ตอนที่3 ไปอยู่กับฉันสิ

1732 Words
ตอนที่3 ไปอยู่กับฉันสิ แฟรงค์ละสายตาหันมามองเด็กสาว ที่มีอายุห่างจากเขาราว 10 ปี แววตาของเธอมีทั้งความเศร้าหมอง และคำถามมากมาย ต่างจากเขาที่น้ำรินกลับอ่านใจเขาไม่ออก สายตาของมาเฟียหนุ่มนั้นดูน่ากลัว และดุดันในเวลาเดียวกัน "มีเรื่องอะไรกันเหรอลูก" เสียงของลำดวนดังขึ้น ทำให้ทุกคนหันไปมอง แต่แฟรงค์กลับเอาแต่จ้องมองน้ำรินไม่ละสายตา ก่อนที่ลำดวนจะเดินเข้ามาหา "ไม่มีอะไรหรอกครับแม่" ท๊อปหันไปบอกผู้เป็นแม่ แต่ลำดวนกลับหันมามองชายหนุ่มแปลกหน้าด้วยความสงสัย "ผู้ชายคนนี้เป็นใครเหรอ" ลำดวนหันมาเอ่ยถามลูกชาย แต่ทุกคนต่างเงียบ น้ำรินหันมามองใบหน้าคมคายของมาเฟียหนุ่มอีกครั้ง ภายในงานศพเงียบงัน ดวงตาของหญิงสาวมองมาเฟียหนุ่มไม่ละสายตา เธอยังคงต้องการคำตอบจากเขา แต่แฟรงค์กลับยกยิ้มมุมปากก่อนที่เขาจะหันหลังเดินออกไป ทำเอาน้ำรินถึงกับอ้าปากค้าง ทุกคนในงานต่างพากันงุนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า น้ำรินมองตามแผ่นหลังหนาก่อนจะได้สติรีบวิ่งตามชายหนุ่มออกไป ทำให้ลำดวนแม่ของท๊อปมองอย่างสงสัย "เดี๋ยวก่อนค่ะ!" น้ำรินตะโกนเรียกตามหลัง ก่อนที่เธอจะวิ่งมาถึงชายหนุ่ม ในขณะที่เขากำลังจะก้าวขึ้นรถ แฟรงค์หันกลับมามองเด็กสาวด้วยใบหน้านิ่งเฉย "คุณเป็นเจ้านายพ่อเหรอคะ" น้ำรินถาม เธอจ้องมองดวงตาสีนิลของเขาเพื่อรอฟังคำตอบ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มได้บอกไปแล้ว และเธอก็อยากรู้เรื่องของพ่อเธอให้มากกว่านี้ เพราะเธอไม่รู้เลยว่าชัยนาททำงานอะไร พ่อของเธอไม่เคยมีเวลาว่างให้เธอเลย แถมกลับบ้านดึกทุกวัน และวันนี้เธอต้องรู้เกี่ยวกับพ่อของเธอและการตายของพ่อเธอให้ได้ มาเฟียหนุ่มมองเด็กสาวตรงหน้า แววตาของเขานิ่งเฉยไม่แสดงความรู้สึกอะไร มันดูน่ากลัวและน่าค้นหาในเวลาเดียวกัน แฟรงค์ก้าวเข้ามาประชิดตัวเด็กสาว จนน้ำรินต้องเป็นฝ่ายถอยหนี "...ถ้าอยากรู้ ไปอยู่กับฉันสิ" คำพูดของชายหนุ่มทำเอาน้ำรินตกอยู่ในภวังค์ น้ำเสียงที่ราบเรียบของเขามันทำให้เธอหวาดกลัว น้ำรินยืนอึ้งกับคำพูดของเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะได้สติตอบกลับไป "คะ..คุณพูดอะไรของคุณ หนูอยากรู้เรื่องพ่อ ไม่ได้อยากไปอยู่กับคุณ" น้ำรินบอกอย่างไม่ชอบใจนัก ถึงแม้ว่าเขาจะหล่อเหลามาก แต่มันไม่ได้ทำให้เธอหลงชอบเขาเลยแม้แต่นิด แต่กลับรู้สึกไม่ถูกชะตากับท่าทางของเขามากกว่า "หึ" แฟรงค์ยกยิ้มมุมปาก เขาหันไปมองทางอื่น ก่อนจะหันกลับมามองเธออีกครั้ง "ถ้าอยากรู้เรื่องพ่อของเธอ ก็ไปหาฉันที่คาสิโนXXX แล้วฉันจะเล่าให้เธอฟัง" ว่าจบชายหนุ่มก็เดินขึ้นรถไป ทิ้งให้น้ำรินมองเขาตาปริบๆในตอนที่ประตูถูกปิดลง ก่อนที่รถตู้สีดำหรูจะขับออกไป น้ำรินยืนมองรถตู้ขับออกห่างไปจนลับสายตา คำพูดทิ้งท้ายของชายหนุ่มทำให้เธอคิดมิตก อีกด้าน... บนรถตู้ "เด็กคนนั้นเป็นใครเหรอครับนาย" ดินเอ่ยถามขึ้นขณะทำหน้าที่เป็นคนขับรถ โดยมีไบรอันนั่งข้าง ๆ และมีลูกน้องนั่งอยู่เบาะหลังสุดอีกสองคนคอยดูแลความปลอดภัย "ลูกสาวชัยนาท" คำตอบของชายหนุ่ม ทำเอาลูกน้องอย่างดินและไบรอันต่างตกใจ เพราะเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าชัยนาทมีลูกสาว และที่หน้าแปลกใจกว่านั้นคือ มาเฟียหนุ่มได้เคยบอกเด็กสาวให้ไปอยู่กับเขา ไบรอันและดินมองหน้ากันอย่างสงสัย ก่อนที่ไบรอันจะเอ่ยถามต่อ "แล้วทำไมนายถึง...." ไบรอันหยุดพูด เมื่อนึกไปถึงคำพูดของเจ้านายตัวเองตอนคุยกับน้ำรินก่อนหน้า มาเฟียหนุ่มมองลูกน้องสองคนด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทำให้ไบรอันและดินที่เห็นแบบนั้นก็ต่างพากันเงียบลง ถึงแม้จะอยากรู้มากก็ตาม มาเฟียหนุ่มเอนหลังพิงกับเบาะพร้อมกับหลับตาลงช้าๆ ใบหน้าความเสียใจของเด็กสาวลอยเข้ามาในหัวของเขา เด็กสาวที่ต้องสูญเสียพ่อไปกระทันหันอย่างไม่มีวันกลับ 1 อาทิตย์ต่อมา... น้ำรินอยู่ในชุดนักศึกษาพอดีตัว กระโปรงพลีทยาวถึงหัวเข่า มีเสื้อช็อบวิศวะสีแดงสวมทับอีกชั้น ใบหน้าหวานไร้เครื่องสำอางใดๆแต่งแต้ม มีเพียงริมฝีปากบางที่ทาลิปกลอสสีชมพูระเรื่อเท่านั้น หลังจากที่เธอพอจะทำใจเรื่องของพ่อเธอได้บ้างแล้ว น้ำรินจึงกลับมาเรียนต่อ ถึงแม้ภายในใจยังคงคิดถึงผู้เป็นพ่อ แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป เธอได้จัดการงานศพของพ่อเธอเรียบร้อย และได้ทำบุญให้บิดาที่ล่วงลับไป ท๊อปได้ให้กำลังใจหญิงสาว และยังมีเพื่อนของเธอที่คอยอยู่ข้างๆ มันทำให้น้ำรินมีกำลังใจมากขึ้น น้ำรินเดินออกจากบ้านด้วยใบหน้าเรียบเฉย บ้านของเธอมีรถยนต์1 คัน ยังดีที่พ่อของเธอสอนขับรถให้ ทำให้เธอขับรถเป็นตั้งแต่อายุ 18ปี และได้ทำใบขับขี่ไว้ ทำให้น้ำรินขับรถไปมหาลัยเองได้ บ้านของหญิงสาวเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว แต่เป็นบ้านที่มีขนาดใหญ่และมีพื้นที่บริเวณรอบบ้านกว้าง ตั้งแต่ที่พ่อกับแม่ของเธอแยกทางกัน น้ำรินก็อยู่กับพ่อมาโดยตลอด ตอนนั้นเด็กสาวมีอายุเพียงแค่ 10ปี พ่อของเธอได้ดูแลเธอเป็นอย่างดี แต่พอเธอเริ่มอายุ 16ปี ชัยนาทก็เริ่มกลับบ้านดึก จนไม่มีเวลาให้เธอเลย ครืดดด ครืดดด เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขณะที่น้ำรินกำลังจะสตาร์ทรถยนต์ไปเรียน เธอล้วงหยิบมือถือในกระเป๋าสะพายข้างที่วางอยู่บนเบาะอีกฝั่ง ขึ้นมากดรับสาย "ว่าไง" น้ำรินกรอกเสียงใส่เพราะคนที่โทรมาคือทรายเพื่อนสนิทของเธอ (ออกมารึยัง อีกครึ่งชั่วโมงจะเข้าคลาสแล้วนะ) "เรากำลังไป รอแป๊บนะ" น้ำรินเอ่ยบอกเสียงเรียบ ใบหน้าของเธอยังคงนิ่งเฉยแววตายังคงมีความเศร้าหมองอยู่ (แกโอเคแล้วเหรอ ถ้ายังไม่โอเคไม่ต้องฝืนมาเรียนก็ได้นะ) น้ำเสียงของทรายมีทั้งความห่วงใยและสงสารน้ำรินที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ เพราะน้ำรินเป็นคนที่บอบบางมาก แต่กลับต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ มันทำให้น้ำรินนั้นต้องสู้ไปข้างหน้าคนเดียว "...เราโอเค ดีขึ้นมากแล้วล่ะ" น้ำรินบอกปลายสายไปแบบนั้นพร้อมกับระบายยิ้มออกมาบางๆ ถึงแม้ตอนนี้เธอจะเหลือตัวคนเดียว แต่อย่างน้อยเธอก็มีเพื่อน และท๊อปคอยอยู่ข้างๆ (โอเค งั้นฉันจะรอนะ รีบมาล่ะ) ว่าจบปลายสายก็วางทิ้งไป น้ำรินนั่งคิดไปถึงคำพูดของแฟรงค์เมื่อหลายวันก่อน เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมชายหนุ่มถึงพูดแบบนั้นกับเธอ "...ถ้าอยากรู้ ไปอยู่กับฉันสิ" คำพูดและแววตาของเขายังคงอยู่ในหัวของหญิงสาว น้ำรินถอนหายใจออกมาเบาๆ เธอหลับตาลงช้าๆ ในตอนนี้หญิงสาวอยากรู้เหลือเกินว่าพ่อของเธอทำงานให้มาเฟียคนนั้นจริงหรือ แล้วทำไมพ่อของเธอถึงถูกยิง เธอต้องหาคำตอบให้ได้ว่าพวกเขาทำงานอะไรกันแน่... @มหาลัย (คณะวิศวะ) น้ำรินขับรถเก๋งสีแดงเข้ามาจอดในโรงจอดรถข้างๆ คณะวิศวะที่เธอเรียนอยู่ ก่อนจะดับเครื่องยนต์แล้วลงจากรถ "น้ำริน!" เสียงทุ้มเรียกเธอดังขึ้น ขณะที่หญิงสาวกำลังจะเดินไปยังอาคารเรียน ทำให้เธอต้องหันกลับมามองตามเสียง แล้วก็ต้องระบายยิ้มออกมาบางๆ เมื่อคนที่ตะโกนเรียกเธอคือรุ่นพี่หนุ่มปี4 "สวัสดีค่ะพี่ริว" น้ำรินยกมือไหว้ทักทาย "รินดีขึ้นแล้วเหรอ สีหน้ายังดูเศร้าอยู่เลยนะ" น้ำรินเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะฝืนยิ้มออกมาอีกครั้ง รอยยิ้มของหญิงสาวทำให้หัวใจคนตรงหน้าเต้นแรงระรัว ถึงแม้จะเป็นรอยยิ้มที่มีความโศกเศร้าอยู่บ้างก็ตาม "รินโอเคแล้วค่ะ" น้ำรินเอ่ยบอกเสียงเรียบ ทำให้รุ่นพี่หนุ่มตรงหน้ารู้สึกดีตามไปด้วย "พี่ขอโทษนะที่ไม่ได้ไปร่วมงานศพเลย" ริวบอกเพราะเขารู้จักกับพ่อของน้ำรินอยู่บ้าง "ไม่เป็นไรเลยค่ะ ขอบคุณพี่มากนะคะ" "แล้วนี่รินจะทำอะไรต่อไปเหรอ" "...รินว่าจะเรียนไปและดูแลร้านคาเฟ่ที่พ่อลงทุนไว้ให้ค่ะ" น้ำรินบอก ร้านคาเฟ่ตั้งอยู่ข้างๆ มหาลัยของเธอ เป็นร้านที่พ่อของเธอได้ทำการลงทุนเปิดร้านให้กับหญิงสาวเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อตอนที่เธอมีอายุ18ปี ตอนนั้นน้ำรินชอบบรรยากาศในร้านคาเฟ่แห่งหนึ่งมาก เธอจึงขอผู้เป็นพ่อเปิดร้านให้ และพ่อของเธอก็ได้ลงทุนให้ในวันเกิด "ดีแล้วล่ะ งั้นเดี๋ยวพี่จะไปอุดหนุนร้านรินทุกวันเลยดีไหม" ริวบอกยิ้มๆ ทำให้หญิงสาวหัวเราะออกมาเบาๆ มันทำให้เขาสบายใจขึ้นมากที่ยังเป็นเธอยิ้มหัวเราะได้บ้าง "ขอบคุณนะคะ เอ่อ..ถ้าไม่มีอะไรแล้ว รินขอตัวไปเรียนก่อนนะคะ เดี๋ยวสาย" "อ๋อ โอเคครับ พี่ก็จะไปแล้วเหมือนกัน" ว่าแล้วมือหนาก็ยกขึ้นมาขยี้ผมบางอย่างเอ็นดูและให้กำลังใจเธอ ก่อนที่ทั้งสองจะแยกทางกันไปยังอาคารเรียนของตัวเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD