บทที่ 6 งานแถลงข่าว
ไส้เทียนนั่งมองนาฬิกาอยู่ในคาเฟ่คนเดียว เพราะจู่ ๆ พี่ชายก็ขอตัวไปข้างนอกสักพัก คงมีธุระด่วน เขาเลื่อนโทรศัพท์เพื่อดูข่าวสารของเอก และรู้สาเหตุแล้วว่าทำไมเอกถึงยังมาเดินเล่นอย่างสบายใจได้ ก็เพราะฝ่ายนั้นเลื่อนการสัมภาษณ์เป็นช่วงบ่ายโมงตรง และตอนนี้ก็ถึงเวลานั้นแล้ว เขาเปิดรายการถ่ายทอดสดพร้อมกับกินขนมเค้กไปด้วย
บนโต๊ะสัมภาษณ์มีไมค์ของสำนักข่าวมากมายวางเรียงราย เอกนั่งทำหน้าเศร้า ใบหน้าน่ารักเต็มไปด้วยน้ำตา ทำให้ดูเปราะบาง และน่าเอ็นดูจนหัวใจของหลาย ๆ คนหวั่นไหว
'เรื่องข่าวลือผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อย แต่ทุกคนก็คงเห็นงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ผมกับดินแดน เรารักกันจริง ส่วนคนในรูปหลุดเป็นเพียงแฟนเก่าเท่านั้น'
เสียงเอกอธิบายพร้อมกับใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตา ดูราวกับกำลังกลั้นเพื่อไม่ให้ร้องไห้โฮออกมา นั่นยิ่งทำให้แฟนคลับเจ็บปวดใจ และคับแค้นคนที่กล้าปล่อยข่าวมั่วมา
คอมเมนต์ออนไลน์วิ่งอย่างรวดเร็ว แฟนคลับต่างเข้ามาให้กำลังใจไม่ขาดสายจนอ่านไม่ทัน
'ถ้าเป็นเพียงแฟนเก่า ทำไมถึงยังมีภาพหลุดล่ะครับ'
นักข่าวชายจากสำนักข่าวชื่อดังเอ่ยถามตรงประเด็น เอกไม่ได้มีท่าทีชะงักแต่อย่างใด กลับสะอื้นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบเสียงสั่น
'ถึงพี่ดินแดนจะบอกเลิกเขาไปแล้ว แต่เขาก็ยังตามติด แถมยังขู่สารพัดว่าถ้าไม่ออกไปด้วยจะฆ่าตัวตาย ผมกับแฟนเป็นห่วงมากก็เลยไม่ได้จัดการแบบเด็ดขาด'
เอกสะอื้นด้วยท่าทีราวกับกำลังจะแตกสลาย ยิ่งทำให้นักข่าว และแฟนคลับที่กำลังดูถ่ายทอดสดรู้สึกสงสารอย่างถึงที่สุด
ฆ่าตัวตาย? เขาไปพูดเรื่องบ้าบอพรรค์นั้นตั้งแต่ตอนไหน สกิลมโนแล้วก็สกิลการแสดงนี่สมกับเป็นดาราจริง ๆ แค่พูดเสียงหวานแล้วก็ร้องไห้สามารถซื้อใจของนักข่าว และแฟนคลับได้อย่างง่ายดาย
พอเอกแสดงท่าทีน่าสงสารออกมา นักข่าวก็ไม่ค่อยกล้าถามอะไรอีก ที่เหลือเป็นการถามคำถามทั่วไป จึงทำให้การถ่ายทอดสดจบลงอย่างรวดเร็ว
กระแสที่ตีกลับมาทางไส้เทียนค่อนข้างรุนแรง แฟนคลับต่างขุดคุ้ยประวัติของไส้เทียน แถมยังมาโจมตีคอมเมนต์ในโพสต์ของเขาที่ส่วนมากจะเป็นโพสต์เก่า ๆ ที่ไส้เทียนตัวจริงโพสต์ไว้นานแล้ว เมื่อฟังจากสัมภาษณ์แม้ว่าไส้เทียนจะคบกับดินแดนมาก่อน แต่ในเมื่อทั้งคู่เลิกกันแล้วถือว่าเอกไม่ได้มีความผิดอะไร ถึงแฟนคลับของเอกจะค้นไปเจอรูปคู่เก่า ๆ ก็ไม่สงสัย แถมยังด่าถึงโคตรตระกูล
ถึงเขาจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องนิยาย แต่ดูเหมือนจุดจบจะยังเหมือนเดิม
ไส้เทียนในนิยายถูกด่าเพราะว่าไปตบกับเอก พร้อมตะโกนด่าโดยที่ไม่เกรงกลัวใครจะเห็น ผลสุดท้ายก็ถูกแฟนคลับของเอกตามมาราวีทั้งในออนไลน์และชีวิตจริง แต่มันแตกต่างตรงที่ว่าถ้าเป็นเอกในนิยายคงจะกรีดร้องด้วยความเจ็บใจ
ส่วนเขาน่ะเหรอ หึ ขำมากกว่า เขาขอชมในความหน้าด้านหน้าทนของเอกจริง ๆ
ขอบคุณแฟนคลับทุกคนที่มาให้กำลังใจในไลฟ์สดนะครับ ทุกคนอย่าได้โกรธ ท เลย มันเป็นความผิดของผมที่มาทีหลังเอง
ถูกใจ 500K คอมเมนต์ 20K
: โอ๋ ลูกชายแม่อย่าร้องไห้ หนูไม่ผิด
: อย่าไปสนใจเลย ท มันคงเรียกร้องความสนใจหวังเกาะกระแสดัง
: ก็เป็นแค่แฟนเก่าไหม เลิกกันไปแล้วมีใหม่ แล้วมันจะผิดตรงไหน
: หนูเอกของพี่ อย่าไปสนใจมันเลย มันคงอิจฉา
ไส้เทียนเลื่อนอ่านคอมเมนต์มากมาย ส่วนมากเป็นคอมเมนต์ให้กำลังใจ มีเพียงส่วนน้อยจริงๆ ที่จะมีความเห็นแตกต่าง และความเห็นแตกต่างพวกนั้นก็ถูกแฟนคลับของเอกโจมตีด้วยคำพูดหยาบคาย
"เฮ้อ ดีนะที่ผ่านไปได้ด้วยดี"
ผู้จัดการเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีเหนื่อยล้า คงไม่มีอะไรน่าเครียดไปกว่าเรื่องนี้อีกแล้ว แม้ว่าวันนี้จะผ่านไปได้ด้วยดี แต่ไม่มีอะไรยืนยันว่าในอนาคตมันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีก เขามองเอกที่กำลังนั่งเล่นเกมอย่างสบายใจราวกับไม่ได้รู้สึกเคร่งเครียด
"เอก ถ้าเกิดนายไส้เทียนมันกลับมาหาเรื่องอีกรอบ นายจะทำยังไง"
"มันทำอะไรผมไม่ได้หรอกพี่ ผมมีเส้นสายเยอะกว่ามัน ถ้าหากมันลงข่าวอะไรก็แค่ลบไปให้ไวก็เท่านั้นเอง มันตัวคนเดียวจะทำอะไรได้ แถมจนอีกด้วย"
เอกตอบทั้งที่ยังเล่นโทรศัพท์อยู่ คนเป็นผู้จัดการทำได้แค่ถอนหายใจ ช่วงนี้รู้สึกเหมือนชีวิตตัวเองติดอยู่ที่ขอบเหว หากทำอะไรผิดพลาดเพียงนิดเดียวคงจะทำให้ชีวิตจบสิ้นอย่างง่ายดาย
ประเด็นร้อนในตอนนี้ทำให้หลายคนในร้านแอบมองไส้เทียน แม้จะเป็นการแอบมอง แต่เขาก็รับรู้ได้
คนพวกนี้มันไม่รู้จักคำว่ามารยาทกันหรือยังไง น่ารำคาญจริงๆ
ร้านหนังสืออยู่ตรงข้ามกับร้านคาเฟ่ทำให้มองเห็นกันได้ชัดเจน สิบยืนนิ่ง พยายามทำตัวเองให้ดูไร้ตัวตนมากที่สุด
เขาไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น!
"สิบ นายว่าตอนนี้ไส้เทียนยังรักไอ้ผู้ชายคนนั้นอยู่ไหม"
กองทัพพูดถึงดินแดน แม้ว่าไส้เทียนจะทำท่าทีเย็นชา แต่บางทีในใจส่วนลึกอาจจะยังคงลังเลอยู่ก็เป็นได้
"ผมไม่ทราบครับ อาจจะรักหรือเลิกรักแล้วก็ได้"
สิบเอ่ยขึ้น หากเป็นเวลาปกติ หลังคุยงานกับลูกค้าเสร็จผู้เป็นนายต้องตรงกลับไปที่บริษัท หรือไม่ก็กลับบ้าน แต่วันนี้เอ้อระเหยลอยชายอยู่ภายในห้างมาเกือบชั่วโมงแล้ว แม้ว่ามือจะจับหนังสือ แต่สายตาก็มองไปที่ร่างเพรียวที่นั่งอยู่ในร้านคาเฟ่
"ตอนที่อยู่ในห้องน้ำฉันไม่น่าไปหาเรื่องเลย น่าจะพูดด้วยดี ๆ แต่ฉันก็พยายามพูดดี ๆ ที่สุดแล้วนะ"
กองทัพถอนหายใจ ตอนแรกเขาคิดว่าจะไปทักทายเล็กน้อยตามประสาคนรู้จักเฉย ๆ
"ครับ" สิบตอบรับราวกับไม่รู้จะพูดอะไรต่อไป
"นายน่าจะบอกฉันเร็วกว่านี้ว่าผู้ชายที่เดินข้างกันเป็นพี่ชายแท้ ๆ เหอะ แต่ถึงจะเป็นพี่แท้ ๆ ก็ไม่มีสิทธิ์ไปเบียดเสียดขนาดนั้น แถมยังเกาะแขนด้วย"
กองทัพหงุดหงิดขึ้นมาเมื่อคิดว่าร่างเพรียวเดินเบียดเสียดกับคนอื่น แถมยังยิ้มให้อย่างน่ารัก ทั้งที่พอเจอกับตัวเองทีไรก็มีแต่ทำร้ายร่างกาย แถมยังมองด้วยสายตาเย็นชา!
"คุณกัปตันเองก็อยู่ในวงธุรกิจ หากสังเกตก็จะเห็นว่านามสกุลของทั้งคู่เหมือนกัน"
สิบเอ่ย แม้ว่าตนเองจะสืบประวัติมาแล้ว แต่ก็เป็นประวัติของไส้เทียนเป็นส่วนมาก ประวัติของครอบครัวมีเพียงชื่อกับรายละเอียดเล็กน้อย แถมเจ้านายยังไม่อ่านรายละเอียดตรงนั้นด้วย อ่านแต่ของคุณไส้เทียน สนใจแต่คุณไส้เทียน แต่พอเกิดเรื่องกลับโทษเขาเป็นคนแรก เหนื่อยใจจริง ๆ ทั้งที่ผู้เป็นนายอายุเลข 3 แล้ว กลับทำตัวราวกับเด็กวัยรุ่นที่หัดรักคนอื่นเป็นครั้งแรก
"ดูเหมือนตอนนี้คุณไส้เทียนกำลังมีปัญหากับดาราหน้าใหม่คนนั้น เป็นกระแสในโลกออนไลน์มากเลยครับ"
กองทัพได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้ว แม้จะไม่รู้ว่าสุดท้ายใครจะเป็นคนผิด แต่เขาไม่ชอบให้เด็กของเขามีข่าวลือที่ไม่ดี
อื้ม... เด็กของเขา ทำไมเขาถึงชอบคำนี้จังเลยนะ
สิบมองผู้เป็นนายที่ทำหน้าประหลาดราวกับกำลังมีความสุข แต่ไหงให้ความรู้สึกเหมือนตาแก่โรคจิตที่กำลังจะวางแผนล่อลวงเด็กน้อย
"นายไปหาข้อมูลธุรกิจของนายดินแดนมาหน่อยซิ ทำให้ธุรกิจของมันสูญเสียกำไรสักสองสามร้อยล้านคงไม่มีปัญหาอะไร"
กองทัพกระตุกยิ้มราวกับกำลังทำเรื่องสนุก หากในอนาคตไส้เทียนรู้ว่าเขาเป็นคนทำให้ธุรกิจของดินแดนสั่นไหวต้องมีความสุขแน่
ภาพในจินตนาการ
'เสี่ยครับ... ผมขอบคุณจริง ๆ ถ้าหากไม่ได้คุณช่วยผมคงไม่สามารถจัดการเรื่องราวได้ดีขนาดนี้'
ใบหน้างดงามส่งยิ้มมาให้ ผิวขาวกระจ่างราวกับหลอดไฟนีออน
'อา...'
'ไหน ๆ เสี่ยก็ช่วยผมแล้ว... ให้ผมตอบแทนนะครับ' ร่างเปลือยเปล่าโน้มตัวลงมาใกล้ ทั้งคู่สบสายตากัน
"หึหึ" กองทัพหัวเราะเบา ๆ มองไปที่ไส้เทียน
"เป็นอะไรนะ อยู่ๆ ก็ขนลุกเหมือนมีคนโรคจิตกำลังมองอยู่เลย"
ไส้เทียนมองไปรอบๆ ด้วยความไม่สบายใจ แต่ก็ไม่มีใครส่งสายตาแบบนั้นมาให้ หรือว่าเพราะคนรอบ ๆ หันมามอง เขาเลยรู้สึกไปเอง ทุกคนคงสนใจกับข่าวในโลกออนไลน์ แถมหน้าของเขาก็ไม่ได้ถูกเบลอด้วยเรียกได้ว่าแฟนคลับของเอกจัดหนักจัดเต็มไม่ให้ไส้เทียนได้ผุดได้เกิดเลย
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ผู้เป็นพี่ก็เดินกลับมาด้วยท่าทีเคร่งเครียด
"น้องจะกลับเลยไหมเดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้าน พอดีพี่มีงานด่วน เฮ้อ ทั้งที่จะมาเที่ยวเล่นกับน้องแท้ ๆ"
เห็นสีหน้าของพี่ชายไส้เทียนก็พอเดาได้ว่ามันต้องเป็นงานที่สำคัญมาก ๆ ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายคงไม่มีท่าทีร้อนรนขนาดนี้
"ไม่เป็นไรครับ พี่ไปทำงานเถอะ เดี๋ยวผมกลับเองพี่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปที่บ้านก่อน"
พอเห็นน้องชายส่งยิ้มน่ารักให้ ใจของกัปตันก็เจ็บจี๊ด ทำไมน้องชายของเขาถึงได้น่ารักขนาดนี้
"ครับ พี่ไปก่อนนะ อันนี้พี่ให้ไว้ใช้เดินเที่ยว" กัปตันลูบหัวน้องชายก่อนจะวางบัตรสีทองไว้ แค่มองบัตรก็รับรู้ว่ามันมีมูลค่ามหาศาล
"ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ ไม่ต้องคิดมาก"
กัปตันถอนหายใจ ถึงจะเสียดายมากขนาดไหน แต่งานที่เข้ามาก็เร่งด่วนจริง ๆ ในอนาคตเขาคงต้องเคลียร์งานแล้วหาโอกาสไปเที่ยวกับน้องชายบ้าง
หลังจากเอ่ยลาน้องเสร็จ กัปตันก็เดินออกจากร้าน
"เฮ้อ เราเองก็ไปดีกว่า"
เค้กที่สั่งมาหมดพอดี ไส้เทียนลุกขึ้น คิดว่าจะเดินเล่นสักสองชั่วโมงก่อนกลับ
----
ตาแก่โรคจิตสินะ55555