ใยบัว
ฉันเดินเข้าบ้านมาในเวลาเย็นของวันก่อนเท้าจะชะงักไปเมื่อเห็นหน้าบ้านมีรถจอดอยู่หลายคัน แล้วถ้าเป็นปกติฉันอาจจะหลบอยู่แถวนี้เพื่อรอดูสถานการณ์ไปก่อน แต่นี่มันหลายคันเกินไป ฉันจะแอบอยู่ตรงนี้ไม่ได้ ไม่รู้ว่าข้างในตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
ฉันเดินแอบๆเข้ามาในบริเวณบ้านตัวเอง ก่อนจะไปด้านหลังแล้วเข้าประตูหลังบ้านมาและไม่ลืมหยิบอะไรติดมือมาด้วย อย่างน้อยก็เผื่อยามฉุกเฉินนั่นแหละ
“ถ้าคุณปราบต้องการแบบนั้นทางเราไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ” เสียงพ่อเลี้ยงของฉันพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี จนฉันอดขมวดคิ้วแปลกใจไม่ได้ พวกเขาไม่ใช่เจ้าหนี้หรอ ทำไมถึงได้ฟังน้ำเสียงแล้วอารมณ์ดีแบบนั้นล่ะ
“แต่...” เสียงของแม่ฉันดังขึ้นก่อนจะเงียบไป
“มีปัญหา?” แล้วเสียงผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันไม่เคยได้ยินก็ดังขึ้น
“ไม่หรอกครับ ภรรยาผมเขาไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน” เป็นพ่อเลี้ยงฉันตอบกลับออกไปด้วยน้ำเสียงประจบประแจงเหมือนเดิม แต่มันเรื่องอะไรกันทำไมพ่อเลี้ยงฉันถึงได้ดูอารมณ์ดี ส่วนแม่ฉันถึงได้เงียบแบบนี้ หรือว่าพวกนี้มันกำลังบังคับอะไรแม่ฉัน
“แม่” ฉันเดินออกจากครัวแล้วเรียกแม่ขึ้นทันทีทำให้ทุกคนหันมามองที่ฉัน แต่ฉันโฟกัสแค่แม่ที่ตอนนี้สีหน้าตกตะลึงเหมือนกับตกใจกับอะไรสักอย่าง
“ทำไมวันนี้กลับเร็วล่ะบัว” แม่ลุกมาหาฉันแล้วถามขึ้น แต่ทำไมแม่ดูแปลกๆนะ
“วันนี้บัวไม่ได้อยู่ทำโอ” เพราะที่ร้านฉันปิดดึก แต่จะแบ่งกันว่าวันไหนใครจะอยู่โอจนร้านปิด
“ระ...หรอ” แม่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่แปลกไป
“แม่เป็นอะไรหรือเปล่า มีใครทำอะไรแม่” ฉันถามแม่ก่อนจะหันไปมองพ่อเลี้ยงฉันและผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังจ้องมองฉันอยู่ด้วยรอยยิ้มร้ายๆ แต่มันกลับทำให้ฉันรู้สึกไม่ชอบหน้าเขาเลยสักนิด ถึงแม้ว่าเขาจะดูหล่อมากๆ แต่กลับทำตัวเหมือนคนเลวยังไงก็ไม่รู้
“นี่ลูกสาวคุณใช่ไหม” แล้วเสียงผู้ชายคนนั้นก็ดังขึ้นโดยไม่ละสายตาไปจากฉัน
“ใช่ครับ นี่ใยบัวลูกสาวของผมกับกชเอง...” พ่อเลี้ยงฉันตอบกลับ ถึงแม้ว่าฉันไม่ยอมรับว่าฉันเป็นลูกสาวนายนี่ แต่ฉันก็ขี้เกียจเถียงออกไปต่อหน้าคนอื่น
“กชพาลูกมานี่สิ” แล้วพ่อเลี้ยงฉันก็พูดขึ้นอีก ฉันเลยหันกลับมามองหน้าแม่อีกครั้ง และแม่ก็ยังสีหน้าไม่สู้ดีอยู่เหมือนเดิม
“แม่เป็นอะไร บอกบัวสิ” ฉันถามแม่ออกไปทันที พวกนี้มันทำอะไรแม่ฉันกันแน่ ทำไมแม่ฉันถึงได้สีหน้าไม่ดีแบบนี้ล่ะ
“กช” แล้วเสียงพ่อเลี้ยงฉันก็ดังขึ้นอีกครั้งและเหมือนจะแข็งกว่าเดิม
“ไปรู้จักคุณกองปราบหน่อยนะลูก” แม่ฉันพูดก่อนจะจูงมือฉันเดินไปทางโซฟาที่ทุกคนกำลังนั่งอยู่
“ไหว้คุณปราบสิบัว” แล้วพ่อเลี้ยงฉันก็พูดขึ้นเมื่อฉันเดินมาถึงที่พวกเขานั่งอยู่
ฉันยกมือไหว้ผู้ชายคนนั้นไปนิ่งๆอย่างไม่ไว้ใจ แต่ที่ฉันไหว้เพราะฉันยังไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร มีความสำคัญยังไง ถึงแม้ว่าหน้าตาเขาจะดูร้ายก็เถอะ แต่เผื่อเขาเป็นแขกที่มาทำเรื่องดีๆแล้วฉันเสียมารยาทไปจะแย่
“ตัวจริงสวยกว่าที่คิดอีกนะ มีแฟนหรือยังล่ะ” ผู้ชายคนนั้นเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มเหมือนพอใจ สายตาก็ยังคงจับจ้องฉันไม่เปลี่ยน มุมปากยังคงยกยิ้มขึ้นอยู่เหมือนเดิม
“เรื่องส่วนตัวค่ะ” ฉันตอบกลับเสียงห้วน แต่คนไม่รู้จักกันมาพูดแบบนี้ใครจะชอบกันล่ะ
“หึ” แต่เขากลับไม่รู้สึกหน้าเสียสักนิด กลับสบทขำขึ้นเหมือนเป็นเรื่องปกติ
“เอ่อ อย่าถือสาแกเลยนะครับ แกยังเด็ก” พ่อเลี้ยงฉันพูดขึ้นเหมือนกลัวและเกรงใจ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วบัวขอตัวนะแม่” ฉันไม่อยากสนใจคนอื่นๆ แต่เลือกจะหันไปบอกแม่แล้วจะเดินออกจากห้อง
“อยู่ก่อนนะบัว” แม่ฉันจับแขนฉันไว้แล้วพูดขึ้น
“อืม” ฉันตอบกลับ ถึงแม้ว่าไม่อยากอยู่เท่าไหร่แต่เห็นสีหน้าไม่สู้ดีของแม่แล้วฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“เรียนใกล้จบแล้วใช่ไหม” แล้วอยู่ๆผู้ชายคนนั้นก็ถามฉันขึ้น
“.....” ฉันไม่ได้ตอบแต่จ้องมองหน้าเขาด้วยความไม่ไว้ใจทันที เขารู้เรื่องของฉันได้ยังไง ต่อให้พ่อเลี้ยงหรือแม่ฉันบอกก็ตาม แต่มีเหตุผลอะไรที่ต้องรู้เรื่องของฉันด้วย
“อย่าเสียมารยาทกับคุณปราบสิบัว” พ่อเลี้ยงฉันพูดขึ้นอย่างเก้อๆ
“เธอรู้ไหมว่าพ่อแม่เธอติดหนี้ฉันอยู่ห้าล้าน ไม่รวมดอก” แล้วอยู่ๆผู้ชายคนนั้นก็พูดขึ้น แล้วมันก็ทำให้ฉันรู้ว่าผู้ชายตรงหน้านี้ที่แท้แล้วก็คือเจ้าหนี้นี่เองสินะ
แต่เดี๋ยวนะ ห้าล้านไม่รวมดอกหรอ นี่พ่อเลี้ยงกับแม่ฉันไปเล่นจนติดหนี้ขนาดนี้เลยหรอ ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ ที่ผ่านๆมาฉันคิดว่ามากสุดก็แค่หลักแสน ฉันไม่เคยคิดว่าจะถึงล้าน และไม่คิดว่าจะถึงห้าล้านด้วย
“แม่!” ฉันหันไปเรียกแม่ขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ และต้องการคำตอบจากแม่ว่าที่ผู้ชายคนนั้นพูดเป็นเรื่องจริงแค่ไหน
“แม่ขอโทษ” แม่ก้มหน้าแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดต่างจากทุกครั้ง
“แล้วตอนนี้พ่อแม่เธอก็ค้างจ่ายฉันมาหลายงวดแล้ว ถ้าให้ฉันคิดเฉพาะดอกรวมกับค่าติดตามเฉพาะงวดที่พ่อแม่เธอค้าง รวมๆแล้วก็ประมาณ...” ผู้ชายคนนั้นพูดออกมาด้วยความใจเย็นก่อนจะทำท่าคิด แล้วพูดต่อ
“สามแสน”
“สามแสน!” นี่แม่ฉันค้างจ่ายกี่งวด แล้วเขาบอกว่าแค่ค่าดอกเบี้ยกับค่าติดตามอย่างนั้นหรอ
“ใช่ สามแสน ที่พ่อแม่เธอต้องจ่ายให้ฉันวันนี้” เขาพูดขึ้นด้วยความใจเย็นเหมือนเดิม
“มันไม่มากไปหน่อยหรอ หนี้นอกระบบคิดดอกก็แพงกว่าที่กฏหมายกำหนด แล้วยังกล้ามาคิดค่าติดตามอีกหรอ” คิดว่าตัวเองเป็นธนาคารหรือไงที่มีค่าติดตาม แต่อย่างน้อยดอกธนาคารก็ไม่บานเหมือนกับดอกนอกระบบแบบนี้ไหมล่ะ
“พ่อเธอไม่จ่ายเองเธอจะโทษใครได้ ลูกน้องฉันมาทวงก็ต้องเสียเวลาเสียค่าน้ำมันเสียค่าโทรศัพท์ มันก็ต้องมีค่าติดตามกันอยู่แล้วสาวน้อย” คนตรงหน้าพูดด้วยรอยยิ้มกว้างกว่าเดิม แต่ทำไมเขาถึงทำเหมือนกับเรื่องนี้เป็นเรื่องน่าขำนักละ
“ตอนนี้ฉันไม่มี ถ้าอยากได้ก็รอไปก่อน ถ้ามีเมื่อไหร่ฉันจะรีบคืนให้” ฉันตอบออกไปตามตรง ก็ตอนนี้ฉันไม่มีเงินขนาดนั้นนี่ ฉันมีติดบัญชีไม่ถึงสามหมื่นด้วยซ้ำ แล้วครึ่งหนึ่งก็ค่าเทอมที่จะเปิดอีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้านี้แล้ว
“ผลัดไปอีก ดอกเบี้ยก็ขึ้นไปอีกนะ” เขาพูดอย่างใจเย็นออกมา แต่สายตาเขากลับไม่ได้รู้สึกว่าเขาใจเย็นเลยสักนิด
“แล้วคุณจะให้พวกเราทำยังไง ไม่มีก็คือไม่มี ต่อให้คุณจะยิงพวกเราทิ้งก็ไม่ได้เงินหรอกนะ แถมไม่ได้ทั้งต้นทั้งดอกด้วย” ฉันไม่ได้ท้าเขานะ แต่ฉันแค่พูดไปตามที่เป็น อย่างน้อยถ้าเขาให้โอกาสและเวลา เขาก็ยังได้เงินดอกเรื่อยๆ แต่ถ้าเขาฆ่าพวกฉันทิ้งนอกจากต้นไม่ได้แล้ว ดอกสักบาทก็ไม่ได้
“หึ ช่างพูดดีนี่ แต่มันมีวิธีที่ง่ายมากแลกกับเงินสามแสน” เขาสบทขำขึ้นก่อนจะพูดขึ้น
“อะไร!” ฉันถามออกไปอย่างไม่ใจเขามากกว่าเดิม ก็ดูสายตาเขาสิ มันไม่น่าไว้ใจเลยตั้งแต่แรกเห็น
“เธอก็แค่มาขัดดอกแทนพ่อกับแม่เธอไง”
“ไม่มีทาง!” ฉันลุกขึ้นปฏิเสธออกไปเสียงแข็งทันทีก่อนจะเดินออกจากห้องนั้นขึ้นห้องตัวเองไป ให้ตายก็ไม่มีทางทำเด็ดขาด ทำไมฉันต้องเอาตัวไปแลกกับดอกเบี้ยบ้าๆนั่นด้วย แล้วอีกอย่างนอกจากเสียศักดิ์ศรีแล้วหนี้ก็ไม่หมด ใช้ได้แค่ดอกให้เขาส่วนหนึ่งก็เท่านั้นเอง และสุดท้ายฉันก็ยังต้องหาเงินไปใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อจนไม่รู้ว่าชาตินี้จะหมดหรือเปล่า