ตอนที่ 5 : ความสับสน

1813 Words
ตอนที่ 5 : ความสับสน “ปล่อยให้เด็กอาการหนักขนาดนี้ได้ยังไง!” นายแพทย์หนุ่มตวาดถามพยาบาลทันทีที่เห็นสภาพของเด็กทารกบนเบาะ เขาจับชีพจรเด็กแล้วคว้าหูฟังมาฟังปอดด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะออกคำสั่งกับพยาบาลที่ยืนทำอะไรไม่ถูก “โทรเช็คห้องไอซียูให้ที ถ้าตัวจังหวัดไม่ว่างเราต้องไปต่างจังหวัดด่วน!” “ค่ะคุณหมอ” “เอาท่อหายใจมา เราต้องสวมท่อหายใจเพราะเด็กหายใจเองไม่ได้แล้ว” ความชุลมุนเกิดขึ้นทันทีเมื่อนายแพทย์หนุ่มออกคำสั่งรัวๆ ทุกฝ่ายต่างเร่งทำหน้าที่ของตัวเอง โดยที่มีพ่อแม่เด็กคอยลุ้นด้วยหัวใจที่เต้นระทึก “คุณหมอช่วยลูกผมด้วยนะครับ” “คุณพ่อไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวผมจะทำสุดความสามารถ น้องจะต้องปลอดภัย” แม้เวลานี้เจ้าจอมจะรู้ว่าเด็กอยู่ในอาการโคม่าแล้ว แต่เขาก็ยังปลอบผู้เป็นพ่อแม่ให้มีกำลังใจ เจ้าจอมสาบานกับตัวเองว่าจะส่งเด็กต่อไปให้ทันการเนื่องจากอุปกรณ์ทางการแพทย์ของโรงพยาบาลประจำอำเภอยังขาดแคลน “คุณหมอคะ ทางห้องไอซียูจังหวัดว่างอยู่หนึ่งเตียง ทางเราจองให้เรียบร้อยแล้วค่ะ” “อืม เอาเด็กขึ้นรถด่วน” “คุณหมอคะ รถของโรงพยาบาลเพิ่งจะไปรับคนที่ได้รับอุบัติเหตุฉุกเฉิน ตอนนี้ทางโรงพยาบาลไม่มีรถสำรองเหลือแล้วค่ะ” ‘บ้าชิบ!’เจ้าจอมอยากจะสบถออกมาแรงๆ แต่ก็ห้ามปากตัวเองไว้ได้ทัน เวลาเกิดเรื่องฉุกเฉินขึ้น เป็นแบบนี้ทุกที “อีกกี่นาทีรถจะกลับมา” “น่าจะไม่เกินหนึ่งชั่วโมงนะคะ” “ไม่ทันแล้ว เด็กอาการหนักรอไม่ได้” เจ้าจอมบอกด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล เพราะตอนนี้เขาต้องแข่งกับเวลา ซึ่งคริษฐ์ที่ยืนอยู่ข้างๆก็รีบเสนอตัวทันที “เดี๋ยวกูขับรถให้เอง เอาเด็กขึ้นรถ” “คุณพ่อคุณแม่ตามขึ้นรถเลยนะครับ” นายแพทย์หนุ่มไม่ลืมที่จะหันมาบอกกับพ่อแม่เด็ก เพราะเข้าใจหัวอกความร้อนใจของผู้เป็นพ่อแม่ดี เด็กถูกนำตัวขึ้นรถอย่างรวดเร็ว โดยมีนายแพทย์หนุ่มตามขึ้นหลังกระบะคอยตรวจเช็คอาการของเด็กน้อยอย่างใกล้ชิด คริษฐ์เองก็ใช้ความเชี่ยวชาญในการขับรถบนถนนคดเคี้ยวอย่างเต็มที่เพื่อแข่งกับเวลา จากปกติที่ใช้เวลาเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองจังหวัดนานเป็นชั่วโมงครึงก็เหลือเพียงสี่สิบนาที ..................................................... หลังจากเหตุการณ์ชุลมุนผ่านพ้นไป และเด็กถูกนำตัวเข้าห้องไอซียูโดยมีแพทย์ผู้เชียวชาญดูแลอย่างใกล้ชิดแล้ว คริษฐ์ก็พานายแพทย์หนุ่มออกมาจากโรงพยาบาลมุ่งหน้าตรงไปยังคลับหรู่ในตัวเมืองทันที สองหนุ่มนั่งดื่มกันเงียบๆต่างคนก็ต่างใช้ความคิดกับความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ด้วยความสับสน แต่กระนั้นก็ไม่รู้จะหันหน้ามาคุยกันยังไงดี เพราะต่างคนก็ต่างไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไงกับตน กระทั่งมีสาวอกสะบึ้ม ในชุดเดรสสั้นทีดำรัดรูอวดสัดส่วนเดินเข้ามาทักสองหนุ่ม หญิงสาวใช้จริตมารยาเข้ามาตีสนิทกับชายหนุ่มเพื่อหวังจะได้ไปต่อกับเขา ซึ่งคริษฐ์นั้นเข้าใจท่าทางเชิญชวนของอีกฝ่ายดีโดยไม่จำเป็นต้องพูดมันออกมา คริษฐ์ที่อยากลองอะไรบางอย่างหันมามองเพื่อนหนุ่มที่นั่งดื่มเงียบๆ ก่อนจะขยับมาเอ่ยกับอีกฝ่ายให้ได้ยินกันเพียงสองคน “เอาสักคนไหมวะไอ้หมอ” “ไม่ มึงไปเถอะ” เจ้าจอมปฏิเสธอย่างคนไร้อารมณ์ความรู้สึก ทำให้คริษฐ์ต้องหันมาคว้าเอวคอดของหญิงสาวแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อลากเธอออกไปทำธุระกับเจ้าหล่อน “งั้นกูขอตัวก่อน ไว้เจอกันที่ห้องก็แล้วกัน” คริษฐ์บอกกับอีกฝ่าย ก่อนที่จะโอบเอวคอดเดินออกจากคลับไป ปล่อยให้นัยน์ตาคมหวานมองตามด้วยความรู้สึกเจ็บหน่วงๆที่หัวใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ‘กูเป็นอะไรวะ!’ เจ้าจอมสบถถามตัวเองอย่างหงุดหงิด ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรู้สึกเจ็บที่เห็นเพื่อนรักเดินควงผู้หญิงออกไป ซึ่งไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคริษฐ์กับผู้หญิงคนนั้นจะไปทำอะไรกันต่อหลังจากนี้ “บ้าชิบ!” เสียงทุ้มต่ำสบถออกมาอย่างต้องการระบายอารมณ์แปลกๆที่ก่อกวนจิตใจให้ร้อนรุ่มไม่เป็นสุข แต่วินาทีนั้นเองนัยน์ตาคมหวานเหลือบมองไปเห็นวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่เมาได้ที่เริ่มมีปากเสียงกันอย่างดุเดือด ก่อนที่จะตามมาด้วยการทุบขวดเหล้าให้แตกเพื่อเอามาใช้เป็นอาวุธต่อสู้ ผู้คนในคลับเริ่มส่งเสียงกรีดร้อง และเอะอะโวยวาย ต่างวิ่งหนีกันชุลมุน ส่งผลให้คนที่อยากจะปลดปล่อยอารมณ์เต็มแก่เดินมาขวางกลุ่มวัยรุ่นเอาไว้ ไม่ให้เข้าถึงตัวฝ่ายตรงข้ามได้ “เฮ้ย! หยุด!” “มึงเป็นใครวะไอ้หน้าหล่อ! มีสิทธิอะไรมาห้ามกู ถ้าไม่อยากโดนแทงก็รีบไสหัวไป” “นึกว่ากูกลัวมึงเหรอ ไอ้กระจอก! แน่จริงมึงมาตัวต่อตัวกับกูสิวะ จะใช้อาวุธทำไม!” เจ้าจอมเอ่ยท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว ขณะที่เตรียมพร้อมจะวางมวยใส่อีกฝ่าย ทว่ากลุ่มนั้นกลับไม่ยอมทิ้งอาวุธ แต่กลับตรงเข้ามาหาตนพร้อมๆกัน เรียกได้ว่าหนึ่งรุมสิบก็คงไม่ผิด เจ้าจอมที่ไม่ทันตั้งหลักให้ดีตกอยู่ในวงล้อมของกลุ่มอันธพาล แต่เพียงไม่นานเขาก็สามารถจัดการกับพวกมันให้ร่วงลงพื้นทีละคนด้วยศิลปะการต่อสู้ที่เหนือชั้นกว่าก่อนที่จะได้รับเสียงปรบมือจากเหล่าบรรดาชาวไนต์คลับทั้งหลาย “ซวยชะมัด!” นายแพทย์หนุ่มสบถออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนจะเดินออกมาจากไนต์คลับ เมื่อการ์ดที่ดูแลร้านเข้ามารับช่วงจัดการกับกลุ่มอันธพาลส่งตำรวจ ……………………………………… ทางด้านคริษฐ์ที่พาสาวสะบึ้มเข้ามาในโรงแรม ตั้งใจไว้ว่าจะจัดการกับเจ้าหล่อนให้สมกับที่ไม่ได้ปลดปล่อยมานาน แต่เมื่อกำลังจะเริ่มจูบเธอใบหน้าหยกขาวเนียน นัยน์ตาคมหวานของใครบางคนก็ผุดขึ้นมาในหัว จนเขาต้องรีบผลักร่างอรชรออกห่าง ราวกับเธอเป็นของร้อน “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมพี่หน้าเครียดๆ” หญิงสาวเอ่ยถามเจ้าของใบหน้าหล่อเหลา ที่ตอนนี้เคร่งขรึมสนิท ราวกับไม่มีอารมณ์ที่จะทำเรื่องสนุกอย่างที่เธอคาดหวังไว้เลยแม้แต่น้อย “ออกไปห่างๆพี่” คริษฐ์ออกคำสั่งเสียงห้วน เมื่อเจ้าหล่อนทำท่าจะเดินเข้ามาโอบกอดตน แต่เธอก็ไม่ได้สนใจคำสั่งของเขาเลยแม้แต่น้อย ยังคงเดินเข้ามาลูบไล้อกกว้างเปลือยเปล่าแข็งแรงด้วยท่าทางเย้ายวน “ทำไมละคะ ถ้าพี่มีเรื่องไม่สบายใจ หนูทำให้พี่ลืมมันได้นะคะ” เสียงหวานกระซิบพร่าชิดติดใบหูสะอาดของชายหนุ่มอย่างเชิญชวน เพราะนานๆทีเธอจะได้เจอกับผู้ชายหล่อเหลา แถมยังหุ่นแซ่บน่ากิน ขืนปล่อยให้หลุดมือไปโดยที่ยังไม่ได้ลิ้มลองบทรักสุดแซ่บก็คงเสียดายน่าดู คริษฐ์สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เมื่อมือเล็กของหญิงสาวทำท่าเป็นหนวดปลาหมึกอยู่ไม่เป็นสุข ไม่ใช่เพราะต้องการข่มอารมณ์ความต้องการครอบครองเรือนร่างอรชรของเจ้าหล่อน หากแต่เป็นเพราะกำลังข่มอารมณ์โมโหที่พูดแล้วเธอไม่ยอมฟัง “บอกให้ออกไปไง!” เสียงตวาดดังลั่นของคริษฐ์ทำให้หญิงสาวชะงักนิ่งด้วยความตกใจ ก่อนจะตั้งสติแล้วรีบถอยห่างอีกฝ่ายอย่างอัตโนมัติ “คะ ค่ะ!” “โถ่เว้ย!” คริษฐ์สบถออกมาพร้อมกับหยิบธนบัตรสีเทาจากกระเป๋ากางเกงจำนวนสี่ห้าใบโยนมันลงบนเตียง ก่อนจะคว้าเสื้อที่ถอดทิ้งไว้บนปลายเตียงจัดการสวมอย่างลวกๆ แล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่คิดแม้แต่จะหันมามองหญิงสาวที่เขาเพิ่งจะพาเข้ามาในโรงแรม ……………………………………….. “อ้าว…ไอ้หมอ มึงกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” คริษฐ์เลิกคิ้วถามด้วยความแปลกใจ เมื่อกลับมาถึงโรงแรมที่ได้เช่าไว้ก่อนหน้านี้แล้วพบว่าเจ้าจอมกลับมาถึงก่อนแล้ว โดยที่อีกฝ่ายนอนหงายอยู่กลางเตียงนอนขนาดใหญ่ด้วยท่าทางเพลียๆ “ก่อนหน้ามึงแค่แป๊บเดียว” เจ้าจอมตอบทั้งที่ไม่คิดจะขยับตัวลุกขึ้นมานั่ง หรือหันมามองคู่สนทนา นัยน์ตาคมหวานยังคงทอดมองเพดานด้วยความคิดมากมายที่รบกวนอยู่เต็มหัว “ทำไมวะ มึงไม่สนุกเหรอ” “อืม แล้วมึงล่ะไอ้คิง ทำไมถึงกลับมาเร็วนักล่ะ” “ไม่รู้สิ สงสัยวันนี้จะเหนื่อยมาก ไม่มีอารมณ์หวะ” ตอบไปอย่างนั้นทั้งที่จริงแล้ว สาเหตุที่ทำให้ทุกอย่างพังไม่เป็นท่าเป็นเพราะคนที่กำลังนอนหงายอยู่บนเตียงนั่นเอง แต่กระนั้นคริษฐ์ก็เลือกที่จะไม่พูดความจริงออกมา คนตัวใหญ่เดินมาหย่อนสะโพกลงบนเตียงพลางก้มลงมองคนข้างๆแล้วตัดสินใจเอ่ยถามในที่สุด “ไอ้หมอ กูถามอะไรมึงอย่างได้ไหมวะ” “อืม ถามมาดิ” “มึงคิดยังไงกับไอ้พวกรักชอบเพศเดียวกันวะ” “ทำไมมึงถามกูแบบนี้วะ” “กูก็แค่อยากรู้ โลกนี้มันมีอะไรแปลกๆมากขึ้นทุกวันรวมทั้งการเลือกรักเพศเดียวกันด้วย ในความคิดมึง มึงคิดว่ามันถูกต้องหรือเปล่าวะ” เพราะตัวเองกำลังรู้สึกสับสน เลยอยากจะรู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไง ซึ่งในทีแรกเจ้าจอมก็เกิดตกใจอยู่ไม่น้อยที่จู่ๆอีกฝ่ายก็ถามคำถามนี้ออกมาราวกับจะรู้อะไรบางอย่างมา แต่พอนึกๆดูแล้วตัวเองยังไม่เผลอแสดงท่าทางแปลกๆกับเขาเลยเลือกที่จะทำเป็นนิ่ง และบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบแทน “ความรักสำหรับกูไม่มีอะไรผิดถูกหรอก รักก็คือรักนั่นแหละ แบ่งแยกด้วยเพศไม่ได้” “แล้วมึงรังเกียจคนพวกนี้หรือเปล่าวะ” “ทำไมกูต้องรังเกียจด้วยวะ ในเมื่อความรักมันเป็นเรื่องที่สวยงามและน่ายินดี ไม่เห็นจะน่ารังเกียจตรงไหนเลย”เจ้าจอมตอบ ก่อนจะย้อนถามอีกฝ่ายด้วยความอยากรู้เช่นกัน“แล้วมึงล่ะคิดยังไงกับคนพวกนี้” “ไม่รู้ดิ กูเฉยๆ” สำหรับคริษฐ์แล้วเขาไม่เคยตัดสินคนด้วยเพศ เพราะเขาคิดว่าทุกคนมีอิสระที่จะเลือกอยู่กับคนที่สบายใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD