“โธ่...เจ้านายนี่มันจวนจะสองทุ่มแล้วนะครับ เจ้านายยังจะทำงานอีกหรือ ผมว่าพักผ่อนสักนิดเถอะครับ วันนี้เจ้านายล้ามาทั้งวันแล้ว พักผ่อนเอาแรงไว้ต่อกรกับวันพรุ่งนี้ไม่ดีหรือครับ”
ชนุสรร้องโอดครวญขณะคว้ากระเป๋าเอกสารเดินตามเจ้านายเข้าไปในห้องทำงานหรูหราโอ่อ่าสมกับเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ที่ติดอันดับหนึ่งในสิบผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในทวีปเอเชีย ซึ่งจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์จูน (Fortune) นิตยสารธุรกิจชื่อดังของสหรัฐอเมริกา
เฟรดร์ดิโค้นั่งลงบนเก้าอี้หนานุ่มทำจากหนังแท้ แล้วเอื้อมมือไปเปิดโน้ตบุ๊กเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำงาน โดยไม่สนใจคำร้องประท้วงของเลขาฯ หนุ่ม
“ถ้านายเหนื่อย เราอนุญาตให้กลับไปพักผ่อนก่อนได้ เดี๋ยวงานที่เหลือเราจัด
การต่อเอง”
“ผมไม่เหนื่อยเท่าไหร่หรอกครับ หากเจ้านายจะทำต่อผมก็จะทำด้วยเช่นเดียวกัน แต่ที่ร้องโอดครวญเป็นเพราะว่าอยากให้เจ้านายได้พักผ่อนบ้าง ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นยันพระอาทิตย์ตกเจ้านายยังไม่ได้พักเลยนะครับ”
ชนุสรยึดเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานใหญ่เป็นที่พักขา ทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง ไม่เข้าใจว่าเจ้านายหนุ่มเอาพละกำลังจากไหนมาทำงานอย่างไม่รู้จักหมดสักที ตัวเขาเองแทบพับอยู่แล้ว ถ้าหากกลับไปถึงห้องพักหัวถึงหมอนคงได้หลับเป็นตายขนาดว่าไฟไหม้ทุ่งคงไม่รู้สึกตัว
“เดี๋ยวนี้สำนวนดีนะชนุสร พระอาทิตย์ขึ้นยันพระอาทิตย์ตก นายไปจำจากใครมา”
เฟรดร์ดิโค้เอ่ยแซวยิ้มๆ แต่มือกับดวงตาสีฟ้าชวนให้สาวๆ หลงใหลกลับจ้องมองเพ่งสมาธิไปกับงานที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโน้ตบุ๊ก
“เจ้านายครับ ไปนั่งจิบเหล้าฟังเพลงเย็นๆ ดีไหมครับ” ชนุสรพยายามโน้มน้าวจิตใจตอนนี้เขาอยากให้เจ้านายหนุ่มได้พักผ่อนจริงๆ
“นายก็รู้ว่าเราไม่ชอบไปเที่ยวแบบนั้น อยากฟังเพลงก็ไปเปิดสิเครื่องเสียงอยู่โน้น”
ผู้ที่เป็นเจ้านายบุ้ยปากไปยังมุมห้องทำงานที่มีเครื่องเสียงแบบเซอร์ราวด์ ชนิดที่ว่าเปิดทีดังกระหึ่มเสียงยิ่งกว่าตามผับตามบาร์เสียอีก
ชนุสรตีหน้าเมื่อยกับการพูดไปคนละเรื่อง ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นของเฟรดร์ดิโค้ เลมาร์โค้ ผู้ที่ดื้อด้านเป็นที่หนึ่ง
“เจ้านายครับ ผมไม่ได้หมายถึงการฟังเพลงที่นี่”
เฟรดร์ดิโค้ยกมือห้ามทัพขึงตาใส่ ก่อนจะสั่งงานเสียงห้วนจัดตามอารมณ์ที่เริ่มขุ่นขึ้นมาทุกขณะจิตเพราะการก่อกวนพูดไม่รู้เรื่องของลูกน้องจอมยุ่ง
“พอแล้วชนุสร เอางานที่เรายังไม่ได้เซ็นออกมาให้หมด คืนนี้เราจะสะสางให้เสร็จ”
ใช่ว่าจะมีเฟรดร์ดิโค้ที่ดื้อด้านเพียงผู้เดียว เลขาฯ สารพัดประโยชน์ทำงานไม่เคยมีบกพร่องก็ติดนิสัยดื้อไปจากเจ้านายเช่นเดียวกัน เขายิ้มเผล่เมื่อความคิดหนึ่งได้ผุดขึ้นในหัวสมอง พร้อมกันนั้นก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก้าวถอยห่างจากรัศมีที่จะถูกเตะนิดหนึ่ง ก่อนจะหยอดคำถามทีละนิดทีละน้อย
“ถ้าหากไม่อยากไปฟังเพลงก็เอาแบบนี้ดีไหมครับ”
“อะไรของนายอีก นายไปพักได้แล้ว เราชักจะรำคาญขึ้นมาตงิดๆ แล้วนะ”
สุ้มเสียงที่ส่งสัญญาณบ่งบอกถึงความรำคาญหงุดหงิดเต็มที่ เป็นตัวกระตุ้นให้ชนุสรรีบก้าวถอยหลังทีละก้าวจนเกือบถึงหน้าประตูห้องทำงาน
“เจ้านายเมื่อยไหล่เมื่อยคอไหมครับ เดี๋ยวผมจะโทรตามคุณรวีพรให้มานวดคลายเมื่อย” แม้กลัวสิ่งที่จะลอยมากระทบหัวตนเอง แต่เลขาฯ จอมจุ้นก็ยังเซ้าซี้ไม่เลิก
“ไม่ต้อง! ตามรวีพรมามีแต่จะทำให้เราปวดหัวเปล่าๆ เสียงดังแว้ดๆ ยังกับติดลำโพงไว้ ได้ยินทีไรแสบแก้วหูทุกที”
เฟรดร์ดิโค้ส่ายหน้าเอ่ยปฏิเสธรัวเร็ว ขืนให้รวีพรนางแบบสาวคู่ควงคนล่าสุดของเขามาที่โรงแรมตอนนี้ มีหวังเขาได้ปวดหัวหนักกว่าเดิมหลายสิบเท่า เพราะความเจ้ากี้เจ้าการวุ่นวายกับชีวิตของเขาไม่เลิก “เจ้านายไม่ชอบคุณรวีพรหรือครับ”
ชนุสรขยับเข้ามาก้าวหนึ่ง ลองหยั่งเชิงถามความรู้สึกของหนุ่มอิตาเลียนผู้หล่อเหลากุมใจสาวๆ ทั้งนางแบบ ดาราไฮโซได้ทั่วทั้งประเทศ เขาอยากรู้ว่าเฟรดร์ดิโค้ เลมาร์โค้ จะรักนางแบบสาวคนนี้หรือเปล่า ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นเขาเดาได้เลยว่าชีวิตที่เหลือของเฟรดร์ดิโค้ จะไม่มีทางพบกับคำว่าความสุขแน่นอน
เฟรดร์ดิโค้ยอมละมือละสายตาจากงานที่อยู่ตรงหน้า เมื่อเจอชนุสรก่อกวนไม่เลิก เขาเอนกายพิงพนักเก้าอี้หนานุ่ม ดวงตาคมสีฟ้าจ้องมองลูกน้องเขม็ง ก่อนจะเอ่ยตอบตามความรู้สึกที่มี
“เราไม่เคยชอบรวีพร และไม่คิดที่จะชอบด้วย”
“เฮ้อ! ค่อยยังชั่วหน่อย”
ชนุสรยิ้มกว้างถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ อย่างลืมตัว และลืมนึกไปว่าคนที่ตัวเองกำลังต่อว่าเป็นถึงคนกุมบังเ**ยนเดอะ คิง ออฟ คอรันดัม กรุ๊ป
“นึกว่าจะหลงเนื้อนมไข่เสียแล้ว”
“นายว่าไงนะชนุสร!”
เฟรดร์ดิโค้ย้อนถามทันควันด้วยน้ำเสียงห้าวดุ ดวงตาสีฟ้าเปล่งประกายวาวขึงตาใส่ลูกน้องคนโปรด ที่สะดุ้งเฮือกก้าวถอยร่นไปจนถึงประตูห้อง
“เอ่อ...ขอโทษครับเจ้านาย ผมไม่ได้ตั้งใจจะว่าเจ้านาย” เลขาฯ หนุ่มยกมือไหว้ขอโทษในระยะหลายหลา เพราะขืนเข้าไปใกล้กว่านี้มีอันได้เจอดีแน่
“นายกลัวเราคว้ารวีพรมาเป็นเมียงั้นหรือ”
เฟรดร์ดิโค้เปล่งเสียงถามราบเรียบ เริ่มหมดอารมณ์ทำงานเมื่อเลขาฯ ตัวแสบชวนคุยไม่ได้หยุด
“กลัวสิครับเจ้านาย เอ่อ...พวกเราไม่ค่อยชอบคุณรวีพรสักเท่าไหร่”
ชนุสรอ้อมแอ้มตอบ ด้วยเกรงว่าเจ้านายจะไม่พอใจ ถึงแม้จะทำงานกับเฟรดร์ดิโค้นักธุรกิจหนุ่มอนาคตไกล ที่ถูกจับตามองมากที่สุดในพื้นภาคเอเชียมานานหลายปี จนสนิทสนมกับเจ้านายมาก แต่เขาก็ไม่กล้าก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเจ้านายหนุ่มจนมากเกินไป
“ทำไมพวกนายถึงไม่ชอบรวีพร”
เฟรดร์ดิโค้เอนกายกับเก้าอี้ ยกมือกอดอกจ้องมองเขม็ง ขณะรอฟังคำตอบจากลูกน้องที่เริ่มหน้าเผือดสีช้าๆ ก่อนจะซีดขาวเสียยิ่งกว่าไก่ต้ม
“เอาความจริงแบบไม่มีหมกเม็ดนะเจ้านาย” ชนุสรย้ำถามอย่างหวั่นๆ ไม่กล้าเผยความจริง จนกว่าจะเห็นเจ้านายพยักหน้าอนุญาต
“อยากพูดอะไรก็พูดมาสิ แต่ขอให้เป็นความจริงเท่านั้น อย่าใส่ร้ายคนอื่นและยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยยิ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง”
เมื่อเจ้านายเปิดโอกาสชนุสรก็ไม่รอช้า เพราะตัวเขาและพนักงานหลายๆ คนในเดอะ คิง ออฟ คอรันดัม รู้สึกอัดอั้นตันใจมานานแล้ว และไม่มีใครเป็นหน่วยกล้าตายกล้าพูดออกมาสักคน
“ผมและพนักงานทุกคนไม่ชอบคุณรวีพร นางแบบคนนี้ไม่เคยเห็นหัวใคร รังเกียจคนจนคนที่ด้อยกว่า มองพนักงานในโรงแรมด้วยสายตาขยะแขยง ต่อหน้าคุณริคก็จะพูดดีทำเป็นสงสารพวกเรา แต่พอลับหลังกลับจิกหัวใช้ ใครทำไม่ได้ดังใจก็ถูกอาละวาดเสียกระเจิง”