อัลรีน่าสนทนาบอกรายละเอียดการจองที่พักกับประชาสัมพันธ์โรงแรมอีกเกือบห้านาที จึงวางโทรศัพท์กับแป้น พอจะเดินออกไปเรียกแท็กซี่ ก็ปะทะกับชายวัยกลางคนที่ยืนยิ้มกว้างให้
“ผมรู้จักโรงแรมนี้ ไปแท็กซี่มิเตอร์ของผมไหมครับ”
อัลรีน่ามองชายวัยกลางคนแต่งตัวดีด้วยเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน ที่เข้ามาเสนอตัวว่าเป็นคนขับแท็กซี่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปฏิเสธ
“ไม่ไปเดี๋ยวจะเรียกรถเอง”
หญิงสาวบอกปัดเสียงห้วนก่อนจะเดินหนี เธอเคยได้ยิน ได้อ่านข่าวมาบ้างว่าที่สนามบินสุวรรณภูมิมีแท็กซี่เถื่อนที่คอยมาดักรอหลอกคนต่างชาติ หรือแม้แต่คนไทยด้วยกันเองอยู่มาก เพราะฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยไปเรียกแท็กซี่ที่หน้าสนามบินจะดีกว่า
อัลรีน่าคิดเช่นนั้น แต่อาคันตุกะสาวชาวอาหรับไม่รู้ และนึกไม่ถึงเลยว่า แท็กซี่เถื่อนมิจฉาชีพเหล่านี้มีเกลื่อนอยู่ทั่วบ้านทั่วเมือง และมีเป็นแก๊งใหญ่เสียด้วย ซึ่งแท็กซี่คันที่เธอกำลังเรียกต่อรองขับโดยลุงแก่ๆ ล่วงวัยกลางคนมาหลายปีแล้ว ก็เป็นหนึ่งในแท็กซี่เถื่อนเช่นเดียวกัน
“ไปโรงแรมเดอะ คิง ออฟ คอรันดัม”
อัลรีน่าบอกเมื่อก้าวเข้ามานั่งในแท็กซี่เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวลอบถอนหายใจ เมื่อคนขับแท็กซี่เป็นลุงแก่ๆ ที่ดูท่าทางใจดีน่าไว้วางใจกว่าคนแรกที่เดินมาหาเธอในท่าอากาศยาน
คนขับแท็กซี่ฉีกยิ้มกว้างอยากเป็นมิตร เอ่ยตอบเสียงนุ่มนวลอย่างอ่อนโน้ม
“เชิญเลยครับคุณผู้หญิง ผมรู้จักโรงแรมนี้ดีเคยไปส่งลูกค้าหลายครั้งแล้ว”
“จากสนามบินไปโรงแรมไกลไหม”
อัลรีน่าพยักหน้ารับชวนแท็กซี่คุย เมื่อรถวิ่งพ้นอาณาเขตของสนามบินสุวรรณภูมิมาได้ไกลแล้ว จริงๆ แล้วเธอไม่อยากคุยกับคนขับแท็กซี่เท่าไหร่นัก แต่เพื่อไม่ให้ตัวเองง่วง และขจัดความกลัวออกไปจากใจ จึงจำเป็นต้องเอ่ยปากถามบ้างเป็นบางครั้งบางคราว
“ไม่ไกลเท่าไหร่หรอกครับ เดี๋ยวผมขึ้นทางด่วน ถ้าโชคดีรถไม่ติดก็ใช้เวลาราวๆ สี่สิบนาทีก็ถึงแล้ว” คนขับแท็กซี่เอ่ยตอบพลางลอบสังเกตผู้โดยสารสาวผ่านกระจกมองหลังแล้วเอ่ยถามต่อ
“เพิ่งมาเมืองไทยเป็นครั้งแรกหรือครับ”
“ค่ะ”
อัลรีน่าเอ่ยตอบสั้นๆ ปรายตามองคนขับนิดหนึ่ง ก่อนจะตัดบทสนทนากันไม่ให้คนขับแท็กซี่ยุ่งกับเธออีก ด้วยการหันไปมองทิวทัศน์เสียงสี ไฟหลอดนีออนในยามค่ำคืนที่เปิดสว่างไสวไปทั่วกรุงเทพฯ
ผู้โดยสารสาวไม่รู้เลยว่าการกระทำของตัวเองเป็นสิ่งที่ผิดมหันต์ เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้แท็กซี่ชั่วได้รมยาเธอผ่านทางช่องแอร์
แท็กซี่ที่ดูไว้ใจได้เฉพาะรูปลักษณ์ภายนอก แต่ข้างในดำมืดเลวบริสุทธิ์จนหาส่วนดีไม่เจอ ทำทีเป็นเอื้อมมือไปปรับช่องแอร์แต่จริงๆ แล้วเขาได้บีบยากล่อมประสาทลงไปบนช่องแอร์ แล้วปรับทิศทางความเย็นให้พุ่งตรงไปที่ผู้โดยสารสาวแต่เพียงผู้เดียว
อัลรีน่าไม่เคยเจอกับตัวเอง ไม่เคยรู้กลวิธีอันแยบยลของเหล่ามิจฉาชีพ จึงไม่ได้เตรียมตัวป้องกัน หญิงสาวเริ่มมึนงงตัวชาหาวนอนติดๆ กัน ราวกับความง่วงเริ่มเข้าทำงานทีละนิดทีละน้อย
“เมื่อไรจะถึงโรงแรมนะ เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว”
อัลรีน่าบ่นงึมงำกับตัวเองเป็นภาษาอาหรับ ยกมือปิดปากขณะหาวนอน เข้าใจผิดคิดว่าตัวเองอ่อนล้าจากการเดินทางมาก โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่ทำให้เธอตัวชาหาวนอนติดๆ กันมีอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้น เป็นเพราะยากล่อมประสาทที่คนขับแท็กซี่ป้ายไปตรงช่องแอร์
แม้ไม่เข้าใจภาษาที่ผู้โดยสารสาวบ่นพึมพำออกมา แต่อาการที่แสดงให้เห็นเรียกรอยยิ้มหื่นได้จากคนขับแท็กซี่ ซึ่งรู้ว่ายาเริ่มออกฤทธิ์แล้ว
“อู้ย...” คนชั่วแกล้งร้องครางลั่นเอามือกุมท้อง พลางเหลือบสายตามองผู้โดยสารสาวผ่านกระจกมองหลัง
“เป็นอะไร”
อัลรีน่าละสายตาจากแสงสีไฟในยามค่ำคืนหันมาถามเสียงห้วน ทว่าแผ่วเบาไม่หนักแน่นเท่าที่ควรเมื่อได้ยินเสียงร้องลั่นของคนขับแท็กซี่
“สงสัยส้มตำปูปลาร้าที่กินไปเมื่อหัวค่ำจะเล่นงานเอาเสียแล้ว ด่านเก็บค่าทางด่วนที่จะถึงมีห้องน้ำด้วย ผมขอแวะเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”
อัลรีน่าไม่รู้อุบายคิดว่าอีกฝ่ายต้องการเข้าห้องน้ำจริงๆ จึงพยักหน้ารับ ก่อนจะเอนตัวพิงเบาะรถยกมือขยี้ตาตบหน้าตัวเองเบาๆ เพื่อไม่ให้หลับก่อนที่จะถึงที่หมาย
คนขับแท็กซี่ลอบยิ้มเอ่ยพึมพำอยู่ในใจขณะเหลือบตามองผ่านกระจกมองหลัง
‘สวยๆ แบบนี้กูได้เงินหมื่นมาแทงม้าแน่’
“ขอเวลาครู่เดียวนะครับ”
คนชั่วบอกเมื่อจ่ายเงินค่าผ่านด่านเรียบร้อยแล้วก็ชะลอความเร็วลงเบนหัวรถเข้าจอดชิดข้างทางเลยห้องน้ำไปนิดหน่อย
“เร็วๆ หน่อยก็ดีนะ ฉันไม่อยากถึงโรงแรมดึกเกินไป”
อัลรีน่าสั่งเสียงเข้มอยากลงไปวักน้ำเย็นๆ ล้างหน้าล้างตาแก้อาการง่วงนอนเหมือนกัน แต่เมื่อหันไปมองห้องน้ำที่คาดว่ามีไม่กี่ห้อง และมีผู้ใช้บริการคนอื่นยืนรออีกสองสามคนจึงเปลี่ยนใจนั่งอยู่ในรถต่อ
“ครับๆ ไม่เกินห้านาทีครับ”
คนชั่วรีบบอกรัวเร็วแกล้งเอามือกุมท้องตีสีหน้าเหยเก ราวกับอาการปวดท้องเล่นงานเต็มที่ จากนั้นก็รีบเปิดประตูรถวิ่งตรงไปยังห้องน้ำ
หากอัลรีน่ามีตาทิพย์หูทิพย์หญิงสาวจะได้รู้ว่า คนขับแท็กซี่ไม่ได้มาเข้าห้องน้ำอย่างที่แสร้งบอก แต่เขาแอบมาโทรศัพท์หาเอเย่นส่งผู้หญิงไปขายตามซ่อง
พอปลอดคนไม่มีใครใช้ห้องน้ำชาย คนขับแท็กซี่ก็โทรบอกเจ้ใหญ่นักค้าเนื้อสด โดยไม่ลืมหันซ้ายแลขวาเพราะเกรงว่าจะมีคนอื่นมาได้ยินเข้า
“เจ้! ผมได้เหยื่อมาใหม่คนหนึ่ง สวยสะเด็ดท่าทางจะเป็นพวกลูกครึ่งแขกเพิ่งมาเมืองไทยเป็นครั้งแรก”
“แกวางยาเหยื่อหรือยัง”
ปลายทางผู้ทำหน้าที่เป็นนักค้าเนื้อสดเปล่งเสียงถามออกมา เพื่อความมั่นใจว่าลูกน้องในเครือข่ายจะไม่ทำผิดพลาดลืมขั้นตอนสำหรับ ก่อนที่จะส่งเหยื่อไปให้ลูกค้าตามสถานที่นัดหมายกันไว้
“เรียบร้อยยาเริ่มออกฤทธิ์แล้ว ตามันลอยๆ หาวติดๆ กันหลายครั้งแล้ว”
“ถ้างั้นรีบเอาไปส่งลูกค้าก่อนที่มันจะหมดสติ”
ปลายทางที่คนขับแท็กซี่รู้จักกันในนามเจ้ เคยเห็นหน้าค่าตากันแค่เพียงครั้งเดียวเวลาจะซื้อขายก็ใช้วิธีโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร รีบสั่งลูกน้องในเครือข่ายคนชั่วรัวเร็ว เพราะถ้าหากเหยื่อหมดสติก่อนจะถึงมือลูกค้า นางก็จะไม่ได้เงินสักแดงเดียว หากส่งเหยื่อให้ลูกค้าได้เงินมานอนอุ่นๆ อยู่ในกระเป๋าแล้ว นางจะไม่สนใจว่าเหยื่อที่หลอกมาจะหลับเป็นตายหรือถูกลูกค้าปู้ยี่ปู้ยำมากเพียงใด
ลูกค้าส่วนมากที่ติดต่อหาหญิงสาวสดสะอาดไปบริการ มักคิดว่าผู้หญิงเหล่านี้เต็มใจทำงานที่สังคมรังเกียจ แต่ความเป็นจริงแล้วหญิงสาวที่ดูสะอาดบริสุทธิ์ผุดผ่องร้อยทั้งร้อยจะเป็นหญิงสาวที่ถูกหลอกมาทั้งนั้น