5

1120 Words
“เดี๋ยวเถอะลูกนี่” คนเป็นแม่รีบเอ็ดขัดคำพูดของเธอทันที นึกขึ้นได้ว่าลืมสั่งคนครัวให้ทำสละลอยแก้ว เลยเลี่ยงออกไปสั่งงานก่อนจะลืมอีก ภูผาหันไปร้องขออะไรสักอย่างกับกล้วย ทางนั้นรีบวิ่งปรู้ดไปเอาให้ คนที่รอสบจังหวะที่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้ว ก็ค่อยเลื่อนมือจับแก้วน้ำของตัวเอง พูดยั่วเธอ “ไหนว่าเป็นลูกคนเดียว มีพี่สาวตั้งแต่เมื่อไร สงสัยจะเพิ่งมี ตอนที่เข้ามาได้ยินว่ากำลังจะมี…คู่แข่ง นี่อย่าบอกนะว่ายังตัดใจไม่ได้ ก็เลยออกอาการหึงหวง ระวังคนอื่นเขาจะมองออก”  ประโยคถามยั่วยุของภูผา ทำเธอทั้งโกรธทั้งอาย ผุดลุกจากเก้าอี้ เค้นเสียงใส่เขาไปว่า “แหม...คิดได้นะ” ไม่มีคำพูดตอบกลับ มีเพียงสายตาที่มองตอบมาอย่างกับรังสีเอกซเรย์ คล้ายจะเห็นทะลุปรุโปร่งถึงความรู้สึกของเธอ ปลายฝนรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย ภูผากลายเป็นพวกหลงตัวเองไปแล้วหรืออย่างไร หลงตัวเองไม่พอ ยังเป็นหมอโรคจิตด้วย ก็ถ้าเธอยังตัดใจไม่ได้จริง ๆ ยังรู้สึกกับเขาอยู่ แต่เขาไม่ได้คิดแม้แต่จะชอบผู้หญิง ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอเลย มันไม่ตลกหรืออย่างไร ปลายฝนไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาให้เป็นตัวตลกในสายตาใคร โดยเฉพาะสายตาของภูผา ภูผาตั้งท่าจะยั่วต่อ แต่พอดีว่ามีเสียงเอื่อยของแม่ดังแทรกเข้ามาเสียก่อน “ทะเลาะอะไรกันอีก”  ภูผาจึงหันไปตอบว่า “พรุ่งนี้ผมว่างทั้งวันครับ คุณแม่นัดน้องมิราให้ผมเลยก็ได้ คราวก่อนที่เจอกัน น้องเขาก็น่ารักดี คุยสนุกด้วย”  “น้องชื่อมิรินจ้ะ” ปิยมาภรณ์แก้ไขชื่อ อมยิ้มก่อนจะกล่าวต่อ “แม่จะบอกทางแม่น้องมิริน ว่าลูกขอนัดน้องกินข้าว ดีไหมภู” ภูผาพยักหน้าว่าเอาที่มารดาสบายใจได้เลย ปิยมาภรณ์เห็นท่าทีโอนอ่อนของภูผาก็ผ่อนลมหายใจเบา ๆ ยิ้มให้มารดา ภูผาเลื่อนสายตามองเลยมาที่เธอ ปลายฝนเห็นแล้วก็ให้รู้สึกออกร้อนหน้าผ่าว ๆ เธอไม่ได้รู้สึกอะไร แล้วหยิบอาหารกินอย่างต้องการระบายอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ภายใน  “แล้วเรื่องที่ลูกถูกเฉี่ยวชน จะให้ทนายมนูญจัดการให้เลยไหม” นายแพทย์หนุ่มพยักหน้าเห็นพ้องด้วย “ดีครับ ผมเซฟคลิปเก็บลงเครื่องเอาไว้ในห้องแล้ว กลับมาช่วงเย็น ๆ ผมเอามาฝากไว้ที่คุณแม่นะครับ” “ได้ลูก ต้องเก็บหลักฐานให้ดี ๆ เดี๋ยวนี้พวกขับรถไม่มีความรับผิดชอบเยอะแยะไปหมด ฝนนี่ก็เคยเจอพวกมาชนแล้วก็อ้างว่าไปปาดหน้าด้วยนะ” ปลายฝนไม่ทันฟัง ได้ยินชื่อตัวเอง ได้ยินว่า ‘ปาดหน้า’ ก็สะดุ้งตกใจเล็กน้อย ภูผาอมยิ้มถามมารดากลับไปแค่ว่า “หรือครับ” เหลือบมองทางภูผา เห็นเขายิ้มมุมปาก มองมาด้วยสายตาเหมือนจะยิ้มได้ ขณะกล่าวคล้อยตามมารดาไปว่า “พวกนี้ต้องถูกจับบ้างครับ ไม่อย่างนั้นก็ลอยนวล สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นได้อีก” ปลายฝนเริ่มกินไม่ลง ไม่ใช่ว่ากลัวจะถูกจับอะไรนั่นหรอก แต่เธอหงุดหงิด ที่เหมือนกับว่าถูกยัดใส่ลงในถุง ผูกปากจนแน่น แล้วโดนภูผาจับขว้างเล่นอย่างไรอย่างนั้นเลย จึงวางช้อนส้อมลง ขยับตัวลุกยืน บอกเสียงแข็งว่า “ฝนไปแต่งตัวก่อนนะคะคุณแม่ ไม่อยากถูกจับ...” พูดออกมาแล้วก็นิ่งไป เห็นสายตาของมารดามองมาอย่างแปลกใจ ก็ค่อยกระแอมเบา ๆ ก่อนแก้ใหม่ว่า “หมายถึงไม่อยากถูกจับผิดค่ะ วันนี้มีประชุมช่วงสายด้วย เที่ยงมีนัดคุยงานกับพี่พีชต่ออีก”  ปิยมาภรณ์ค่อยพยักหน้าน้อย ๆ อย่างพอเข้าใจได้ สายตาที่มองอย่างแปลกใจแปรเปลี่ยนเป็นชื่นชมในนาทีต่อมา กล่าวหยอกล้อไปว่า “อย่าทำดุใส่พี่ ๆ น้า ๆ อา ๆ ในห้องประชุมนะลูก” “ดุอะไรกันคะ เวลาประชุมก็ต้องเข้มหน่อยไง” “แม่เคยไปนั่งฟังอยู่ที ไม่เห็นกับตาไม่เชื่อเลยนะภู ว่าฝนจะเข้มดุได้ขนาดนั้นน่ะ” เล่าจบหันไปลากภูผาเข้ามาสนทนาด้วยกัน “ภูดูเถอะ เวลาอยู่บ้าน ฝนทำตัวง้องแง้งขนาดไหน แล้วพอเข้าบริษัทนะ กลายเป็นอีกคนไปเลย อย่างกับถูกวิญญาณซีอีโอจอมเคี่ยวเข้าสิง” ปลายฝนทำหน้างอ ถามมารดากลับ “ชมฝนใช่ไหมคะ”  “ชมค่ะ” ภูผามองสตรีสองคนตรงหน้า ก็ผ่อนลมหายใจออกเบา ๆ ยิ้มอย่างเดียว ไม่เอ่ยอะไรออกไปให้เป็นการขัดช่องขัดจังหวะของทั้งคู่ ปลายฝนไม่สนใจมองที่เขาอีก บอกกับมารดา “ฝนไปนะคะ” แล้วหมุนตัว เดินออกไปทันที คนเป็นแม่มองตามแล้วก็บ่นเชิงเอ็นดู “บ้างานกันหมด” แล้วเล่าให้คนที่ยังนั่งอยู่ฟังต่อจากนั้นว่าปลายฝนมีคนมาจีบหลายราย ร่ายตั้งแต่ลูกชายคนนั้น ไปยังหลานชายคนนี้ ภูผานั่งฟังเงียบ ไม่ขัด ปิยมาภรณ์นิ่งไปครู่ ก่อนจะแซวยิ้ม ๆ “ดูซิว่าลูกชายหรือลูกสาวของแม่จะสละโสดก่อนกัน…วันนี้ลูกไปไหนหรือ” ท้ายประโยคทวนถามถึงธุระของเขา ภูผาเงียบอยู่อึดใจ หันไปสบตาพร้อมกับตอบมารดาว่า “อาจารย์ให้ช่วยบรรยายตอนสิบโมงครับ”  “ฝากทักทายหมอวินด้วยนะ ช่วงนี้แม่ไม่ค่อยได้เจอกับบ้านนั้นเลย ทั้งหมอวินทั้งคุณถิงถิง” “ครับ” ภูผาตอบรับ หยิบแก้วน้ำข้างมือขึ้นดื่มอีกครั้ง มองผ่านความใสของน้ำ ผ่านก้นแก้ว ไปยังทิศทางที่ปลายฝนเดินจากไป พร้อมด้วยอาการร้อนรุ่มไม่แพ้กัน ค่อยลดแก้วลงวางไว้อย่างเดิม ทิ้งช่วงครู่ใหญ่ หยิบมือถือขึ้นดูอะไรในนั้น รอจังหวะแล้วถึงเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง             “นายนั่นไปแล้วหรือคะพี่กล้วย” ปลายฝนถามพี่เลี้ยงหลังจากขึ้นมารี ๆ รอ ๆ ที่ห้องได้ครู่ใหญ่ กล้วยมองตอบด้วยสีหน้างุนงง “นายไหนหรือคะคุณหนู” ปลายฝนส่งเสียงขัดอกขัดใจ แล้วก็ว่า “ก็หมอภูของพี่กล้วยยังไงล่ะคะ” “อ๋อ พี่ได้ยินเสียงรถออกไปแล้วนี่คะ” ได้ยินว่าภูผาออกไปแล้ว ปลายฝนก็เรียกพี่เลี้ยงเสียงหวานหยด “พี่กล้วยขา” “ว่าไงคะคุณหนู”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD