ห้องรับแขกขนาดใหญ่ภายในคฤหาสน์ฟาติยาซ์ ซึ่งตกแต่งวิจิตรตระการด้วยเครื่องประดับล้ำค่าหายาก ในวันนี้เต็มไปด้วยแขกผู้ใหญ่ ซึ่งล้วนเป็นเหล่าองครักษ์เอกของเจ้าชายอะดะบีและเจ้าชายอีสดรีสส์ กล่องกำมะหยี่ขนาดใหญ่จำนวนสองกล่องที่วางอยู่ตรงหน้าเหล่าองครักษ์ เป็นสิ่งที่เรียกรอยยิ้มแห่งความดีใจได้จากเจ้าของคฤหาสน์ ไม่ว่าจะเป็นพลเอกรอซีและคุณธัญจิรา แม้แต่แม่นมอัยนูนที่นั่งพับเพียบอยู่กับพื้นพรมยังฉีกยิ้มแป้นไม่ได้หุบ
ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส แม้ยังไม่รู้ว่าของกำนัลภายในกล่องกำมะหยี่นั้นคือสิ่งใด แต่ขึ้นชื่อว่าเจ้าชายอะดะบีพร้อมด้วยโอรสแล้ว ย่อมส่งของกำนัลล้ำค่างดงามมาให้อัลรีน่าอย่างแน่นอน
เสียงสนทนาอย่างออกอรรถรสระหว่างพลเอกรอซีกับเหล่าองครักษ์ถูกขัด
จังหวะเล็กน้อย เมื่อหญิงสาวที่สง่างามพร้อมสำหรับการเป็นพระชายาของเจ้าชาย
อีสดรีสส์ได้ก้าวเข้ามาในห้องรับแขก
“มาแล้วหรือลูก” พลเอกรอซีรีบเข้าไปสวมกอดลูกสาวแล้วเอ่ยถามยิ้มๆ “รีน่าจำเพื่อนพ่อได้หรือเปล่าลูก...พลเอกซัลวา ฮิลา”
“จำได้ค่ะคุณพ่อ”
อัลรีน่าตอบเสียงราบเรียบไม่ได้แย้มยิ้มดีใจเหมือนเช่นทุกคน หญิงสาวปรายตามองกล่องกำมะหยี่บนโต๊ะกระจกเล็กน้อย พลางก้าวเท้าแผ่วขยับเข้าไปใกล้แขกกิตติมศักดิ์นิดหนึ่ง ก่อนจะย่อตัวทำความเคารพเหล่าองครักษ์แล้วทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ กับมารดา
พลเอกซัลวามองบุตรสาวของเพื่อนรักด้วยสายตาชื่มชมระคนเอ็นดูอย่างปิดไว้ไม่มิด
“ลุงไม่ได้พบรีน่าแค่ไม่กี่ปี จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่พบกันหนูรีน่ายังตัวเล็กๆ เป็นนักเรียนอยู่เลย มาตอนนี้สวยงามดุจดอกไม้แรกแย้มงดงามจนลุงจำเกือบไม่ได้”
“ขอบคุณคุณลุงมากค่ะ แต่รีน่าไม่ได้สวยขนาดนั้นหรอกค่ะ”
อัลรีน่าคลี่ยิ้มบางๆ รับคำชม อยากให้พลเอกซัลวาเอ่ยถึงวัตถุประสงค์ ซึ่งเธอรู้ดีว่าเรื่องอะไรให้จบเร็วๆ ภายในไม่กี่นาที เพื่อที่เธอจะได้หนีไปทำใจอยู่คนเดียว
“หลานสาวของลุงนี่ยังถ่อมตนไม่มีเปลี่ยน”
พลเอกซัลวาหัวเราะร่วนถูกใจ นอกจากรูปทรัพย์จะงดงามแล้ว กิริยามารยาทของว่าที่พระชายาก็ดูนุ่มนวลอ่อนหวานสมกับคำว่ากุลสตรี
“อีกไม่ถึงสัปดาห์เจ้าชายอีสดรีสส์จะเสด็จกลับจากอเมริกาแล้ว เจ้าชายอีสดรีสส์จึงรับสั่งให้นำสิ่งของเหล่านี้มามอบให้กับหนูรีน่า ลองเปิดดูสิว่าถูกใจหรือเปล่า”
พลเอกซัลวาเอ่ยบอก พร้อมกับผายมือใหญ่แข็งแกร่งไปยังกล่องกำมะหยี่ทั้งหลาย
อัลรีน่ากัดเม้มริมฝีปากแน่นนั่งนิ่งเฉย อิดออดที่จะทำตามคำชวนของพลเอกซัลวา จนผู้ที่เป็นมารดาต้องขยับกายเข้าไปใกล้อีกนิดพร้อมกับกระซิบเตือน
“รีน่าอย่าทำให้คุณพ่อต้องอายนะลูก” คุณธัญจิรากระซิบเบาๆ ใกล้ใบหู เมื่อเห็นลูกสาวนั่งเงียบไม่ยอมทำตามคำเชิญของญาติผู้ใหญ่สักที
“เปิดดูของกำนัลหน่อยสิลูกว่าถูกใจหรือเปล่า”
พลเอกรอซีส่งสายตาดุน้ำเสียงที่เอ่ยสั่งนั้นอาจฟังดูราบเรียบสำหรับผู้อื่น แต่สำหรับอัลรีน่านั้นรู้ดีว่าบิดากำลังโกรธกับท่าทีเฉยเมยไม่สนใจของเธอ
“อัลรีน่า อย่าเสียมารยาท”
คุณธัญจิราจำเป็นต้องสะกิด พร้อมกับกระซิบเตือนลูกสาวด้วยน้ำเสียงทุ้มหนัก ถึงแม้อัลรีน่าจะเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายไม่เคยทำตัวให้เสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล แต่ในบางครั้งบางคราวอัลรีน่าก็เป็นเด็กที่ดื้อรั้นและเป็นประเภทดื้อเงียบเสียด้วย
เมื่อไม่อาจขัดคำบัญชาของมารดา ที่สะกิดตรงสีข้างกระซิบบอกไม่ให้เสียมารยาท กอปรกับเจอสายตาดุๆ ของบิดาที่จ้องมองเขม็ง อัลรีน่าจึงจำเป็นต้องเดินเข่าไปเปิดกล่องกำมะหยี่ดูสิ่งของที่อยู่ข้างในอย่างเสียไม่ได้
หญิงสาวเปิดไล่เรียงจากกล่องด้านบนสุด เมื่อฝากำมะหยี่เปิดออกเผยให้เห็นอัญมณีงดงามล้ำค่าที่นอนสงบนิ่งอยู่ในกล่อง ทุกคนในคฤหาสน์ฟาติยาซ์ต่างก็อ้าปากค้าง เมื่อได้ยลโฉมชุดเครื่องประดับเป็นไพลินล้อมเพชรชุดใหญ่ที่ประเมินราคาไม่ได้
อัลรีน่าเปิดฝากล่องทิ้งไว้เพื่อให้มารดาและแม่นมอัยนูนได้ชื่นชมความงดงามของอัญมณีที่ล้ำค่าชุดนี้ จากนั้นมือบางนิ้วเรียวยาวได้เลื่อนไปเปิดกล่องที่สองซึ่งใหญ่กว่ากล่องแรกหลายเท่า ฝากล่องที่เปิดออกอย่างช้าๆ สะกดสายตาทุกคู่ในห้องรับแขกให้จับจ้องมองกลั้นใจรอว่าสิ่งของที่อยู่ข้างในนั้นคืออะไร
เมื่อสิ่งที่อยู่ข้างในกล่องเผยออกให้เห็น แม้แต่พลเอกซัลวาและเหล่าองครักษ์คนอื่นๆ ก็ต้องอุทานออกมาเบาๆ กับความงดงามของชุดแต่งงานขาวสะอาดที่เจ้าชายอีสดรีสส์ส่งมาเป็นของกำนัลให้กับว่าที่พระชายา
“เอาชุดแต่งงานไปลองสิลูก เผื่อว่าสวมไม่ได้จะได้รีบแก้ไขให้ทันงานอภิเษก”
อัลรีน่าชะงักมือที่กำลังจะปิดฝากล่องกำมะหยี่ไว้ตามเดิม เมื่อถูกบิดาทักน้ำเสียงห้าวทุ้มเป็นการออกคำสั่งไปในตัว หญิงสาวหันไปมองบิดาครู่หนึ่งก่อนจะทำใจกล้าขัดคำสั่งท่าน
“ไม่ต้องลองก็ได้ค่ะ ยังไงรีน่าก็ใส่ได้”
‘หรืออาจจะไม่ได้ใส่เลย’
หญิงสาวหลุบมองพื้นพรมเปอร์เซียลวดลายงดงาม ขณะเอ่ยตอบประโยคต่อท้ายอยู่ในใจ เธอจะไม่ยอมสวมชุดแต่งงานชุดนี้เป็นอันขาด ไม่ใช่เพราะชุดไม่สวยไม่งดงามไม่ถูกใจ แต่เป็นเพราะเธอจะไม่ยอมเข้าพิธีแต่งงานต่างหาก
“ลองหน่อยไม่ดีหรือลูก หากตรงไหนคับตรงไหนหลวมจะได้ให้นมอัยนูนเอาไปแก้”
คุณธัญจิราขอร้องลูกสาวอีกคน แม้จะจับกระแสแห่งความไม่ยินดียินร้ายที่แผ่ออกมาจากตัวลูกสาวได้ แต่นางก็แสร้งทำเป็นไม่เห็น เพราะไม่อยากให้สามีต้องขายหน้าพลเอกซัลวา
“รีน่าก็สูงตามมาตรฐานของสาวดาลิยาทั่วๆ ไป รีน่าคิดว่าทางร้านตัดชุดแต่งงานคงออกแบบมาดีแล้ว รีน่าไม่จำเป็นต้องลองก็ได้ยังไงก็ใส่ได้แน่นอน”
อัลรีน่าเอ่ยบอกเสียงราบเรียบ แม้จะนึกค้านคำพูดตัวเองอยู่ในใจ แต่ก็ไม่อยากหยิบชุดแต่งงานไปลอง
‘หากรีน่าแต่งงานกับชายที่รัก รีน่าคงไม่ลังเลที่จะหยิบชุดแต่งงานไปสวมใส่’
ชุดแต่งงานขาวสะอาดตัดเย็บจากผ้าไหมที่ทักทอด้วยฝีมือช่างอันแสนประณีต และไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นผ้าไหมที่ทักทอมาจากแผ่นดินเกิดของมารดา ซึ่งเป็นผ้าไหมที่งดงามไม่แพ้ผ้าไหมจากประเทศอื่น เมื่อผ้าไหมผืนงามตกมาอยู่ในมือนักออกแบบชุดแต่งงานจากห้องเสื้อชื่อดังในอเมริกา ผลงานที่ออกมาจึงงดงามทรงคุณค่าสำหรับเจ้าสาวผู้โชคดีที่กำลังจะได้สวมใส่
“ถ้าหนูรีน่าไม่ชอบชุดแต่งงานชุดนี้ จะเลือกแบบใหม่สั่งตัดใหม่ก็ได้เจ้าชายทรงอนุญาตมาแล้ว” พลเอกซัลวาเอ่ยบอกด้วยความเอ็นดู