ตอนที่4 เศร้าหมอง

1435 Words
ตอนที่4 เศร้าหมอง ร่างเล็กเดินเข้ามาในห้องเรียนที่มีเพื่อนๆนั่งคอยอาจารย์อยู่ ทุกคนหันมามองเธอเป็นตาเดียว ก่อนที่ชายหนุ่มคนหนึ่งจะเอ่ยขึ้น "เสียใจด้วยนะริน" เพื่อนชายร่วมห้องเอ่ยบอกด้วยสีหน้าเห็นใจ น้ำรินระบายยิ้มบางๆให้ "ขอบคุณนะ" "พวกเราเสียใจด้วยนะ" เพื่อนสาวร่วมห้องเอ่ยตาม เพื่อนๆ ทุกคนต่างแสดงความเสียใจกับเรื่องที่พ่อของเธอเสีย น้ำรินทำได้แค่กล่าวขอบคุณและส่งยิ้มบางๆให้ ก่อนที่เธอจะเดินไปนั่งโต๊ะด้านหลังที่มีเพื่อนสนิทสามคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว "ไหวไหมริน" เข้มเอ่ยถาม เมื่อน้ำรินเดินมานั่งที่โต๊ะข้างๆ สีหน้าของหญิงสาวยังคงเศร้าหมอง จนเพื่อนๆของเธอเป็นห่วง "ไหวสิ" น้ำรินเอ่ยบอกเสียงเรียบ "กูเสียใจด้วยนะ ที่พ่อต้องมาจากไปกระทันหันแบบนี้" วายุเอ่ยบอก ทำให้น้ำรินเริ่มรู้สึกอยากจะร้องไห้ เพราะดันคิดถึงผู้เป็นพ่อขึ้นมา แววตาของหญิงสาวเริ่มสั่นระริก จนวายุและเพื่อนอีกสองคนต่างตกใจ.. "เฮ้ย... กูขอโทษ เป็นอะไรไหม" วายุยื่นมือไปจับไหล่เล็กของน้ำริน เมื่อเห็นว่าเธอเริ่มจะร้องไห้ "รินอย่าร้องไห้สิ" ทรายที่เห็นหยดน้ำตาของเพื่อน จึงลุกขึ้นเดินเข้าไปปลอบเพื่อนรักด้วยความสงสารและเป็นห่วงจิตใจของเธอ น้ำรินเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ก่อนจะสะอึกสะอื้นร้องไห้ออกมาเบาๆ ทำเอาเพื่อนๆในห้องต่างพากันหันมามองด้วยความตกใจ หญิงสาวหันมากอดทรายเอาไว้แน่น ราวกับว่ามันคือสิ่งที่เธอพึ่งได้ หัวใจเธอในตอนนี้มันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ในหัวรู้สึกสับสนกับตัวเองว่าจะเอายังไงต่อไป เพราะเธอมีแค่พ่อที่เป็นเสาหลัก "อึก... ฮือออ อึก" น้ำรินร้องไห้โฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น จนเพื่อนๆในห้องต่างเห็นใจ ทรายได้แต่ยืนนิ่งให้น้ำรินกอด เธอลูบผมเพื่อนรักอย่างปลอบโยน เพราะน้ำรินเป็นคนที่บอบบางมาก ยิ่งเวลาในตอนนี้เธอก็ยิ่งต้องการคนที่คอยอยู่ข้างๆมากที่สุด @คฤหาสน์ของแฟรงค์.. "อ๊ากกก~" เสียงร้องดังลั่นด้วยความเจ็บปวดของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกหมัดต่อยไปที่ท้องอย่างแรง และยังถูกโซ่ล่ามข้อมือไว้ทั้งสองข้าง บนเนื้อตัวของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล และเลือดอาบโชก "บอกมาว่าใครใช้ให้พวกมึงมาลอบยิงพวกกู" ดินเค้นถามด้วยน้ำเสียงที่โกรธจัด เขาดึงผมตรงท้ายทอยของชายฉกรรก์ที่ใบหน้าของเขาในตอนนี้มีแต่เลือดสดหลั่งไหลออกมา เพราะตลอดระยะเวลาที่เขาถูกจับตัวได้หลังจากที่เกิดเหตุเมื่อคืนของอาทิตย์ก่อน ลูกน้องของแฟรงค์ก็ซ้อมเขาจนเจ็บปางตาย ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ "ตอบ!!" ไบรอันตะคอกเสียงใส่อย่างเหลืออด ที่เห็นว่าศัตรูยังเอาแต่เงียบ เขาไม่ยอมพูดหรือเอ่ยอะไรออกมาเลยซักคำ ตึก ตึก ตึก.. เสียงเท้าของใครบางคนกำลังเดินลงบันไดมายังห้องใต้ดิน ที่ไบรอันและดินกำลังเค้นถามชายอีกคนอยู่ ภายในห้องมืดสลัว มีอาวุธปืน มีดและระเบิดวางเรียงกันเป็นระเบียบ เดาไม่ยากว่าคนพวกนี้ทำงานอะไรกัน.. ใบหน้าหล่อนิ่งของแฟรงค์ เดินตรงมายังลูกน้องสองคนที่กำลังยืนสอบสวนลูกน้องของศัตรู ทำให้ชายคนนั้นหันมามองหน้าเขานิ่ง ก่อนจะแสยะยิ้มออกมา ทั้งๆที่ใบหน้ามีแต่รอยฟกช้ำและเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุด แฟรงค์จ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง แววตาคมดุดันจนน่ากลัว และยากที่จะคาดเดาความคิดของเขาได้ จนอีกฝ่ายค่อยๆหุบยิ้มไป แฟรงค์ล้วงหยิบบุหรี่ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตออกมา ก่อนจะจุดสูบและพ่นควันบุหรี่ออกมาคละคลุ้งไปทั่ว ท่าทางของเขาดูใจเย็น แต่กลับดูน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน แม้กระทั่งลูกน้องสนิทสองคนของเขายังรู้สึกเสียวสันหลังวาบ... "กูไม่ชอบ... อะไรที่มันยุ่งยาก" มาเฟียหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก เขาคีบบุหรี่ออกจากปาก ก่อนจะใช้มืออีกข้างจับไปที่ต้นคอของอีกฝ่ายแล้วกดบีบต้นคอแน่น จนอีกคนรู้สึกเจ็บ "ถ้ามึงยังไม่พูด... กูไม่รับประกันความปลอดภัยของลูกเมียมึง" "นี่มึง!!" คำพูดของแฟรงค์สร้างความหวาดกลัวให้กับอีกคน แฟรงค์ยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ เขาปล่อยมือออกจากต้นคอหนา ก่อนจะอัดควันบุหรี่เข้าปากอีกครั้งและพ่นออกมาอย่างใจเย็น "ยะ...อย่าทำอะไรลูกเมียกูนะ!" คำขอร้องของชายอีกคน ไม่ได้ทำให้มาเฟียหนุ่มอย่างเขาใจอ่อนเลย แฟรงค์หันหลังเดินตรงไปยังกล่องขนาดใหญ่กล่องหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเปิดฝามันออก ก็เห็นเป็นอาวุธปืนมากมาย รวมทั้งกระสุนปืนวางเรียงกันในกล่อง เขาหยิบปืนพกขนาดเล็กขึ้นมาตรวจเช็ค สายตาคมกริบจ้องมองกระบอกปืนในมือ ก่อนจะหยิบกล่องกระสุนออกมาใส่ในกระบอกปืนอย่างชำนาญและรวดเร็ว โดยมีสายตาของลูกน้องสองคนมองมา "กู..กูขอร้องล่ะ อย่าทำอะไรลูกเมียกูนะ" คำขอร้องของชายอีกคนดังขึ้น ทำให้แฟรงค์ละสายตาจากปืน เขาหันมามองอีกฝ่ายนิ่ง สายตาเย็นชาที่ไร้ความรู้สึกของเขา สร้างความหวาดหวั่นให้กับอีกคน จนเกิดเป็นความกลัว... "กู...กูยอมบอกพวกมึงแล้ว แต่ขอล่ะ อย่ายุ่งกับคนในครอบครัวกู" ไบรอันและดินมองหน้ากันนิ่ง พวกเขาใช้แรงในการเค้นถามศัตรูอยู่เป็นอาทิตย์ แต่พอเจ้านายมาจัดการเอง มันกลับง่ายดาย.. 13:30.. @ร้านคาเฟ่บาร์... "เดี๋ยววันนี้พวกกูช่วยขายเอง มึงไปนะพักกับทรายเถอะ" เข้มเอ่ยบอกน้ำรินขณะที่พากันเดินเข้ามายังร้านคาเฟ่บาร์ของเธอ หลังจากที่พวกเขาพากันเรียนคลาสสุดท้ายเสร็จแล้ว น้ำรินและเพื่อนอีกสามคนจึงพากันมาเปิดร้านและมีเพื่อนชายทั้งสองจะช่วยขายให้ เพราะช่วงเวลานี้ลูกค้าจะเข้าร้านเยอะ "ขอบใจมากนะเข้ม วายุ" น้ำรินเอ่ยบอกเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงเบา ก่อนที่เธอและทรายจะเดินไปนั่งโต๊ะ บรรยากาศภายในร้านตกแต่งไปด้วยต้นไม้ และดอกไม้นานาชนิด ด้านนอกของร้านจะมีน้ำพุตั้งอยู่หน้าร้าน บรรยากาศโดยรอบจัดสรรด้วยต้นไม้เกือบทั้งหมด เพราะน้ำรินชอบความเป็นธรรมชาติ เธอจึงออกแบบร้านคาเฟ่ของตัวเองแบบนี้ "ริน" ทรายเอ่ยเรียกเพื่อนสาว ตอนที่น้ำรินกำลังนั่งเหม่อลอยมองออกไปด้านนอก น้ำรินที่ได้ยินเสียงเรียก จึงหันมามองเพื่อนรัก "ว่าไง" "แกโอเคใช่ไหม" ทรายเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเมื่อเช้าน้ำรินยังร้องไห้จนตาบวม แต่ตอนนี้น้ำรินกลับดูเงียบและยังคงเศร้าหมองอยู่ "ถึงจะไม่โอเค แต่เราก็รู้สึกดีนะ.. ที่ยังมีแก มีวายุ มีเข้ม และพี่ท๊อปที่คอยให้กำลังใจ" เธอบอกพร้อมกับระบายยิ้มบางๆ ให้กับเพื่อน ทรายเงียบไปเมื่อได้ยินแบบนั้น ถึงแม้ว่าน้ำรินจะพูดเหมือนไม่เป็นอะไร แต่เธอก็พอจะรู้ว่าในใจของเพื่อน มันแตกสลายและมืดมนไปแล้ว น้ำรินหลบสายตาเพื่อนรัก เธอเบือนสายตาไปมองทางอื่น ก่อนที่ในหัวจะนึกไปถึงชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-อิตาลี ที่เคยบอกเธอเอาไว้ว่าถ้าอยากจะรู้เรื่องการตายของพ่อเธอ ต้องไปหาเขาที่คาสิโน "น้ำปั่นมาเสิร์ฟคร้าบบ" เสียงของวายุเอ่ยบอกพร้อมกับเดินเข้ามาก่อนจะวางแก้วน้ำให้กับเพื่อนรักทั้งสอง "วายุ... แกรู้จักคาสิโนXXX ไหมอะ" น้ำรินหันมาเอ่ยถามวายุในทันที สายตาของเธอรู้สึกคาดหวังมาก เพราะน้ำรินรู้ดีว่าวายุชอบไปสถานที่แบบนั้นกับเข้ม เธอจึงตัดสินใจถามเขา แต่วายุและทรายที่ได้ยินแบบนั้นพากันนิ่งไป โดยเฉพาะวายุ เขามองหน้าเพื่อนสาวอย่างไม่เข้าใจว่าน้ำรินจะถามถึงคาสิโนนั้นทำไม...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD