงถามแผ่วเบา เมื่อลอบสังเกตเห็นกิริยาที่ลูกสาวได้เผยให้เห็นเพียงเศษเสี้ยววินาที ซึ่งนางชักจะไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตนเองและสามีได้เอ่ยคำมั่นสัญญากับเจ้าชายอะดะบีไว้ จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องนำความสุขมาให้นางฟ้าองค์น้อยๆ ของครอบครัวหรือเปล่า อัลรีน่าก้มหน้านิ่งกัดเม้มริมฝีปากจนห้อเลือด บังคับหยาดน้ำตาไม่ให้เอ่อคลอเบ้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเอ่ยตอบทุกคนที่กำลังเฝ้ารอคอยคำตอบอยู่ “เจ้าชายอีสดรีสส์รับสั่งให้รีน่าเข้าไปอยู่ที่พระราชวังในวันพรุ่งนี้ค่ะ” ทุกคนในห้องรับแขกต่างก็ยินดีปรีดากับถ้อยประโยคที่อัลรีน่าได้เอ่ยบอกตามคำสั่งของเจ้าชายอีสดรีสส์ พลเอกรอซีดูจะตื่นเต้นกว่าใคร เพราะการที่บุตรสาวสามัญชนธรรมดามีโอกาสได้เข้าไปอยู่ในพระราชวังกับเจ้าชายหนุ่มที่จะขึ้นครองราชย์บังลังก์ เพื่อปกครองประเทศต่อจากพระราชบิดา ก่อนที่จะมีพิธีอภิเษกนั้นถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะอัลรีน่าจะได้เรียนรู้ขนบธรรมเนียมในพระราชวัง และเป็นการสร้างความคุ้นเคยให้กับอัลรีน่า ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็นพระชายาเคียงคู่กับเจ้าชายอีสดรีสส์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า “อัยนูน รีบไปจัดเตรียมเสื้อผ้าเครื่องใช้ให้รีน่า” พลเอกรอซีแสดงอาการตื่นเต้นดีใจกว่าใครเพื่อน รอยยิ้มกว้างแห่งความดีใจปรากฏให้เห็นทั่วใบหน้าคมที่ยังคงความหล่อเหลาแม้อายุจะล่วงเลยมาถึงห้าสิบปีแล้วก็ตาม “ค่ะ นายท่าน อัยนูนจะไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” แม่นมอัยนูนรีบผุดลุกขึ้นไปทำตามคำสั่งของพลเอกรอซีอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนจะเดินออกจากห้องรับแขกก็หันไปมองหน้าคุณหนูรีน่าที่รักครู่หนึ่ง เมื่อได้เห็นกิริยาที่สงบนิ่งไม่แสดงอาการคัดค้านเหมือนตอนที่คุยกันในสวนพฤกษชาติ นางก็รู้สึกวางใจโล่งอกรีบเดินออกจากห้อง ไปจัดเตรียมกระเป๋าเครื่องใช้ให้คุณหนูเดินทางไปพระราชวังในวันพรุ่งนี้ “อีกเดือนกว่าๆ หนูรีน่าก็จะอายุครบยี่สิบสี่ปีบริบูรณ์ เข้าไปอยู่ในพระราชวังก่อนก็ดีเหมือนกัน หนูรีน่าจะได้คุ้นเคยกับเจ้าชายอีสดรีสส์มากยิ่งขึ้น” พลเอกซัลวาออกความคิดเห็น แต่ถึงแม้อัลรีน่าไม่เข้าไปอยู่ที่พระราชวังก่อนที่จะอภิเษกก็ไม่มีปัญหา เพราะเด็กสาวที่น่ารักเรียบร้อยอย่างอัลรีน่า ยังไงก็สามารถสร้างความประทับใจให้กับเจ้าชายอีสดรีสส์ และเหล่าข้าราชบริพารในพระราชวังได้อย่างง่ายดาย “รีน่าไปเตรียมตัวดีไหมลูก พรุ่งนี้จะได้เดินทางไปที่พระราชวังแต่เช้า” มือใหญ่ของผู้ที่เป็นพ่อยกขึ้นลูบทั่วศีรษะกลมทุยปกคลุมด้วยเส้นผมยาวนุ่มสลวยอย่างเอ็นดูภาคภูมิใจในตัวบุตรสาวที่ว่านอนสอนง่าย ไม่เคยทำให้ตัวเองเสียใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว “อีกสักครู่ค่อยไปก็ได้ค่ะ รีน่าขออยู่ส่งคุณลุงก่อน” อัลรีน่าหันมาฝืนยิ้มบางๆ ให้บิดา พยายามบังคับน้ำเสียงไว้สุดกำลังไม่ให้สั่นเครือ จากนั้นก็หลุบสายตาก้มลงมองมือตัวเอง ซ่อนความนึกคิดไว้ภายใต้สีหน้าที่เรียบเฉยสงบนิ่ง “หนูรีน่าไล่ลุงทางอ้อมแล้ว คงต้องขอตัวกลับก่อนนะรอซี” พลเอกซัลวาเอ่ยกลั้วหัวเราะขณะเอ่ยแซวหลานสาว เขาไม่ได้นึกโกรธกับคำพูดของหลานสาวเพราะจริงๆ แล้วตัวเขาเองก็มีภารกิจอื่นรออยู่อีกมาก ให้ไปจัดการให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้ อัลรีน่าคลี่ยิ้มบางๆ ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่สร้างความประทับใจให้กับหนุ่มๆ ทั่วทั้งดาลิยาได้หลงใหลมานักต่อนักแล้ว จากนั้นก็เอ่ยแก้ไขคำพูดตัวเอง ด้วยเกรงว่าญาติผู้ใหญ่จะเข้าใจผิด “รีน่าไม่กล้าไล่คุณลุงหรอกค่ะ รีน่ายินดีต่างหากที่คุณลุงมาเยี่ยมรีน่ากับคุณพ่อคุณแม่ถึงที่บ้าน” พลเอกซัลวาหัวเราะร่วนอย่างคนอารมณ์ดี เดินเข้าไปจับมือเล็กนุ่มนิ่มของหลานสาวที่รีบผุดลุกขึ้นยืนเช่นเดียวกัน ก่อนจะเอ่ยบอกให้อัลรีน่าได้สบายใจ “ลุงก็ดีใจที่ได้มาเยี่ยมหนูรีน่า ภารกิจในพระราชวังมีมากมายเหลือเกิน หากวันนี้ไม่ได้มาส่งราชสาส์นให้หนูรีน่าลุงก็คงไม่ได้มาเยี่ยมทุกคน” พลเอกซัลวาเอ่ยยิ้มๆ ด้วยความจริงใจ พลางส่งสัญญาณให้เหล่าองครักษ์คนอื่นได้ลุกขึ้นเตรียมตัวเดินทางกลับ “ลุงกลับก่อนนะหนูรีน่า ลุงดีใจที่หนูจะได้แต่งงานกับเจ้าชายอีสดรีสส์” ‘แต่รีน่าไม่ดีใจเลยค่ะ’ อัลรีน่าเอ่ยตอบอยู่ในใจฝืนยิ้มให้พลเอกซัลวาคำว่า ‘หน้าชื่นอกตรม’ คงใช้ได้ดีที่สุดสำหรับเธอในขณะนี้ “รีน่าไปส่งคุณลุงนะคะ” “ไม่ต้องหรอก ส่งลุงแค่ตรงนี้ก็พอแล้ว” พลเอกซัลวาพยักหน้ารับการทำความเคารพจากอัลรีน่าและคุณธัญจิรา จากนั้นก็ก้าวเท้ายาวๆ เดินเข้าไปจับมือกับพลเอกรอซีเพื่อนรัก “เราภูมิใจแทนนายจริงๆ ที่มีบุตรสาวน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนหนูรีน่า” พลเอกรอซีหัวเราะร่วนตบบ่าเพื่อนรักหนักๆ ก่อนจะสวมกอดสมานมิตรภาพระหว่างเพื่อนรักไว้แนบแน่น “อัลรีน่าเป็นความภาคภูมิใจที่สุดของตระกูลฟาติยาซ์” คนที่ตกเป็นหัวข้อการสนทนาถูกเอ่ยชมด้วยความภาคภูมิใจไม่ได้นึกดีใจด้วยเลยสักนิด หญิงสาวกัดเม้มริมฝีปากแน่น หากแม้นบิดาได้อ่านใจ ล่วงรู้ถึงสิ่งที่เธอนึกคิดวางแผนอยู่ท่านคงยิ้มไม่ออก ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยชมเธอให้ใครได้สดับรับฟังอีก คุณธัญจิรารอจนกระทั่งสามีได้เดินออกไปจากห้องรับแขก เพื่อส่งพลเอกซัลวาและเหล่าองครักษ์ จึงได้กวักมือเรียกบุตรสาวให้มานั่งลงใกล้ๆ “รีน่า มาหาแม่สิลูก” นางยกมือขึ้นลูบใบหน้างามคมเข้มของบุตรสาว ก่อนจะโอบกอดร่างบางระหงไว้แนบกาย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD