นอกจากความเย็นชาของตวนอ๋องเฉินฟาหยางจะเป็นที่เลื่องลือในใต้หล้าแล้ว ยังมีเรื่องอีกประการที่ถูกซุบซิบกันอย่างลับ ๆ ในกลุ่มอนุภรรยาที่ได้ปรนนิบัติดูแล รวมถึงเหล่านางคณิกาที่เคยอุ่นเตียงให้แก่ตวนอ๋อง พวกนางล้วนทราบดีว่า ‘เฉินฟาหยาง’ มิใช่ธรรมดาสามัญเช่นบุรุษทั่วไป แข็งแรงและทนทานอย่างมาก ทว่าอีกเรื่องที่น่าสนใจคือการล่อลวงให้สตรีลืมความอายและยินยอมกระทำในสิ่งที่เขาต้องการ
เหล่านางคณิกาที่ว่าช่ำชองยังเผลอไผล นับประสาอะไรกับเสวียนซือชิง
“ปล่อยมือข้านะเจ้านะคะ!” คุณหนูเสวียนยังคงหลับตาดังเดิม แม้ภาพของความใหญ่โตนั้นได้ตราตรึงอยู่ในสมองน้อย ๆ ไปแล้วก็ตามที
“เจ้าสัญญาว่าจะดูแลข้ามิใช่หรือ หรือว่าไม่อยากตามใจกันแล้ว”
“แต่เราควรกระทำเรื่องนี้ในห้องนอนมิใช่หรือเจ้าคะ”
เสวียนซือชิงพยายามดึงมือบางให้หลุดจากการเกาะกุมอยู่นาน แต่นางตัวสูงแค่อกของคุณชายเฉินหยาง มีหรือจะสู้แรงของบุรุษที่ดูอย่างไรก็มิใช่คนเจ้าสำอางได้
ผิวของเขาขาวสะอาด ทว่ามีแผลเป็นที่เรียกได้ว่าแทบทั่วทั้งร่าง นางเองก็เป็นถึงลูกสาวรองแม่ทัพ ย่อมมองออกว่าเขาได้ผ่านการสู้รบมามากพอสมควร บาดแผลจึงมีทั่วแผ่นหลัง ท่อนแขน และอกกว้าง ยามสัมผัสกับความปูดโปนตรงนั้น เสวียนซือชิงจึงเข้าใจไปว่าเป็นบาดแผล หาใช่เนื้อแท้ของบุรุษไม่
“ซือชิง เหตุใดยังเรียกแทนตัวเองด้วยถ้อยคำที่เหินห่าง รู้หรือไม่ว่าข้ารู้สึกไม่สบายใจ หากการสานสัมพันธ์ของสองเราในครั้งนี้ทำให้เจ้ารู้สึกไม่ปลอดภัย ข้ายินดียุติทุกอย่าง แจ้งต่อตวนอ๋องว่าเจ้าไม่สะดวกใจที่จะทำตามคำสั่งของเขาได้”
“ไม่นะเจ้าคะ! ข้า...ซือชิงทำได้เจ้าค่ะ แค่เห็นว่าที่นี่คือห้องอาบน้ำ หาใช่ห้องนอน มิสมควรทำเรื่องน่าบัดสี”
“เพิ่งรู้ว่าการร่วมรักคือเรื่องบัดสีก็จากปากเจ้านี่เอง ซือชิง การที่เจ้าไม่รู้ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก หากสงสัยเรื่องอันใดก็ควรสอบถาม อย่าด่วนตัดสินไปเองว่าเรื่องระหว่างบุรุษกับสตรี เกิดขึ้นได้แค่ในห้องนอนเพียงที่เดียว”
น้ำเสียงของเฉินฟาหยางออดอ้อนราวกับมิใช่คนเดิม ความจริงจะหักหาญน้ำใจของนางก็ได้ แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไรจึงอยากให้นางยินยอมด้วยตนเอง ไม่ต่างจากสตรีหลายนางที่เขาเคยเชยชม
“ท่าน...ท่านพี่พูดราวกับว่าเคยทำเรื่องน่าละอายนี้ที่อื่น นอกเหนือจากห้องนอน” เสวียนซือชิงเกร็งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงที่แจ้งชัดว่าร่างในถังไม้กำลังขยับตัว เขายังคงกุมข้อมือเล็กไว้แน่น ราวกับกลัวว่าถ้าปล่อยแล้วนางจะหนีหายไป
“นอกจากห้องนอนแล้ว ห้องอาบน้ำสามารถทำได้ ห้องอื่น ๆ สามารถทำได้ บนโต๊ะในห้องเก็บตำราก็ทำได้ หากได้ทำในสวนก็ยิ่งวิเศษอย่างมาก”
ไอร้อนทำให้เสวียนซือชิงทราบได้ในทันทีว่าคุณชายเฉินหยางได้มายืนอยู่ข้าง ๆ และกำลังซับผิวให้แห้ง อีกไม่นานเขาคงสวมชุดให้เรียบร้อย เตรียมตัวกลับไปยังห้องนอน
“คุณชาย!”
ทว่าเสวียนซือชิงคาดผิดไปถนัด เขาอุ้มนางกลับเข้าห้อง ทั้ง ๆ ที่ยังมิได้สวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แม้มิได้ลืมตาขึ้นมอง ทว่าสัมผัสแนบชิดทำให้คิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้จริง ๆ
“ซือชิง ความจริงเราสองคนมีเรื่องต้องทำความเข้าใจอีกหลายเรื่อง แต่คืนนี้เห็นทีจะต้องเลื่อนไปก่อน ซือชิง เหตุใดเจ้าจึงงดงามยิ่งนัก ข้าเห็นแล้วได้แต่สาปแช่งตวนอ๋องว่าโง่เง่า ปล่อยให้เจ้ากลายเป็นเจ้าสาวที่มิได้เข้าหอ ถูกทิ้งให้อยู่ในตำหนักร้างนานถึงสามปีเช่นนี้ มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่ยอมให้มันเกิดขึ้น”
เฉินฟาหยางวางร่างบางลงบนเตียงกว้าง เรื่องที่ด่าว่าตัวเองโง่เง่านั้นเป็นเรื่องจริง ต่อให้เกลียดชังนางและบิดา ทว่าการรวมเตียงกับเสวียนซือชิง มิได้ทำให้เขาเสียหายอันใดมิใช่หรือ
“คุณชายอย่าพูดถึงท่านอ๋องในแง่ร้ายเลยนะเจ้าคะ”
“เหตุใดจึงพูดไม่ได้เล่า มันผู้นั้นไม่ได้ทำดีกับเจ้าเลยสักนิด มีอย่างที่ไหน ยกคนงามเช่นเจ้าให้ผู้อื่น ทำราวกับเจ้าเป็นเพียงอนุภรรยา มิใช่พระชายาของ ตวนอ๋อง หากไม่ใช่ข้าผู้มีรูปงามคนนี้ แต่เป็นตาแก่หัวล้าน พุงล้นหลามปานสตรีตั้งครรภ์ เจ้าจะรู้สึกเช่นไร”
ความเงียบที่เกิดขึ้นทำให้เฉินฟาหยางทราบดีแล้วว่านางจะไม่ขัดขืน เขาจึงผละตัวไปจุดตะเกียง อยากเห็นเนื้อหอมหวานของพระชายาเสวียนให้ชัดเจน อยากจดจำทุกรายละเอียด ไม่ให้ลืมได้แม้แต่เรื่องเดียว
มีเรื่องหนึ่งที่เฉินฟาหยางคล้ายลืมไป นั่นคือเสวียนซือชิงคือบุตรสาวของคนที่เขาเกลียดชังมากที่สุด
“เห็นแก่เจ้าที่ไม่เคยถูกรัก ข้าจึงตั้งใจว่าหกเดือนที่อยู่ที่นี่ ข้าจะรักเจ้าให้มาก ดูแลเจ้าให้ดี สมกับที่ขาดความรักจากสามีนานกว่าสามปี ซือชิง เห็นแก่ที่เจ้าไม่เคยผ่านมือชายใด แม้ยามร่วมรักข้าไม่นิยมถนอมบุปผา แต่สัญญาว่าครั้งแรกจะอ่อนโยนให้มาก กล่าวออกมาเช่นนี้แล้ว เจ้าสบายใจขึ้นบ้างหรือไม่”
มีเพียงนรกเท่านั้นที่รู้ว่าเฉินฟาหยางคิดอันใดอยู่ จึงได้ออดอ้อนเอาใจเสวียนซือชิงเสียมากมาย คล้ายต้องการให้นางตกหลุมรักบุรุษแปลกหน้าที่พระสวามีพระราชทานมาให้ และหากวันใดความรักจุกอกจนทนไม่ไหวแล้ว นางอาจเป็นฝ่ายขอหย่าขาดจากตวนอ๋องด้วยตนเอง
ใช่แล้ว เฉินฟาหยางวางแผนชั่วเอาไว้เช่นนั้น!
มือหยาบกร้านจากการจับคมดาบยามออกศึก ปลดเสื้อตัวนอกของเสวียนซือชิงออกอย่างเชื่องช้า ตระหนักแล้วว่านางยินยอมทุกอย่าง ไม่ขัดขืนให้ต้องขุ่นเคืองอย่างแน่นอน เขาค่อย ๆ พรมจูบลงบนดวงหน้า ขบกลีบปากฉ่ำหวานของนางแผ่วเบา มอบความอ่อนโยนและเร่าร้อนจนยากจะแยก ขณะแทรกมือเข้าสัมผัสความอ่อนนุ่มที่มีเพียงตู้โตวที่เก่าและบางจนแทบปิดบังยอดดอกบัวคู่งามมิได้
“ตัวเจ้าหอมจริง เหตุใดจึงหอมน่ากินยิ่งนัก”
เฉินฟาหยางเคลื่อนใบหน้าหล่อเหลาดั่งบุรุษที่ปรากฏอยู่แต่ในเพียงความฝันลงต่ำ ซุกจมูกลงระหว่างสองเนินเนื้องาม สูดลมหายใจให้ลึกที่สุด กักเก็บกลิ่นกายสาวบริสุทธิ์เอาไว้ให้ติดตรึงในหัวใจ อยากรู้เหลือเกินว่าหากผ่านคืนนี้ไปแล้ว นางจะยังหอมหวานดังเดิมอยู่หรือไม่
ทว่ากลิ่นหอมเพียงอย่างเดียว คนหิวกระหายจะอิ่มได้อยู่หรือ
เขาสอดมือไปยังแผ่นหลังเนียนนุ่ม หมายขยับเงื่อนของตู้โตวให้หลุดออกจากร่างบาง แต่ความปรารถนาที่มีมากล้นทำให้ทุกอย่างเชื่องช้าไม่ทันใจ เฉินฟาหยางกระหายเกินทน รีบครอบริมฝีปากร้อนผ่าวงับยอดอกงามผ่านผ้าไหมผืนบางทันที
“หวานไปทั้งตัว ซือชิง หากข้าอดทนไม่ไหว ทำรุนแรงไปบ้าง เจ้าจะโกรธหรือไม่” กล่าวจบเฉินฟาหยางก็กระตุกตู้โตวตัวเล็กเบา ๆ ทำให้ความอ่อนนุ่มชูชัน ปรากฏต่อสายตาอย่างชัดเจนที่สุด
ตวนอ๋องเลื่องชื่อถึงกับกลืนน้ำลายเลยทีเดียว
ภูเขาหวานล้ำตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า มีหรือที่บุรุษผู้นิยมในบุปผาจะยั้งอารมณ์พิศวาสของตนเองไหว เขาโลมเลียยอดเม็ดบัวอย่างหิวกระหาย สลับไปมาทั้งสองข้าง พลางส่งมือใหญ่กำจัดปราการชิ้นสุดท้ายของตนที่ขวางกั้นมังกรยักษ์จากเนินนาง ทว่ายังมิทันได้ทำตามความต้องการ เฉินฟาหยางก็ตระหนักได้ว่ามีเรื่องบางอย่างไม่ปกตินัก
เหตุใดจึงไม่มีเสียงครางหลุดออกมาจากริมฝีปากน่าจูบนั่นเล่า ?
“ซือชิง เหตุใดเจ้าจึงเงียบนัก”
เมื่อไร้คำตอบจากสาวงาม เฉินฟาหยางจึงผละจากความยั่วยวน ขยับขึ้นมองดวงหน้าหวานของเสวียนซือชิงอย่างเร่งรีบ สุดท้ายจึงพบว่าดวงตาของนางยังคงปิดสนิท หยาดน้ำสีใสไหลท่วมใบหน้างาม ทว่าไร้เสียงสะอื้นโดยสิ้นเชิง
เสวียนซือชิงมิได้เงียบเพราะหลงใหลในความหวานล้ำที่เขามอบให้หรือนี่!
“เหตุใดเจ้าจึงร้องไห้ ตอบข้ามาเดี๋ยวนี้ ซือชิง เจ้าลืมตาขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”
เฉินฟาหยางมิแน่ใจว่าคิดผิดหรือถูกที่ขอให้นางทำเช่นนั้น เพราะแค่แวบแรกที่ได้เห็นดวงตาแดงก่ำของนาง หัวใจไร้ความรู้สึกของเขาก็พลันสั่นสะท้านรุนแรง เรียกได้ว่าเจ็บหนักมากเลยทีเดียว
“ท่านพี่ทำต่อเถิดเจ้าค่ะ ซือชิงยินดี”
เสวียนซือชิงกล่าวปนสะอื้น พลางเอียงหน้ามองกำแพง ไม่อยากประสานสายตากับบุรุษที่กำลังจะได้ชื่อว่าเป็นสามีอีกคนของนาง
“ข้าสั่งให้เจ้าพูด เหตุใดจึงร้องไห้!”
เฉินฟาหยางร้อนรุ่มหัวใจยิ่งนัก ก่อนหน้าเข้าใจว่าตนคงมีความสุขหากเห็นนางร้องไห้ แล้วเหตุใดจึงรู้สึกคล้ายกับว่าหัวใจถูกบีบรัดจนเจ็บหนักเสียเอง ยิ่งเห็นน้ำตาก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ สุดท้ายจึงทำได้เพียงตวัดผ้าห่มคลุมร่างบาง รั้งตัวนางขึ้นมากอด โดยไม่ลืมขยับ ‘ความแข็งกร้าว’ ออกห่างจากความอ่อนนุ่มให้มากที่สุด
“พูดออกมา หากเจ้าไม่พูด ข้าจะโกรธเจ้ามาก!”
“หากพูดตามตรง ท่านพี่จะมิโกรธใช่ไหมเจ้าคะ” เสวียนซือชิงกระซิบถาม ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ตอบด้วยคำพูด รีบกดศีรษะเล็กลงแนบอกกว้าง ซุกซ่อนทุกอย่างจากสายตาอย่างนุ่มนวลที่สุด
“เสวียนซือชิง เหตุใดใจเจ้าจึงปฏิเสธข้า ข้าทะนุถนอมเจ้าไม่ดีพอหรือ ?”
“มิใช่เจ้าค่ะ คุณชายดีต่อข้าเกินกว่าที่จินตนาการเอาไว้มาก...”
“หากดีดั่งปากเจ้าว่า แล้วเหตุใดจึงร้องไห้ หรือว่าเป็นเพราะเจ้ามีใจให้ผู้อื่นแล้ว” เฉินฟาหยางกระชับอ้อมกอดแน่นอย่างลืมตัว นึกไปว่าเสวียนซือชิงอาจลักลอบคบชู้
เป็นไปได้ว่าชายผู้นั้นคือหลี่จินหมิง ?
“คุณชายโปรดอย่าเข้าใจผิด ซือชิงแต่งงานกับท่านอ๋องก็จริง แต่กระทั่งเงาของเขาก็มิเคยเห็น เรื่องมีใจให้ย่อมเป็นไปไม่ได้ ส่วนเหตุที่ทำให้ต้องร้องไห้เสียใจ ย่อมเป็นเพราะการทำตามคำสั่งของผู้มีพระคุณ ทำให้ซือชิงต้องมีสามีมากถึงสองคน ถึงไม่เคยรักใคร่ แต่การที่ท่านอ๋องยกข้าให้ท่าน นั่นออกจะมากเกินไปสักหน่อย”
“ใต้หล้ามีสตรีมากมายหลับนอนกับบุรุษที่มิใช่สามีของตน เรื่องนี้ข้ายืนยันกับเจ้าได้” เฉินฟาหยางกล่าวอย่างมั่นใจ ตัวเขาเองหลับนอนกับสตรีมากหน้าหลายตา พูดได้เต็มปากว่าเก้าในสิบคน มิใช่อนุภรรยาหรือนางคณิกาที่จ่ายเงินซื้อมาเสียด้วยซ้ำ
“เพราะพวกนางมิใช่สตรีที่ดี ซือชิงไม่อยากเป็นเช่นนั้น แต่หากไม่ทำตามใจท่านพี่ ข้าก็จะได้ชื่อว่าเป็นคนอกตัญญู ไม่ทำตามคำสั่งเสียของบิดาว่าให้ตามใจท่านอ๋องจนกว่าเขาจะหายเกลียดชัง”
“ซือชิง พวกนางล้วนทำเพราะหมกมุ่นในราคะ ส่วนเจ้าทำเพราะยึดความกตัญญูต่อบิดาและสามีเป็นที่ตั้ง หาเปรียบเทียบกันได้ไม่ อีกอย่างตวนอ๋องมีอนุภรรยานับสิบ หลับนอนกับสตรีนับร้อย เจ้าหลับนอนกับข้าเพียงคนเดียวจะเป็นไรไปเล่า”
“หากคิดเช่นนั้นก็เชิญคุณชายหลับนอนกับข้าตามสบายเถิดเจ้าค่ะ”
เสวียนซือชิงประชดเสียงเบา ช้าหรือเร็วนางก็ต้องหลับนอนกับคุณชายเฉินหยางอยู่ดี สู้ทำทุกอย่างให้จบในตอนนี้เลยมิดีกว่าหรือ
“แต่ข้าไม่ต้องการหลับนอนกับท่อนไม้ หากไร้ความรู้สึกแล้วจะเรียกว่าการร่วมรักได้อย่างไร”
“คุณชาย ท่านจะเรียกเรื่องราวในคืนนี้ว่าอย่างไรก็ย่อมได้ แต่คำว่าร่วมรักคงไม่เหมาะสมนัก”
“เหตุใดจึงไม่เหมาะสม”
“เราสองคนมิได้รักกัน ท่านเพียงปรารถนาในร่างกายข้า จะเรียกว่าร่วมรักได้อย่างไร หากจะเรียกให้ถูกต้องก็คือการบังคับจิตใจให้สมยอม แต่คุณชายมิต้องวิตกไปนะเจ้าคะ หากเริ่มใหม่อีกครั้ง ซือชิงสัญญาว่าจะไม่ร้องไห้ให้ท่านต้องรำคาญใจอีก”
เสวียนซือชิงผละออกจากอกกว้าง ทาบจูบลงบนริมฝีปากของบุรุษเจ้าคารม นางขบกัดกลีบปากเขาเบา ๆ อย่างที่จำได้ มือเรียววางบนอกซ้าย ลูบไล้ปัดป่ายกระตุ้นอารมณ์หวามให้ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
“ซือชิง...” เฉินฟาหยางปวดเบื้องล่างแทบคลั่ง แม้ปรารถนาจะแตะต้องนางดั่งที่วาดฝัน ทว่าหัวใจกลับบอกให้ทำในสิ่งที่แม้แต่ตัวเขาก็มิคาดคิดมาก่อน
วงแขนแข็งแรงขยับแค่เล็กน้อย สาวงามก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง ทว่าคราวนี้เฉินฟาหยางไม่สนใจตอบสนองความต้องการทางกาย ทั้งยังไม่สนใจว่าเรือนร่างของตนเกือบเปลือยเปล่า เขาอุ้มเสวียนซือชิงออกจากห้อง แค่ชั่วอึดใจก็วางร่างบางลงบนเตียงเล็กที่นางใช้หลับนอนตลอดสามปีที่ผ่านมา
“เอาไว้เจ้าตกหลุมรักข้า แล้วเราค่อยมาร่วมรักกัน ดีหรือไม่ ซือชิง”
ตวนอ๋องเฉินฟาหยางบอกกับตัวเองว่ามิได้ใจอ่อน เขาเพียงต้องการทำตามแผนลวงรักให้สำเร็จก็เท่านั้น
ยิ่งรักมากก็ยิ่งทุกข์มาก...
บุตรสาวแม่ทัพเสวียนสมควรได้รับความรักอย่างที่สุดแล้ว