: CHAPTER 3 : No more ‘ButlerS’

1832 Words
: CHAPTER 3 : No more ‘ButlerS’ เสียงประตูปิดลงในสีหน้าตะลึงงันของเจ้าของห้อง ภายใต้จิตใจรุ่มร้อนดั่งไฟ! ไม่ถึงสิบนาทีงานที่ว่าก็เด้งเตือนเสียงผ่านทางอีเมลจากโทรศัพท์ของเธอ            วีณาไม่เคยถูกบังคับอะไรสักอย่างมาแต่เล็กจนโตคงไม่พอใจ ขณะที่เธอยังควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี            เพราะไอ้พี่ภามแท้ ๆ งานอะไรของพ่อเนี่ย!            เธอหงุดหงิดหัวเสียแต่เช้า กระแทกก้นนั่งลงบนที่นอนพร้อมเดรสตัวสวย ยกสายหาเลขาฯ เพื่อสั่งงานด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด ตั้งแต่งานเล็ก ๆ เช่นการเลือกเสื้อผ้ากระเป๋าในตอนเช้า พี่ชายคนสนิทจะคอยประสานงานกับแม่บ้านจัดเตรียมไว้ให้ ต่อไปนี้ให้เป็นหน้าที่ของเลขานุการคนโปรด            ณดามาถึงสักพักแล้ว รีบแจ้นมาอย่างรู้ใจ ได้ยินด้วยว่าเจ้าของบ้านสั่งงานไว้ให้จากปากของเขาเอง อนันต์ค่อยขึ้นรถไปกับสารถีประจำบ้าน            “มาพอดีนะคะคุณณดา เดรสสีขาวดำตัวนี้ดูดีใช้ได้ เข้ากันกับหลุยส์กำมะหยี่สีดำ คุณเป็นเลือกใช่ไหม? รสนิยมดีนะคะ”            “ขอบคุณค่ะบอส” เลขาฯ คนโปรดรับคำชมที่รู้ว่าเจ้าตัวแกล้งชมไปงั้น ก่อนจะกลอกตาไปมา “เอ่อ... จะไม่ให้คุณภีมคุณภามมาช่วยอะไรเลยหรือคะ ดาจะโดนคุณท่านเขม่นไหมเนี่ย?”            “คุณรับค่าจ้างจากใครคะ? คุณณดา” ในน้ำเสียงราบเรียบเย็นชา ดวงตาคู่สวยใต้อายไลเนอร์คมกริบยังมองตรงไปที่กระจกบานสูงใหญ่ ปรากฏเรือนร่างงามไร้ที่ติประสาลูกคุณหนูแต่หัวจรดเท้า เธอเลือกเสื้อผ้ามาทาบลองหลายชุดแล้ววางทิ้งเป็นกองพะเนินบนที่นอน            ณดาลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาด ๆ หล่อนเพิ่งโดนสายตาพิฆาตจากเจ้าของบ้านทั้งสองคน ทว่าหากให้เลือก...            “บอสค่ะ...”            “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องแคร์ คุณมีปัญหาอะไรฉันจัดการเอง โดยเฉพาะเรื่องคุณพ่อ... อืม... คุณทนายรูปหล่อจากบริษัทจัดหาคู่ยกไปก่อนแล้วกันนะคะ โปรไฟล์นักธุรกิจหนุ่มคนนั้นก็ดูดี แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ต้องใช้”            “ค่ะ คุณวี”             วีณาเชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นปัญหาในอนาคต เธอไม่จำเป็นต้องมีคนมาคอยควบคุมพฤติกรรมอีกต่อไป โดยเฉพาะภาคินที่เป็นฝ่ายตีตัวออกห่างเธอก่อนยังวิ่งโร่ไปฟ้องคุณพ่อ ไม่ต้องมาเจอหน้ากันไปตลอดชีวิตเลยยิ่งดี! “ฉันแต่งตัวไม่นานค่ะ เดี๋ยวไปกันเลย”            “ไปไหนคะ?” ในสีหน้าสงสัย ณดาแทบไม่เคยถามมาก่อนว่าเจ้านายจะไปไหน แม้ทำงานมาไม่กี่เดือน แต่พักหลังมานี้โปรแกรมเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่ตลอด            “Love motel เป็นอะไรที่ฉันอยากทำอยู่พอดี เข้าบริษัทก่อนค่อยไปดูหน้างาน ค่อย ๆ ทำไปสบาย ๆ แล้วกันนะคะ รับรองว่าฉันมีเรื่องให้คุณดาทำ”            “ให้เลื่อนนัดบอดไปไว้ในตารางวันอื่นไหมคะ… หรือว่าเป็นช่วงหัวค่ำ?”            “เลื่อนไปค่ะ... ฉันยังไม่รู้ว่าวันไหน วันนี้จะไปกรมบังคับคดี ไปดูที่ดินราคาแรง ๆ จัดการงานของคุณพ่อก่อน อ้อ... ลิปส์แดงแรงฤทธิ์ข่มขวัญศัตรู บอสไม่ถือ เกรงว่าของคุณณดาว่าโทนสีมันจะไม่เหมือน” มือเรียวหยิบลิปสติกสีสันจัดจ้านบนโต๊ะตรงหน้า ส่งให้เลขาฯ รับไปพลิกดูหมุนรอบไปจนถึงก้นตลับสีทอง            “แดงเลือดนกเบอร์ 07 ณดามีค่ะคุณวี”            “รู้ใจที่สุดคนเนี้ย ต่อไปนี้วีคงไม่ต้องมีผู้คุมขัง อุ้บส์! ผู้ดูแลแล้วล่ะ” หญิงสาวยกมือป้องปากแสร้งทำล้อเลียนตัวเอง เลขานุการสาวจึงหัวเราะเบา ๆ            “โธ่... คุณวี... เดี๋ยวเขามาได้ยินเข้า ดาโดนหมายหัวอีก เนี่ยไม่ให้เขามาช่วย อุ๊ย!” ณดายกมือป้องปากตกใจ กลอกตามองไปทางประตู ต่างจากเจ้านายสาวไม่ได้สนใจหยิบเครื่องสำอางมาโปะหน้า กระทั่งเสียงฝีเท้าคู่หนึ่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนได้ยินเสียงเคาะดังพร้อมน้ำเสียงเรียบเย็น            “ผมเข้าไปนะครับ คุณวีณา”            “…”            ไม่มีคำตอบจากริมฝีปากคู่สวยที่ผ่อนลมหายใจออกมา            ไม่กี่วันมานี้ภาคินทำตัวห่างเหินเธอเหมือนเป็นคนละคนด้วยเหตุผลบางอย่าง ส่วนแฝดคนพี่คงไม่ได้ทำอะไรให้เธอไม่พอใจแต่เป็นเพราะคำเรียก ‘คุณ’ นั่นแหละ...            “คุณวี... ครับ ขอเข้าไปได้ไหมครับ?”            ในความเงียบของคนในห้อง ชายหนุ่มตั้งใจมาง้ออย่างไม่สนศักดิ์ศรี พวกเขาทั้งสองคนโดนคุณหนูของบ้านขับไสไล่ส่ง แต่ก็ยังรออยู่เสมอ            “คุณวีณาโกรธอะไรผมกับภามอีกล่ะครับ?”            “พี่ภีม...” เงียบไปครู่ก่อนที่เธอจะสะบัดหน้ามองประตูเหมือนสามารถมองผ่านมันไปถึงคนข้างนอกได้ ความโมโหระลอกหนึ่งผุดวาบขึ้นมา “มีอะไรคะ มาทำไม?”            “ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณวีครับ เข้าไปคุยได้มั้ย?”            “แล้วตอนนี้ใช่เวลางานไหมคะ?”            “ไม่ใช่ก็ได้ครับ... น้องวี...” ในน้ำเสียงอ่อนลงตอบ ร่างสูงสง่าในเชิ้ตสีขาวคอจีนสุภาพเรียบร้อยยืนคอตกตรงนั้น ด้วยความหวังว่าเธอจะใจอ่อน            “เข้ามาค่ะ”            ทันทีที่ได้รับคำอนุญาต ไม่ใช่ในฐานะเจ้านายลูกน้อง ฝ่ามือหนาผลักประตูพรวดพราดเข้าห้อง ชายหนุ่มแน่ใจว่าเขาจะต้องง้อเธอสำเร็จทุกครั้ง ภากรต่างจากภาคินเพราะเขาใจเย็นกว่า ไม่เงียบขรึมเคร่งครัดในระเบียบแต่ยืดหยุ่นได้ แม้อายุเท่ากันกับภาคิน ด้วยวัยสามสิบปีคลานตามกันมา เวลาต่างกันแค่ห้านาที            ใบหน้าหล่อเหลาหลุบมองนวลเนื้อละเอียดเนียน ขาวผ่องเหนือทรงเสื้อคอกว้างลึกสายเดี่ยว คลุมไว้ด้วยเสื้อคลุมยาวถึงข้อเท้า ก่อนหยุดสายตาไว้ตรงเนินอก พลันสะบัดหน้าไปอีกทางอย่างไม่ให้เสียมารยาท โดยไม่ทันสังเกตเลขานุการสาวลอบยิ้มกริ่ม เดินย่องออกไปเงียบ ๆ     “เห็นไหมว่าเลขาฯ คนดีของวีรู้ใจขนาดไหน? กะพริบตาทีเดียวยังรู้งานกว่าบัตเลอร์ เอกสารเนี้ยบ นัดหมายไม่เคยมีตกหล่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าเข้าเซ็ต พี่สองคนกลับไปช่วยงานคุณพ่อเถอะค่ะ” ชายหนุ่มมีสีหน้าเศร้าหมองลง เบะปากอ้อนขอ “วีมางอนอะไรพี่ครับ? ไหนว่าพวกพี่เป็นพี่ชาย... เราต้องคุยกันได้ทุกเรื่องสิ มีเรื่องอะไรไม่พอใจพี่หรือภาม?” “ไม่ได้โกรธอะไรค่ะ วีคิดว่าพวกพี่ควรกลับไปทำงานให้พ่อ วีโตแล้วไม่ชอบให้ใครมาคอยตาม ตอนนี้วีมีเลขาฯ ส่วนตัวแล้วบัตเลอร์ไม่จำเป็น” “แล้วทำไมก่อนหน้านี้วีมีเลขาฯ พี่ยังมาช่วยงานเราได้ล่ะครับ...?” “สองสามเดือนที่แล้วมันระยะทดลองงาน ตอนนี้ผ่าน... คุณณดาทำงานดี อายุเท่ากันกับวีแต่เป็นงานทุกอย่าง รู้อกรู้ใจแถมเป็นผู้หญิงด้วยกัน” วีณาดูดุดันกว่าทุกวัน เพิกเฉยเขาเหมือนเป็นอากาศธาตุภายในห้องนอนของเธอ จนชายร่างสูงสง่าคอตก แต่พอมือเรียวกระตุกเชือกตรงกลางเสื้อคลุมตัวหลวม สะบัดออกจนมันหล่นตุบลงพื้น เขาพลันปิดตาลงสนิทแน่น “เวลามีผู้ชายอยู่ด้วย มันทำอะไรไม่สะดวก พี่ก็น่าจะรู้ พวกพี่คอยรับใช้วีมากี่ปีแล้วไม่เบื่อหรือไงคะ? ถึงเวลาที่ควรมีชีวิตของตัวเองรีบแจ้นไปให้ไวนะ พี่ภีม...” “ชีวิตพี่มีแค่วี พี่ไม่เหมือนภาม พี่ทำงานให้พ่อให้วีได้ทั้งคู่” “เหมือนกันนั่นแหละ ไม่งั้นจะเป็นพี่น้องกันได้เหรอ? พี่ภีม... พี่ภาม... รีบไปเสียนะคะตอนที่ยังมีโอกาส” ว่าเขาแล้วเธอก็รีบแต่งตัวไว ๆ สวมเดรสสีดำเข้ารูปรัดสัดส่วนโค้งเว้าอย่างพอดี ปาดไว้บนฝั่งซ้ายของเดรสตัวสวย ติดกระดุมเม็ดสุดท้ายสีทอง ก่อนจะหยิบตลับแป้งใส่กระเป๋าไว้ทาลิปสติกสีข่มขวัญเยี่ยงนางพญาอย่างที่พูดไว้ก่อนหน้านี้ ค่อยสะกิดผู้ชายตัวโตที่เอาแต่หลับตาปี๋ “วีแต่งตัวเสร็จแล้วค่ะ วีจะไปทำงานกับคุณณดา ไม่ต้องตามนะคะ มีธุระอะไรก็ไปทำ” ได้ยินคำสั่ง ขณะปลายนิ้วเรียวแตะเล็บแต้มสีแดงสลับดำสมเป็นเจ้าแม่แฟชั่นลงบนหน้าอกเสื้อ เขาจึงค่อย ๆ เปิดปรือตามองเธอด้วยหัวใจสั่นไหว แม่ฟาดได้! แม่ก็ฟาดพวกเขามาแต่ไหนแต่ไรมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ขณะที่คนช่างง้อยังเป็นผู้ไม่เคยยอมแพ้กับโทสะของเธอ “ทำไมไม่ให้พี่ไปส่งครับ? วีครับ...” “ไม่ค่ะ ไม่จำเป็น วีมีคนขับรถ พวกพี่ไม่จำเป็นต้องมาขับรถให้วีแล้ว” “คุยกับพี่ภีมดี ๆ ได้แล้วนะครับ อย่ามาเล่นสงครามประสาทกันเลยนะ พี่ยอมวีทุกอย่างเลยให้พี่ดูแลเราเหมือนเดิมนะครับ” มารยาล้านเล่มเกวียนของผู้หญิง! ยังไงก็ไม่เท่าภากร หญิงสาวกระตุกยิ้มมุมปาก “ทำไมวีต้องทำอย่างนั้นล่ะคะ? วีแค่ไม่ต้องการพวกพี่แค่นั้นเอง” “ไม่มีทาง... เราสามคนสนิทกันมาตั้งกี่ปี? จู่ ๆ วีมาเป็นแบบนี้...” “มีสิ” ตอบเท่านั้น นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนสะท้อนแสงจากหน้าต่างขณะเชยหน้าขึ้นสบมองเขาพร้อมคำหนักแน่น “พี่ภามมีแฟนแล้ว...” ดวงตาคู่คมเบิกกว้าง เพราะเรื่องที่คิดว่าวีณาไม่น่าจะรู้ ภากรไม่ใช่คนขายน้องชาย ริมฝีปากหน้าหยักได้รูปเม้มปิดสนิทแน่นทุกความลับ “เอาเป็นว่าวีรู้ วีคิดว่าสมควรแก่เวลาที่พวกพี่ควรได้รับอิสรภาพ พี่ภีมรีบไปเถอะ ไปช่วยงานคุณพ่อนะคะ งานที่บริษัทออกจะเยอะแยะ” น้ำเสียงสั่นเครือบอก กระเป๋าหนังแบรนด์สีดำกำมะหยี่ราคาเหยียดล้านถูกหยิบลวก ๆ พลันตวัดขึ้นสะพายพาดบ่า ก่อนที่เธอจะก้าวไว ๆ ออกจากห้องไป “คุณดาคะ... เตรียมรถค่ะ”                                                     “เรียบร้อยค่ะคุณวี” เลขาฯ สาวทำหน้าที่ตัวเองได้ดีเช่นเดียวกันสารถีประจำคฤหาสน์ที่ต้องมารับงานเพิ่มในหลายวันมานี้ เมื่อคุณหนูของบ้านไม่ต้องการบัตเลอร์อีกต่อไป! รอยยิ้มหยันตรงมุมปากเผยขึ้นบนวงหน้าหวาน มือคว้ารองเท้าส้นสูงแหลมซึ่งวางไว้ในชั้นวางรองเท้าของห้องเก็บเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าสุดส่วนตัว วีณาไม่แม้จะเหลียวหลังมอง ก้าวขาขึ้นรถไปนั่งในเบาะหลังเคียงข้างเลขานุการคนโปรด ค่อยก้มลงสวมรองเท้าหนังคู่สวยสีขาวด้วยตัวเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD