บทนำ
ราตรีสวรรค์ คือชื่อของเธอ แต่เลือดเนื้อและกายหยาบในตอนนี้กลับไม่ใช่ของเธอ
“เพชรพญานาคราชเคยออกปากกับลูกหลายครั้งว่าจะมาสู่ขอลูกกับท่านพ่อ แต่ลูกรู้ดีว่าท่านพ่อคงไม่มีวันยอมและคงกีดกัน”
“ก็เลยหนีตามกันในวันแต่งงาน เจ้าเอาอะไรคิดราตรีสวรรค์!” ท้าวปชาบดีเทวราชทนฟังต่อไม่ไหวตะเบ็งเสียงลั่นไปทั้งตำหนัก นาคตนนั้นเร้นกายใต้จมูกเขามานานมาก “เรื่องระยำตำบอนนี่คนที่รู้เห็นไปทั่วแล้ว พระอันตะถึงกับมาขอยกเลิกงานแต่งทั้งๆ ที่พิธีกำลังจะเริ่ม” ท้าวปชาบดีเทวราชถอนหายใจ จากเดิมคิดว่าจะขังนาคตนนั้นให้เน่าตายอยู่ภายในคุก ส่วนราตรีสวรรค์ก็แต่งงานกับพระอันตะ เขารีบจัดการอย่างเงียบเชียบแล้ว แต่พระอันตะก็ล่วงรู้จนได้
ราตรีสวรรค์แม้มริมฝีปากแน่นพยามยามข่มน้ำตาเอาไว้ เพราะรู้ตนว่าสิ่งที่ตัดสินใจทำลงไปนั้นผิดจริง แต่นาง
“ลูกขอรับโทษทัณฑ์ทั้งหมดแทนเพชรพญานาคราชเจ้าค่ะ ขอเพียงท่านพ่อปล่อยเขากลับเมืองบาดาน” ราตรีสวรรค์น้อมตัวก้มลงกราบแทบเท้า
“เจ้าจะลงไปอยู่ที่คุกใต้เขาไกรราชแทนเยี่ยงนั้นหรือ”
“หากทำเช่นนั้นท่านพ่อจะปล่อยเขาไป ลูกยินดี” นางยินดี
“ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าอีก แต่ให้ข้าลงโทษเจ้าที่เป็นพระธิดาองค์เดียวจากนางอันเป็นที่รักของข้าโดยการขังเจ้าไว้ในคุกเน่าเหม็นนั้นข้าก็ตัดใจทำไม่ลง แม่เจ้าฝากฝังเจ้าไว้ก่อนตาย เจ้าเพ้อฝันถึงความรักต่างชนชั้น งั้นข้าเจ้าลงไปอยู่บนโลกมนุษย์ เป็นเพียงผีพรายที่ชักจูงมนุษย์ให้บรรลุสิ่งที่ข้าต้องการ” ท้าวปชาบดีเทวราชข่มตาลง คนรู้เห็นมากนักเขาเป็นถึงผู้คุ้มกฏบนสวรรค์แห่งนี้ หากไม่ลงโทษนางเลยก็คงจะถูกครหาเอาได้
“ลูกยินดี ท่านพ่อจะให้ลูกรับโทษนานเพียงใดจึงจะปล่อยเขา” ราตรีสวรรค์น้อบรับ แต่ก็ไม่ลืมถามให้แน่ใจว่าบิดาจะปล่อยชายคนรักเมื่อใด
“เมื่อเจ้านำพามนุษย์ไปสู่ดินแดนสุขาวดีครบ 100 คน ข้าจะปล่อยนาคตนนั้น” 100 คน ใช้เวลาเท่าใดไม่รู้แต่ล่ะคนก็คงจะใช้เวลาไม่เท่ากัน แต่นั้นไม่สำคัญ อาจจะ100 ปี 500 ปี หรือ 1000 ปี อาจจะดูว่ามากแต่สำหรับชาวสวรรค์นั้นเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น แต่ก็คงจะพอสอนบทเรียนแกนางได้บ้าง
“หากลูกทำสำเร็จ ลูกขอเพียงได้พบเขาเป็นครั้งสุดท้าย”
“ไม่อยากครองรักกันแล้วงั้นหรือ” ขอแค่เจองั้นหรือแล้วที่ลงทุนหนีตามกันไปเพราะเหตุใด
“หากรักของลูกทำให้เขาต้องถูกขังเช่นนั้น สู้ให้เขามีชีวิตยืนยาวบำเพ็ญตบะสร้างสมบารมีอยู่อย่างมีความสุขทั้งกายและใจเหมือนก่อนที่จะพบลูกดีกว่า เมื่อลูกรับโทษเสร็จสิ้นแล้วหลังจากนั้นแล้วลูกจะขอละกายทิพย์นี้ลงไปเผชิญวัฏสงสาร มีสุขมีทุกข์ทำผิดพลาดแต่ก็ยังได้แก้ไข เวียนวายตายเกิดไม่รู้จบสิ้นได้เลือกทางเดินชีวิตขอจนไปเรื่อยๆ ดีกว่าเป็นนางฟ้านางสวรรค์อยู่ยืนยาวแต่ไร้ซึ่งความสุขเช่นนี้”
“หากไม่สำเร็จไม่ต้องกลับมา” ท้าวปชาบดีเทวราชปากระดาษลงพื้นแผ่นหนึ่งแล้วกระทืบเท้าเดินออกจากโถงไป ทั้งโกรธทั้งโมโห จากจะลงโทษสถานเบา แต่นางถึงขั้นจะยอมตาย เขานี่ล่ะจะสอนบทเรียนแกนางเองจะลงโทษให้นางได้รู้ว่ามนุษย์นั้นดำมืดกว่าที่นางคิด วัฏสงสารมีแต่คนจะหลีกหนีให้หลุดพ้น แต่นางกับเอามาต่อรองกับเขา
ราตรีสวรรค์กอบกุมแผ่นกระดาษนั้นออกมาคลี่ดูเป็นขื่อของมนุษย์ตนหนึ่ง และสิ่งที่ท้าวปชาบดีเทวราชต้องการให้ชี้นำมนุษย์ตนนั้นไปในทิศทางใด
“เจ้ามืดบอดเหลือเกินราตรีสวรรค์ เจ้ายอมทำเพียงนี้เพื่อนาคตนนั้น แล้วข้าล่ะ หากเจ้าตายไปแล้วข้าล่ะข้าต้องอยู่บนนี้โดยไม่มีเจ้า เจ้าได้คิดถึงความรู้สึกข้าหรือไม่ เจ้ากับข้าเปรียบเสมือนพี่น้อง แม้ไม่ได้คลานตามกันมาแต่ข้าและเจ้าก็อยู่ด้วยกันมาตลอด ยอมลดเกียรติศักดิ์ขนาดนี้เพื่อสิ่งใดกัน ข้ายอมให้เจ้าหลงผิดเรื่องเพชรพญานาคราชด้วยหวังว่าสักวันเจ้าจะคิดได้ แต่เจ้าก็ไม่” ปาริชาติทนนั่งฟังอยู่นาน เมื่อท้าวปชาบดีก้าวออกไปนางจึงเอ่ยทั้งน้ำตา
“ข้าขอโทษปาริชาติแต่ข้ารักเขา” ราตรีสวรรค์ลุกขึ้นเดินตามทหารลงไปยังโลกมนุษย์เพื่อรับโทษทัณฑ์ เมื่อบางกำแผ่นกระดาษเอาไว้แน่น ขอเพียงทำสำเร็จเพชรพญานาคราชก็จะถูกปล่อยตัวกลับไปอยู่ในที่ที่คู่ควร
ในตอนนั้นราตรีสวรรค์ไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่า ท้าวเทวปชาบดีเทวราชได้ไปคุยกับนักโทษที่คุกใต้เขาไกรราช ตาคมเพ่งมองงูใหญ่ที่ริอาจเด็ดดอกฟ้า
“หากเจ้ารับปากว่าเจ้าจะไม่พบนางอีก ข้าจะปล่อยเจ้ากลับวังบาดาน”
“ข้ารักนาง” เพชรพญานาคราชพูดด้วยน้ำเสียงแนวแน่ แม้จะเจ็บปวดไปทั้งใบหน้าแต่ก็ฝืนข่มความเจ็บเอาไว้ เขาถูกทหารซ้อมมาตลอดทางที่ถูกลากมาคุมขังยังที่แห่งนี้ เจ็บกายหรือจะเท่าเจ็บที่ใจ แม้จะผิดกฏแล้วอย่างไร ต่อให้ต้องแลกด้วยทั้งหมดที่มีก็จะขอให้ได้รักนาง แม่ดอกราตรีสวรรค์