“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณแม่ ลำบากคุณยายเปล่าๆ ดีไม่ดีคุณยายจะมารับรีน่าเอง จะพลอยทำให้คุณยายไม่สบายได้ หากต้องนั่งรถไกลๆ เดี๋ยวรีน่าไปหาคุณยายที่บ้านสวนจะสะดวกกว่า”
อัลรีน่ารับกระดาษแผ่นเล็กมากวาดสายตาอ่านที่อยู่เบอร์โทรศัพท์ของคุณยายอย่างคร่าวๆ ก่อนจะเก็บไว้ในกระเป๋าสะพาย
“คุณแม่คะ รีน่าต้องไปแล้วนะคะ”
“ถึงเมืองไทยเมื่อไรโทรมาบอกแม่ก่อนนะลูก แม่เป็นห่วง”
เมื่อรู้ว่าถึงเวลาที่ต้องจากกัน ผู้ที่เป็นแม่ก็เริ่มทำใจไม่ได้ น้ำตาที่เอ่อคลอเบ้าทำท่าจะหยดแหมะ ขณะดึงร่างบางระหงมาสวมกอด พร้อมกับหอมลงไปบนพวงแก้มแดงปลั่งทั้งสอง
“รีน่าสัญญาค่ะคุณแม่ ถึงเมืองไทยเมื่อไรหนูจะโทรมาหาคุณแม่เป็นอันดับแรกเลย”
อัลรีน่ากอดตอบแนบแน่น หอมแก้มมารดาหลายฟอด ก่อนจะผุดลุกขึ้นเมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นว่าอรุณกำลังจะรุ่ง ความมืดมิดกำลังจะจางหายไปจากฟากฟ้า ลำแสงสีเทากำลังเคลื่อนกายอย่างสง่างามเข้ามาแทนที่
“ไปเถอะลูก จวนจะสว่างแล้ว เดี๋ยวคุณพ่อจะตื่นขึ้นมาเห็นก่อน” ผู้เป็นมารดาบอกเสียงเศร้าๆ
อัลรีน่าเดินออกจากห้องตามแรงผลักของมารดา แต่ก้าวได้ไม่กี่ก้าวก็วิ่งกลับมาสวมกอดมารดาไว้อีกครั้ง
“รีน่ารักคุณแม่คุณพ่อ รักแผ่นดินดาลิยา รีน่าฝากกราบขอโทษคุณพ่อด้วยค่ะ”
ผู้ที่เป็นแม่กอดลูกสาวไว้แน่นอีกครั้ง ก่อนจะตัดใจดันตัวลูกสาวออกห่างเล็กน้อย มืออบอุ่นกุมใบหน้างามลออไว้ ก่อนจะเอ่ยให้พรด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“เดินทางปลอดภัยนะลูก ตามหาหัวใจให้เจอ แล้วหนูจะรู้ว่าความรักเป็นสิ่งที่สวยงามควรคุณค่าสำหรับการตามหา”
“ค่ะคุณแม่ รีน่าจะตามหาให้พบ หากแม้นไม่พบรีน่าก็ยังได้รับความรักจากคุณพ่อคุณแม่ที่มอบให้รีน่าเสมอ”
อัลรีน่าหอมแก้มมารดาอีกครั้ง ก่อนจะเดินเป็นวิ่งออกไปจากบ้าน เมื่อลำแสงสีเทาก่อนอรุณเบิกฟ้าค่อยๆ คืบคลานเข้ามาทีละเล็กทีละน้อย หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมพลังกำลังใจให้กับตัวเองสำหรับการออกเดินทางจากบ้านเกิดเมืองนอนเป็นครั้งแรก และถ้าหากทำใจกล้าหันไปมองที่หน้าต่างห้องนอนของบิดามารดาสักนิดก่อนที่จะขึ้นแท็กซี่ เธอจะได้เห็นบิดาผู้องอาจรักลูกยิ่งกว่าสิ่งใดได้ยืนส่งเธออยู่ ณ ที่ตรงนั้นด้วย
พลเอกรอซีคลี่ยิ้มบางๆ ขณะมองบุตรสาวที่รักซึ่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่กล้าตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตด้วยตัวเอง ดวงตาคมของผู้ที่เป็นพ่อมองตามจนกระทั่งรถแท็กซี่เคลื่อนตัวลับหายไปจากสายตา จากนั้นก็ได้พึมพำออกมาด้วยความภาคภูมิใจ พร้อมกับอวยพรให้ลูกสาวไปในตัว
“เพราะพ่อไม่อยากเห็นลูกต้องทุกข์ทรมานกับการแต่งงานที่ไม่ได้เกิดจากความรัก พ่อถึงได้พูดออกไปเช่นนั้น พ่อขอให้อัลรีน่าของพ่อพบกับบุรุษหนุ่มที่จริงใจ พร้อมที่จะรับมือกับลูกสาวตัวน้อยๆ ของพ่อ”
เฟรดร์ดิโค้ เลมาร์โค้ หรือ ริค บุรุษหนุ่มคมเข้มลูกครึ่งไทย-อิตาเลียน เจ้าของโรงแรม เดอะ คิง ออฟ คอรันดัม (The King of Corundum) โรงแรมเกินมาตรฐานห้าดาวหนึ่งเดียวในเมืองไทย ทว่ามีสาขาอยู่ทั่วทวีปเอเชียและธุรกิจอื่นๆ อีกมายมายในเครือ เดอะ คิง ออฟ คอรันดัม กรุ๊ป (The King of Corundum Groups) ได้ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้เปลภายในห้องสูทชั้นบนสุดของโรงแรม ด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการบริหารงาน
การสร้างเครือข่ายธุรกิจเป็นการสร้างรากฐาน สร้างฐานะทางสังคมในโลกธุรกิจให้กับผู้ที่เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกันก็สร้างความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าให้กับบุรุษหนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าจนแทบลืมตาไม่ขึ้น
“ชนุสร นายหาเครื่องดื่มเย็นๆ ให้เราสักแก้ว”
เฟรดร์ดิโค้สั่งเลขาฯ สารพัดประโยชน์ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแทบไม่พ้นลำคอ วันนี้เป็นวันหฤโหดสำหรับเขาที่สุดในรอบสัปดาห์
เริ่มตั้งแต่เช้าตรู่พร้อมกับเหล่าสกุณาที่โผบินออกจากรัง เขาก็ต้องเดินทางไปสนามบินเพื่อรับแขกวีไอพี ที่เป็นถึงนักธุรกิจชื่อก้องติดอันดับโลก ซึ่งได้ให้ความไว้วางใจเดินทางมาพักที่เดอะ คิง ออฟ คอรันดัม เสร็จการไปรับแขกวีไอพี ก็ต่อด้วยการประชุมอันแสนยาวนาน ตบท้ายด้วยการเดินทางไปพบลูกค้าอีกสี่ราย กว่าจะกลับมาถึงโรงแรมและเอนการพักได้ เล่นเอาเรี่ยวแรงหมดไปจากเรือนกายทีเดียว
“ชนุสร นายได้ยินหรือเปล่า”
เมื่อเครื่องดื่มดับกระหายยังไม่มีทีท่าว่าจะเดินทางมาถึง เฟรดร์ดิโค้จึงจำเป็นต้องตะโกนออกคำสั่งเพิ่มน้ำเสียงลงไปกว่ารอบแรก
ชนุสร เลขาฯ ผู้ทรงประสิทธิภาพรีบวางกระเป๋าเอกสารสองสามใบลงบนโต๊ะ ก่อนจะก้าวเท้ายาวๆ เกือบเป็นวิ่งมาหาเจ้านายหนุ่ม
“มาแล้วครับ คุณริครับอะไรดีครับ บรั่นดีหรือวิสกี้”
“อยากได้อย่างอื่นมากกว่าแอลกอฮอล์ มีพวกน้ำสมุนไพรให้เราดื่มไหม”
เฟรดร์ดิโค้ยกมือโบกปฏิเสธ เขาต้องการเครื่องดื่มที่ช่วยดับกระหายจริงๆ ไม่ใช่น้ำสีอำพันที่เพิ่มอุณภูมิความร้อนให้กับร่างกายมากขึ้นกว่าเดิม
“ถ้างั้นเป็นน้ำมะนาวเย็นๆ ดีไหมครับ ดับกระหายแถมสดชื่นด้วย” ชนุสรเสนอทางเลือกให้เจ้านายหนุ่ม ซึ่งอีกฝ่ายก็รีบพยักหน้ารับเห็นดีด้วย
“รีบไปเอามา”
เฟรดร์ดิโค้สั่งเร่งด่วนก่อนจะเอนตัวลงนอน แล้วหลับตานิ่งยกมือคลึงขมับ เพื่อบรรเทาอาการปวดหัวที่ทำท่าจะเล่นงานหนักกว่าช่วงกลางวันที่ผ่านมา
“เจ้านายรอสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมจะไปชงน้ำมะนาวมาให้”
เลขาฯ หนุ่มเอ่ยบอกก่อนจะรีบลุกไปชงเครื่องดื่มให้เจ้านาย แต่ก่อนจะเดินออกไปก็ลอบถอนหายใจ พร้อมกับส่ายหน้าด้วยความเป็นห่วงอีกฝ่าย เมื่อได้เห็นท่าทางเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยของเจ้าชายหนุ่ม เห็นทีว่าเขาต้องจัดการอะไรสักอย่างเสียแล้ว
เฟรดร์ดิโค้รอไม่ถึงห้านาทีดี น้ำมะนาวเย็นเจี๊ยบในแก้วทรงสูงก็พร้อมเสิร์ฟอยู่ตรงหน้า เขารับน้ำมะนาวมาดื่มด้วยความกระหายเพียงรวดเดียว น้ำสมุนไพรไทยๆ มีประโยชน์ต่อร่างกายก็ลดเหลือไม่ถึงครึ่งแก้ว
“ชงน้ำมะนาวได้อร่อยนี่ชนุสร” เจ้านายหนุ่มเอ่ยชมยิ้มๆ ก่อนจะยกน้ำมะนาวที่เหลือขึ้นดื่มจนหมดแก้ว
ชนุสรหัวเราะร่วนโค้งคำนับให้อย่างล้อเลียน ก่อนจะเอ่ยตอบกลั้วหัวเราะ
“ฝีมือการชงขั้นเทพ เทจากซองตามด้วยน้ำร้อนคนจนเข้ากัน ก่อนจะใส่น้ำแข็งลงไป”
“แค่เทออกจากซองฟังดูเป็นขั้นเทพจริงๆ”
เฟรดร์ดิโค้หัวเราะเบาๆ พร้อมกับส่ายหน้าอย่างระอา พลางลุกขึ้นยืนบิดตัวไปมาไล่อาการเมื่อยขบ ได้น้ำมะนาวแก้วใหญ่เย็นเจี๊ยบช่วยให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาตามแบบฉบับหนุ่มอิตาเลียนก้มลงมองเวลาบนนาฬิกาเรือนแพงยี่ห้อดัง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสั่งงานลูกน้อง และก้าวยาวๆ ตรงไปยังห้องทำงานหรูภายในห้องสูทชั้นบนสุดของโรงแรมเดอะ คิง ออฟ คอรันดัม เป็นส่วนพักผ่อนของเขาทั้งหมด ซึ่งแบ่งสัดส่วนอย่างลงตัวหรูหรา มีทั้งห้องทำงาน ห้องนอน เคาน์เตอร์บาร์ แม้แต่โรงยิมเล็กๆ พร้อมสำหรับการออกกำลังกายในร่มก็มีเพียบพร้อม
“เอางานที่ทำค้างอยู่มาให้เราที่ห้องทำงานด้วย”