บทนำ

1881 Words
กระแสลมกระโชกแรงทำให้กิ่งไม้น้อยใหญ่โบกสะบัดราวกับเต้นเริงระบำท่ามกลางสายฝน หากยามปกติคงยากจะมองเห็นได้ ว่ากิ่งก้านเรียวเล็กเหล่านั้นโอนอ่อนลู่ลมได้มากน้อยเพียงไรในยามราตรี ทว่าค่ำคืนนี้มิใช่ค่ำคืนธรรมดา แสงสว่างแสบตาปรากฏอยู่บนท้องฟ้าทำให้สตรีร่างเล็กมองเห็นความน่าหวาดหวั่นของภัยธรรมชาติ พายุใหญ่เช่นนี้มาไม่บ่อยนัก แต่พอมาแล้วก็สร้างปัญหาให้มากพอสมควร หลังจากประเมินสถานการณ์อยู่เพียงหนึ่งจิบน้ำชา[1] นางจึงตัดสินใจวิ่งฝ่าฝนไปยังห้องครัวที่อยู่นอกตัวบ้าน รีบหยิบถังไม้ขนาดเล็กที่เก่าจนมองไม่ออกว่ามันมีอายุมานานเท่าใดแล้วกลับเข้าห้อง วางมันลงบนพื้นที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำ รอยรั่วของหลังคาอยู่ห่างจากเตียงคงไม่รบกวนการนอน แต่อย่างน้อยวันพรุ่งนี้ก็ขอให้มีสักสองห้องในบ้านหลังนี้แห้งสะอาดก็คงเป็นเรื่องดี เสวียนซือชิง หนาวสะท้านทั่วร่าง มือเรียวบอบบางลูบต้นแขนเบา ๆ เพราะลมที่พัดลอดประตูห้องนอนทำให้หนาวจนสั่นสะท้าน อีกสองสามวันข้างหน้าประตูอาจพังครืน หากไม่ตอกตะปูยึดไว้สักหน่อยคงแย่ นางยิ้มเศร้ายอมรับชะตากรรม เดินไปตรวจสอบกลอนหน้าต่างก่อนสะดุ้งจนตัวโยนเพราะเสียงฟ้าผ่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ยากจะนับได้ไหว “น่ากลัวเสียจริง” นางรีบถอดเสื้อผ้าตัวนอกออกจากร่างเปียกปอน กระทั่งตู้โตว[2]สีซีดก็ถูกถอดออกไปด้วย นางมีเพียงสองสามชุดให้เปลี่ยนผลัด ทั้งยังเล็กจนน่ารำคาญ สามปีก่อนนางมีรูปร่างผอมบาง ดอกบัวคู่งามเพิ่งเติบโตเต็มที่เมื่อสองปีก่อน ยามนี้รู้สึกอึดอัดบ้างจึงมิใช่เรื่องแปลกอันใด หลังจากสวมเสื้อตัวในที่บางจนแทบปกปิดอันใดไม่ได้แล้ว เสวียนซือชิง จึงซุกตัวเข้าใต้ผ้าห่มผืนหนา พลางขอบคุณสวรรค์ที่เมตตา บ้านเก่า ๆ หลังนี้จึงยังพอมีของที่มีประโยชน์หลงเหลืออยู่บ้าง ไม่ใช่ซากปรักหักพังทั้งหมดเสียทีเดียว แต่ให้เรียกว่าบ้านคงไม่ถูกนัก เพราะที่แห่งนี้คือตำหนักของท่านอ๋องผู้มีชื่อเสียง รั้งตำแหน่งแม่ทัพคนสำคัญของแผ่นดิน เสวียนซือชิงนอนคิดเรื่อยเปื่อย คิดถึงคนที่เคยเข้ามาในชีวิต คิดถึงบิดาที่จากไปได้หลายปีแล้ว คิดถึงแม่นมสุ่ยที่รักนางมากจนไม่อาจปล่อยวาง เดินตามนางที่นั่งรถม้าเข้าตำหนักร้างแทนเกี้ยวเจ้าสาว ช่วยปลดผ้าคลุมหน้าสีแดง หลังจากมั่นใจแล้วว่าเจ้าบ่าวของคุณหนูเสวียนในวัยเพียงสิบห้าปีคงไม่ปรากฏตัว ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะการผูกสัมพันธ์ในครั้งนั้นมิได้เกิดขึ้นจากความรัก แทบเรียกได้ว่าถูกบังคับเลยทีเดียว หลังจากนอนกอดตัวเองพลางนึกถึงเรื่องในอดีตอยู่เกือบหนึ่งก้านธูป[3] เปลือกตาของนางก็เริ่มหนักอึ้ง ความจริงเวลานี้คือปลายยามห้าย[4] เลยเวลาพักผ่อนมานานมากแล้ว ทว่าน้ำฝนที่หลั่งไหลผ่านทางรูรั่วตามห้องต่าง ๆ ทำให้เสวียนซือชิงเสียเวลาไปเกือบสองชั่วยาม[5] มีเพียงห้องเดียวในบ้านที่ยังปลอดภัยจากพายุ นั่นคือห้องนอนหลักของตวนอ๋องเฉินฟาหยาง พระสวามีที่นางไม่เคยเห็นหน้าแม้แต่ครั้งเดียว แม่นมสุ่ยปลอบประโลมว่าเจ้าบ่าวสูงศักดิ์อาจติดภารกิจสำคัญ ไม่อาจอยู่ต้อนรับเจ้าสาวที่เพิ่งพ้นวัยปักปิ่นได้ ทว่าเสวียนซือชิงไม่ใช่คนโง่ เรียกได้ว่าฉลาดเฉลียวและเข้มแข็งไม่ต่างจากบิดาผู้รั้งตำแหน่งรองแม่ทัพ จึงตระหนักรู้ได้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับตนและครอบครัว สกุลเสวียนสูญสิ้นทุกอย่างแล้ว หากไม่แต่งกับท่านอ๋องตามคำสั่งเสียของบิดา ชีวิตของนางคงไม่เหลือรอดและไร้ผู้ดูแล แม้ทางการละเว้นโทษประหารต่อคนสกุลเสวียน ทว่าทรัพย์ที่แต่เดิมก็มีไม่มากนั้นถูกยึดไปจนหมดสิ้นแล้ว หลายชีวิตหนีกลับบ้านเดิมของตนได้ แต่นางเป็นเพียงบุตรสาวที่เกิดจากอนุภรรยา ซ้ำร้ายมารดายังจากไปตั้งแต่แรกคลอด เสวียนซือชิงจึงไม่มีทางเลือก นอกจากยอมแต่งงานเพื่อรักษาเกียรติที่เหลือเพียงน้อยนิดของตนเอง “หนาวจริง...” เสวียนซือชิงทนไม่ไหวจึงจำต้องลุกออกจากเตียง ตรงไปยังห้องบรรทมว่างเปล่าของท่านอ๋องผู้เป็นพระสวามี นางสวมเพียงเสื้อตัวในบาง ๆ หนาวจนริมฝีปากกระทบกัน กลีบปากเดิมทีหวานฉ่ำมองดูคล้ายผลอิงเถา[6] ยามนี้ไร้สีสันจนน่าสงสาร หากแม่นมสุ่ยยังอยู่คงจะต้องร้องไห้อย่างแน่นอน แม่นมของนางจากไปได้เกือบปีแล้ว นางใช้เงินเก็บที่มีติดตัวมาไม่มาก จ่ายค่าหมอค่ายาเพื่อยื้อชีวิต ช่วยรักษานางหญิงชราเต็มกำลัง แต่เหมือนสวรรค์ยังเห็นว่านางเสียใจและโดดเดี่ยวไม่มากพอ จึงพรากคนสำคัญคนสุดท้ายของนางไป ทิ้งให้เสวียนซือชิงต้องเผชิญหน้ากับความว่างเปล่าตามลำพัง เสวียนซือชิงร้องไห้เพียงสามวันก็ทำใจได้ ทำงานเลี้ยงชีวิตของตนต่อไปเรื่อย ๆ ก่อนหน้าเก็บตัวอยู่ในบ้าน ปล่อยให้แม่นมสุ่ยออกไปจับจ่ายซื้อของ พอเหลือตัวคนเดียวจึงต้องจัดการทุกอย่างเอง ทว่ายามออกไปข้างนอกก็ต้องปิดบังฐานะของตนเองให้ดี หากมีคนรู้ว่านางอยู่ตำหนักของท่านอ๋องแล้วยังแต่งตัวซอมซ่อ ชื่อเสียงของเขาคงต้องเสียหายเป็นแน่ คนในเมืองล้วนไม่ทราบว่านางมีตำแหน่งเป็นถึงพระชายา เว้นแต่บุรุษที่แวะเวียนมาส่งข้าวสารและอาหารแห้งปีละสองสามครั้ง เสวียนซือชิงไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน กระทั่งหลังแม่นมสุ่ยเสีย เขาแวะมาพอดี นางจึงขอความช่วยเหลือหลายอย่าง ทั้งเรื่องพิธีศพของหญิงชราและงานซ่อมแซมหนัก ๆ ที่นางไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง เสวียนซือชิงพ่นลมหายใจยืดยาว อุ้มเอาผ้าห่มผืนโตออกจากชั้นเก็บของในห้องนอนใหญ่ เตรียมยกกลับห้องของตน พลางคิดไปว่าหลังฝนหยุดแล้วจะต้องเสียเงินอีกมากน้อยเพียงใดในการซ่อมแซมหลังคาบ้านและประตู “คงต้องปักผ้าเพิ่มในยามค่ำ แต่น้ำมันตะเกียงก็แพงเหลือเกิน” นางยังคงบ่นพึมพำ คิดอยู่ว่าควรนำเครื่องประดับน้อยชิ้นที่ติดตัวมาเมื่อสามปีก่อนไปขายดีหรือไม่ มีหนทางใดบ้างที่จะหาเงินมาเลี้ยงตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัย โดยไม่ถูกหลังคาบ้านทับตายไปเสียก่อน นางอุ้มผ้าห่มผืนโตให้แน่นหนา ไม่ยอมให้สัมผัสกับพื้นห้องแม้ว่ามันจะสะอาดดี เพราะเป็นห้องที่นางเข้ามาทำความสะอาดบ่อยมาก ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมีใครย่างกรายเข้ามา ทว่าราตรีนี้กลับต่างออกไป... เสียงประตูหน้าบ้านดังโครมทำหัวใจดวงเล็กตื่นตระหนกราวกับกระต่ายป่าพบเจอพรานล่าสัตว์ นางไม่ได้หวาดกลัวว่าจะมีภัยอันตราย อย่างไรผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ นี่ก็รู้ความอยู่มาก ไม่เข้ามาวุ่นวายยังตำหนักของท่านอ๋อง ถึงแม้จะเก่าจนแทบพัง แต่ก็ยังมีคนอยู่อาศัย ทั้งขบวนเดินทางที่ดูเล็กและน่าหดหู่ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของใครอีกหลายคน เสวียนซือชิงจึงสรุปเอาเองว่าเสียงดังน่าหวาดหวั่นนั่นคงเป็นเพราะประตูชำรุดจนทนแรงลมไม่ไหว หาใช่มีคนบุกเข้ามาแต่อย่างใดไม่ ทว่าเสวียนซือชิงคิดผิดไปถนัด เพราะยังมิทันก้าวออกจากห้องของท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ ประตูห้องนอนก็ถูกกระชากออกอย่างแรง แสงสว่างแปลบปลาบที่เกิดขึ้นเพราะพายุร้าย ทำให้เจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่ดั่งภูผาดูน่าหวั่นเกรงจนนางไม่กล้าขยับตัว กระทั่งส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือก็ยังทำไม่ได้ “เสวียนซือชิง” เสียงของผู้บุกรุกทุ้มต่ำและแหบพร่า กดดันให้เจ้าของเรือนร่างบอบบางสั่นสะท้านคล้ายเป็นไข้หนัก ทว่านางก็ยังทำใจกล้า ตวาดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วดูไม่มั่นคงเลยสักนิด “เจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงบุกรุกบ้านผู้อื่นยามวิกาล!” “เสวียนซือชิง ข้าคือสามีของเจ้า” “ท่านอ๋อง...เช่นนั้นหรือ” “ไม่ถูกต้องนัก ข้าไม่ใช่ตวนอ๋อง” “แล้วเหตุใด...” นางถอยหลังไปสามก้าว กลิ่นสุราโชยมาจากบุรุษแปลกหน้าทำให้นาง ไม่สบายใจ ทว่ายังไม่ทันตัดสินใจว่าจะทำอันใดต่อ เขาก็ถอดเสื้อตัวนอกที่เปียกโชกออก โยนกองลงบนพื้นโดยไม่สนใจรักษามารยาท ทั้งยังไม่สนว่านางคือสตรีที่รั้งตำแหน่งพระชายาของตวนอ๋อง ในห้องนอนไร้ซึ่งแสงสว่าง แต่ประกายวาววับจากดวงตาที่จ้องมองผ่านความมืดทำให้เสวียนซือชิงต้องกลั้นลมหายใจ รู้สึกราวกับมองเห็นปีศาจที่พร้อมสังหารนางให้สิ้นได้ทุกเมื่อ เขาจัดการท่อนบนจนเปลือยเปล่า และพอเห็นว่านางยังยืนตกใจอยู่ที่เดิม จึงกล่าวประโยคที่ทำให้เสวียนซือชิงหนาวเหน็บสุดขั้วหัวใจทันที “ตวนอ๋องยกเจ้าให้ข้าแล้ว จงไปเตรียมน้ำให้ข้าอาบ เอาตัวเจ้ามาให้ข้านอนกอดคลายหนาว หาไม่แล้ว ข้าจะแจ้งต่อท่านอ๋องว่าเจ้าอกตัญญู ไม่ทำตามคำสั่งของสามี!” สิ้นคำของคนตัวใหญ่ เสวียนซือชิงทิ้งผ้าห่มลงพื้น รีบสาวเท้าออกจากห้องอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่สองขาจะสามารถทำได้ สมองของนางคล้ายหยุดทำงานไปชั่วขณะ เร่งเข้าครัวก่อไฟต้มน้ำตามคำสั่ง แม้มองไม่เห็นชัดว่าบุรุษที่บุกรุกเข้ามามีลักษณะอย่างไร แต่เขาทำให้นางหวาดกลัวเกินกว่าจะขัดใจได้ไหว ยิ่งอ้างว่าเป็นคำสั่งของพระสวามีตวนอ๋องด้วยแล้ว สตรีอับโชคอย่างนางจะกล้าปฏิเสธได้อยู่หรือ แม้เคยพร่ำบอกกับตนเองเสมอว่าห้ามอ่อนแอ แต่การถูกยกให้กับคนแปลกหน้าราวกับนางคือสิ่งของไร้ราคา เปรียบได้ดั่งหม้อไหที่แตกหัก กลับทำให้เสวียนซือชิงมิอาจกลั้นน้ำตาแห่งความอัปยศอดสูไว้ได้ หยาดน้ำสีใสไหลเปรอะเปื้อนดวงหน้างดงาม เสียงหวานเศร้ากล่าวออกมาอย่างอัดอั้นตันใจอย่างที่สุดแล้ว “ตวนอ๋องจำใจต้องแต่งกับข้า ข้ารู้ว่าเขาเกลียดข้า แต่ถึงขั้นต้องส่งบุรุษอื่นมาให้ข้าดูแลปรนนิบัติเลยหรือ...” [1] หนึ่งพริบตา [2] เสื้อชั้นใน [3] ๓๐ นาที [4] เวลา ๒๑.๐๐ – ๒๒.๕๙ น. [5] ๑ ชั่วยาม = ๒ ชั่วโมง [6] ผลเชอร์รี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD