ตอนที่ 6 : ความรู้สึกค่อยๆชัดเจน
คริษฐ์ลอบถอนหายใจโล่งอกเมื่อรู้ว่าเจ้าจอมไม่ได้รังเกียจในสิ่งที่เขากำลังกังวลใจ แต่ก่อนที่เขาจะพาร่างสูงใหญ่เดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำก่อนเข้านอน นัยน์ตาคมกริบก็สะดุดเข้ากับเลือดสีแดงสดที่เปื้อนผ้าปูที่นอนสีขาวแถวๆบริเวณที่วางแขนซ้ายของอีกฝ่าย
“แขนมึงไปโดนอะไรมาวะไอหมอ”
คริษฐ์ขมวดคิ้วยุ่งเอ่ยถามพร้อมกับเดินมาพลิกท่อนแขนขาวๆดูแล้วพบว่าอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บ
“สงสัยจะโดนเศษแก้วบาดเมื่อกี้”
เจ้าจอมตอบอย่างไม่ใส่ใจ ยังคงนอนราบอยู่เช่นเดิม ไม่คิดจะขยับตัวไปไหน
“ตอนกูออกไป มีเรื่องในคลับเหรอวะ!”
“อืม นิดหน่อย แต่การ์ดก็เคลียร์ได้เร็วเหมือนกัน”
เจ้าจอมเลือกที่จะโกหกไปคำโต ทั้งที่ตัวเขาเองนั่นแหละที่เป็นคนจัดการกับไอ้วัยรุ่นกลุ่มนั้นเอง ทั้งนี้ก็เพื่อต้องการระบายอารมณ์โมโหส่วนตัวล้วนๆ โดยที่การ์ดนั้นวิ่งเข้ามาทีหลัง
“กูว่ามึงทำแผลหน่อยดีกว่า ปล่อยไว้เดี๋ยวจะติดเชื้อ”
พูดจบก็เดินไปหยิบกล่องยาบนโต๊ะที่ทางโรงแรมมีไว้ให้ ก่อนจะเดินกลับมานั่งลงข้างๆร่างสูงโปร่ง หมายจะดึงแขนอีกฝ่ายมาทำแผลให้ ทว่าเจ้าจอมกลับเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งแล้วเบี่ยงหลบไม่ยอมให้เขาทำเสียอย่างนั้น
“เฮ้ย! แผลนิดเดียวไม่เป็นอะไรหรอก”
“ถึงแผลจะเล็กน้อยก็อาจจะติดเชื้อได้ มึงเรียนหมอมาก็น่าจะมีความรู้ดีกว่ากูนะ เอาแขนมานี่!”
คริษฐ์รู้สึกไม่พอใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายดื้อ จึงใช้น้ำเสียงดุใส่ ทว่าเจ้าจอมก็ยังไม่ยอมอยู่ดี
“ก็กูบอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องทำหรอก”
“มึงจะยอมให้กูทำแผลให้ดีๆหรือจะให้กูใช้กำลัง”
“ไอ้คิง!”
“ไอ้หมอ!”
ต่างฝ่ายก็ต่างจ้องกันเขม็งไม่มีใครยอมใคร จนเวลาล่วงเลยผ่านไปสักพักคริษฐ์รู้สึกเหมือนว่าหัวใจของตัวเองเต้นแรงขึ้นอีกครั้งเมื่อได้จ้องตาอีกฝ่ายในระยะประชิด ซึ่งเจ้าจอมเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน แต่คราวนี้รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากอก มันเป็นความรู้สึกแปลกๆที่ทั้งสองคนให้คำตอบตัวเองไม่ได้ แต่ก็มั่นใจว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ใช่ความรู้สึกแบบเพื่อนเหมือนอย่างที่เคยเป็น
เจ้าจอมที่ได้สติก่อนรีบสะบัดศีรษะแรง จากนั้นก็ลุกพรวดจากที่นอนหมายจะเดินหนีไปทางอื่น ทว่าคริษฐ์กลับคว้าข้อมือขาวๆไว้แล้วออกแรงดึงให้กลับมานั่งที่เดิม
“จะไปไหน มานี่!”
“ก็กูบอกว่า…”
“อย่าดื้อกับกู!”
น้ำเสียงดุดัน พร้อมด้วยนัยน์ตาคมกริบประกายแสงวาวโรจน์ที่ส่งมาทำให้เจ้าจอมเผลอกลืนน้ำลายลงคอฝืดเคือง ก่อนจะยอมนั่งนิ่งๆให้อีกฝ่ายช่วยทำแผลให้อย่างไม่ขัดขืนอีกต่อไป
คริษฐ์ตั้งใจทำแผลเงียบๆ ทุกขั้นตอนนั้นอ่อนโยน และเบามือเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บ โดยที่ไม่รู้เลยว่าการกระทำที่แสนจะอ่อนโยนของตนนั้นกำลังทำให้หัวใจของอีกฝ่ายเต้นแรงและหวั่นไหวไปในครา
“อืม…เสร็จแล้ว”
คริษฐ์ว่าพลางเงยหน้าขึ้นมาบอก เป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าจอมก้มมองแผลแล้วสายตาทั้งคู่ก็สบประสานเข้ากันโดยบังเอิญอีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างชะงักนิ่งไป ความเงียบปกคลุมทั่วห้องอีกครั้งเนิ่นนาน ก่อนที่คริษฐ์จะลุกพรวด แล้วก้าวยาวๆตรงไปที่ห้องน้ำโดยไม่พูดอะไรอีก เช่นเดียวกับเจ้าจอมที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงแบบนั้น
ในคืนนั้นทั้งสองคนนอนบนเตียงเดียวกัน แต่ต่างฝ่ายต่างหันหลังนอนตะแคงให้กันคนละด้าน เพราะความรู้สึกแปลกๆมันกำลังทำให้พวกเขาสับสน คริษฐ์เริ่มไม่มั่นใจว่าหากบอกอีกฝ่ายไปตรงๆว่าความรู้สึกของตนตอนนี้ไม่เหมือนเดิม เจ้าจอมจะถอยห่างหรือเปล่า ใจหนึ่งก็ไม่อยากให้เจ้าจอมโกรธและเลิกเป็นเพื่อน แต่อีกใจก็เรียกร้องให้รีบๆบอกความรู้สึกที่มี เพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้เอาไว้
ส่วนเจ้าจอมเองก็ไม่ได้แน่ใจว่าตอนเผลอสบตากับอีกฝ่าย คริษฐ์จะรับรู้ความจริงบางอย่างที่เขาซ่อนไว้หรือเปล่า แต่กระนั้นก็ยังเข้าข้างตัวเองว่าคริษฐ์ไม่รู้ และตนก็ตั้งใจจะเก็บซ่อนมันไว้แบบนี้ เพราะไม่อยากเสียเพื่อนดีๆอย่างคริษฐ์ไป
………………………………………….
เช้าวันต่อมาทั้งสองก็เดินทางจากตัวเมืองกลับมายังหน่วยพิทักษ์ป่า ระหว่างทางต่างฝ่ายต่างจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ไม่มีใครยอมพูดอะไรกระทั่งรถจอดสนิทลงเมื่อถึงจุดหมาย
ทันทีที่คริษฐ์เดินลงจากรถก็มีลูกน้องวิ่งเข้ามารายงานอะไรบางอย่าง จากนั้นเขาก็ไม่รอช้าที่จะกลับเข้าที่พักเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยิบปืนสั้นซึ่งเป็นอาวุธคู่ใจเหน็บเข้าที่เอว แล้วเดินกลับมาเรียกรวมตัวทุกคนด่วน เจ้าจอมที่เห็นเหตุการณ์รู้สึกเป็นกังวล จึงต้องเดินเข้ามาหาอีกฝ่าย ก่อนที่คริษฐ์จะทันได้ขึ้นรถ
“มึงจะไปไหนไอ้คิง!”
“กูจะเข้าป่า ไปลากคอไอ้พวกมอดไม้”
“กูไปด้วย”
“เฮ้ย! ไม่ได้ มันอันตราย!”
คริษฐ์สั่งห้ามทันทีเมื่อเจ้าจอมทำท่าจะกระโดดขึ้นรถตามไปด้วยอีกคน ทว่าอีกฝ่ายไม่สนยังคงทำตัวดื้อไม่เปลี่ยน
“อันตรายแล้วไงวะ!”
“ไอ้หมอ! พวกกูถูกฝึกมามาให้ใช้ชีวิตอยู่กลางป่า และใช้อาวุธต่อสู้เอาชีวิตรอด แต่มึง…”
“แต่กูทำไม? กูก็ถูกฝึกมาเหมือนกัน”
“แต่ฝึกไม่เหมือนกัน”
“ไม่เหมือนกันยังไง กูก็ถูกฝึกมาให้ช่วยชีวิตคน เพราะฉะนั้นกูก็ฆ่าคนเป็นเหมือนกัน”
“ไอ้หมอ! ถ้ายังคุยกันไม่รู้เรื่องแบบนี้ กูไม่คุยด้วยแล้ว”
คริษฐ์ที่กำลังรีบ ไม่อยากต่อปากต่อคำกับเจ้าจอมอีก เลยตัดสินใจก้าวขึ้นรถแล้วออกคำสั่งกับลูกน้องด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด! ทันที
“เฮ้ย! ออกรถโว้ย!”
เจ้าจอมมองรถจี๊ปสีดำคันใหญ่ที่แล่นออกไปด้วยความเจ็บใจ แต่เหนือสิ่งอื่นใดเขารู้สึกโกรธที่คริษฐ์ไม่ยอมให้ติดตามไปด้วย ไม่ใช่เพราะอยากจะไปก่อกวนการทำงานของเขาให้วุ่นวาย แต่ตนตั้งใจจะคอยช่วยเหลือเจ้าหน้าที่หากได้รับบาดเจ็บระหว่างปะทะกับคนร้าย ซึ่งดูเหมือนคริษฐ์จะไม่ได้มองเห็นความหวังดีในส่วนนั้นของเขาเลย
……………………………………………….
“ไอ้หมอ มึงหยุดเดินแล้วหันมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี่ยวนี้นะ!”
คริษฐ์ที่เพิ่งจะกลับมาจากการจับกุมคนร้ายที่ลักลอบตัดไม้มาเหนื่อยๆ รู้สึกไม่ค่อยพอใจที่เจ้าจอมทำเมินใส่แล้วเดินหนี ไม่ยอมพูดด้วย ทำให้ความรู้สึกหงุดหงิดของเขาที่มีตั้งแต่ตอนทะเลาะกับอีกฝ่ายก่อนไปปฏิบัติภาระกิจปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
“กูบอกให้หันมาคุยกันไง”
คราวนี้คริษฐ์รู้สึกหมดความอดทน มือใหญ่คว้าข้อมือขาวๆของเพื่อนแล้วกระชากให้หันหน้ามาเผชิญอย่างแรงตามอารมณ์โมโห ซึ่งเจ้าจอมเองก็ไม่ยอมอ่อนให้เช่นกัน เขาสะบัดแขนออกทันทีที่หันมาเผชิญหน้าพร้อมกับตวาดเสียงใส่ใบหน้าหล่อเหลา ด้วยอารมณ์โมโหไม่ต่างกัน
“มึงคิดว่ามึงเป็นใครไอ้คิง! เอาแต่สั่งๆๆๆคนอื่น คิดว่าเป็นหัวหน้าที่นี่แล้วกูจะกลัวมึงหรือไง”
“มีเหตุผลหน่ายสิวะไอ้หมอ ที่กูสั่งไม่ให้มึงตามไปก็เพราะเป็นห่วงมึง ไม่อยากให้มึงไปเผชิญอันตรายเข้าใจกูหน่อยสิวะ!”
“แล้วมึงถามกูหรือเปล่าว่ากูกลัวอันตรายไหม มึงเอาแต่ตัดสินคนอื่นตามใจมึง ไม่เห็นถามความเห็นของคนอื่นเลย แบบนี้ยังจะเรียกตัวเองว่าผู้นำที่ดีอยู่อีกเหรอวะ!”
“ไอ้หมอ!”
คริษฐ์สติหลุดคว้าคอเสื้ออีกฝ่ายกระชากเข้ามาหาตน ใบหน้าหล่อเหลาตอนนี้แดงก่ำด้วยความโกรธ ทว่าคนถูกคว้าคอเสื้อกลับเชิดหน้าท้าทาย ไม่มีทีท่าว่าจะกลัวเลยสักนิด
“ทำไม! มึงจะทำไมกู คิดว่าตัวเองมีอำนาจแล้วจะใช้กับใครก็ได้งั้นสิ เอาเลยสิ เอาเลย!”
“อย่ามาท้ากูนะไอ้หมอ”
“กูไม่ได้ท้า แต่ถ้ามึงอยากต่อยกูก็เชิญ เพราะกูก็จะสวนมึงกลับเหมือนกัน”
คำประกาศชัดจากเจ้าจอมที่ไม่ยอมอ่อนให้ ทำให้คริษฐต้องขบกรามแน่นจนเป็นสันนูนเพื่อระงับตัวเองไม่ให้เผลอต่อยอีกฝ่ายเข้า ก่อนจะที่สองคนจะสบประสานตากันนิ่ง แล้วหัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง
“บ้าชิบ!”
คริษฐ์ผลักอกกว้างของอีกฝ่ายเต็มแรงเมื่อความรู้สึกแปลกๆกลับมา ทำให้คนไม่ทันระวังต้องเซถอยหลังไปหลายก้าว แต่ก่อนที่ทั้งสองคนจะได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น เสียงของเจ้าหน้าที่นายหนึ่งก็วิ่งมารายงานเสียก่อน
“หัวหน้าครับ ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตชด.มาถึงแล้วครับ”
“เอ่อ! เดี๋ยวกูไป”
คริษฐ์บอกกับลูกน้อง ก่อนจะหันมามองใบหน้าขาวเนียนแล้วตัดใจยุติการพูดคุยเอาไว้เพียงเท่านี้ก่อน เพราะตัวเองยังมีเรื่องต้องจัดการ พร้อมกับตั้งใจไว้ว่าหลังจากเสร็จงานจะกลับมาพูดคุยกันใหม่