บทนำ-2 คุณลุงเกเตอร์

1357 Words
นั่นคงเป็นเรื่องราวที่ยากเกินไปสำหรับเด็กวัยสี่ขวบ เธอจำได้ว่าแม่เคยบอกเรื่องก้อนหินว่ามันพูดไม่ได้ ‘เข้ามานี่ซิอีหนู... เข้ามาใกล้ ๆ มาคุยกับลุงตรงนี้ไม่ต้องกลัว’ หนูน้อยพยายามรวบรวมความกล้าหาญอย่างถึงที่สุด เกือบจะก้าวเข้าไป ก่อนนึกขึ้นได้ว่าแอบหนีคุณพ่อคุณแม่มา... “มัมต้องดุหนูแน่เลยค่ะ หนูไปตามมัมกับแด๊ดมาด้วยดีกว่า นั่งคุยกันหลายคนสบายใจ” ‘เป็นเด็กฉลาดดี แต่ถ้าไม่เดินมาลุงว่าจะไปแล้วนะ หนูคงอดเห็นของดีแล้วล่ะ’ ดวงตาคู่สวยกลอกไปมา ในที่สุดเธอก็เดินไปตามคำล่อหลอกของตัวอะไรสักอย่างด้วยความไร้เดียงสา “จระเข้!” หนูน้อยเบิกตากว้าง ยกมือป้องปาก ตุ๊กตาหล่นตุบ! สองขาก้าวถอยครูดด้วยความตกใจ ทว่าพอได้ยิน... ‘ไม่ใช่จระเข้ ดูให้ดี ๆ จระเข้ที่ไหน’ “ไม่ใช่จระเข้แล้วตัวอะไร!” ‘ แอลลิเกเตอร์ [alligator] มาจากภาษาสเปน ‘Lagarto’ หมายถึงสัตว์เลื้อยคลาน ตัวนี้ปากเป็นโค้งทรงรูปตัวยู ไม่ใช่เจ้าตัวปากแหลม ต่างกัน... อันนั้นถึงเรียกว่าจระเข้ ดุร้ายกว่า พบในเอเชีย ส่วนแอลลิเกเตอร์จะพบในจีนและอเมริกา’ เด็กสาวมีสีหน้างุนงง แต่ไม่เลือกที่จะวิ่งหนี เธอแค่รู้สึกไม่ปลอดภัยพอเห็นว่าจระเข้ไม่เหมือนในการ์ตูนน่ารัก เหมือนในจินตนาการของเธอ “ตกลง... คุณลุงเป็นแอลลิเกเตอร์เหรอคะ?” ‘ไม่เชิงว่าใช่... อาจไม่ใช่ทั้งสองอย่าง...’ “แล้วเป็นตัวอะไรคะ?” ก็เคยเป็นมนุษย์ตัวเล็ก ๆ ขี้สงสัยอย่างหนูนี่แหละ แต่ตอนนี้จะเรียกลุงว่าเกเตอร์ก็ได้ “ทำไมคุณลุงพูดได้ล่ะ?” ‘เข้ามาใกล้ ๆ ลุงอีกนิดสิ เดี๋ยวลุงจะบอก...’ “แมรี่!” เสียงตวาดของแม่ดังขึ้นอย่างรวดเร็วเท่ากับสองแขนที่วาดคว้าตัวลูกสาวขึ้นอุ้ม โอบร่างเล็กจิ๋วไว้แน่น ก่อนเงยหน้าว่าลูกสาว “หนูมาทำอะไรตรงนี้ลูก! มัมบอกแล้วนะว่าห้ามออกมาคนเดียว ไปไหนต้องไปด้วยกัน ที่นี่ไม่ใช่บ้านเรานะลูก” “หนูกำลังคุยกับคุณลุงเกเตอร์ค่ะแม่” “ไม่เห็นมี...” สิ้นคำเท่านั้น คุณแม่แทบเป็นลม! เมื่อเห็นบางอย่างในพุ่มหญ้า เร็วกว่าความคิด สาวร่างบางในกางเกงยีนทะมัดทะแมงรีบอุ้มลูกน้อยออกไปให้ไกลกว่าเดิม ในระยะที่วิ่งหนีทันหากเกิดเรื่องไม่คาดฝัน ก่อนตะโกนเรียกสามี “Alanaa!” เรียวแขนกว้างกอดรัดร่างเล็กแน่น ปากจูบหน้าผากลูกสาวซ้ำ ๆ พร้อมแววตาเอ่อคลอ นึกโทษโกรธตัวเองไม่หาย เพราะถ้าหากว่าเด็กน้อยแสนไร้เดียงสาเป็นอะไรไป นั่นคือความผิดของแม่คนเดียว! “ปริม! เจอแมรี่แล้วใช่ไหม...” คุณพ่อหน้าตาตื่นตระหนกหลังจากที่ลูกสาวเดินหายไปจึงช่วยกันตามหา เข้าไปกอดทั้งลูกเมียอย่างเป็นห่วง อีกฝ่ายก็ขอโทษเขาน้ำตาคลอว่าคลาดสายตาจากลูก ก่อนจะชะโงกคอมองเงาดำไกล ๆ “อะไรน่ะ?” “จระเข้ค่ะ มันตัวใหญ่มาก ปริมไม่เคยเห็นตัวใหญ่เท่านี้มาก่อนเลยนะ เรียกพี่ ๆ ไกด์มาด้วยมาเซลฟี่กัน พี่อลัน ๆ เรียกเขามาเร็ว” “มัม... คุณลุงบอกว่าเขาไม่ใช่จระเข้” เด็กน้อยขัดให้คุณแม่สงสัย เพราะจากตรงนี้คงมองไม่เห็นรายละเอียดชัดเจน คุณพ่อบอดี้การ์ดยืนข้างกันไม่ละวางตาจากเจ้าตัวใหญ่ในพุ่มหญ้า สองมือโอบลูกและภรรยาไว้ แน่นอนว่าถ้าเป็นเมืองไทยคงวิ่งป่าราบไปแล้ว แต่ที่นี่ผู้คนส่วนใหญ่พบจระเข้และแอลลิเกเตอร์เป็นประจำ ชาวเมืองท้องถิ่นก็ให้อาหารพวกมันจนอิ่มหนำสำราญ ที่นี่กลายเป็นเมืองท่องเที่ยว เขตป่าสงวนที่ผู้คนอยู่ร่วมกับธรรมชาติในเชิงอนุรักษ์ ทุกหย่อมหญ้าเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ มีสัตว์หายากให้เที่ยวชมเช่นเหยี่ยว ปลาโลมา ลิง งูอนาคอนด้า แม้แต่ปลาปิรันย่า หากว่าพวกเขาเจอตัวอะไรก็จะเรียกไกด์ เรียกพรรคพวกมาถ่ายรูปพวกมัน และถึงแม้ว่าพวกเขาจะใช้ชีวิตกับโปรแกรมทัวร์สุขสันต์ ผู้คนละแวกนี้จะช่วยกันสอดส่องดูแลนักท่องเที่ยวเสมือนคนในครอบครัว “พูดอะไรของลูกน่ะ? แม่รี่ ลูกรู้ได้ยังไงว่ามันไม่ใช่จระเข้” “แอลลิเกเตอร์ [alligator] มาจากภาษาสเปน ‘Lagarto’ หมายถึงสัตว์เลื้อยคลาน ตัวนี้ปากเป็นโค้งทรงรูปตัวยู ไม่ใช่เจ้าตัวปากแหลม คุณลุงเขาเป็นแอลลิเกเตอร์ค่ะ” “ปริม... ให้ลูกดูสารคดีสัตว์เหรอ?” “ไม่เคยค่ะสาบานได้เลย ปริมไม่ให้แกดูเลยนะ ให้โตกว่านี้ก่อน” แล้วคุณพ่อคุณแม่ก็ถกเถียงกันเรื่องสารคดี อะไรที่ไม่ให้ลูกดู รับปากว่าจะไม่ผิดคำพูดกัน ยิ่งเดินทางมาทัวร์แอมะซอนอย่างนี้ด้วยคงได้คุยกันยาว ‘อายุเท่าไรก็เหมือนกันนั่นแหละ จะมาสอนกันตอนโต ดีนะไม่โดนงาบเข้าไปน่ะ แหม... แต่ละคนดูชิลล์กันเหลือเกิน’ “คุณลุงจะกินหนูเป็นอาหารค่ำไหมคะ?” ‘เธอตัวเล็กนิดเดียว เขมือบเข้าไปไม่ถึงค่อนกระเพาะลุงหรอก ถ้าจะกิน... พ่อแม่เธอดูอร่อยกว่าเยอะ แต่ว่าลุงเป็นมังสะวิรัต ไม่ชอบบริโภคมนุษย์เท่าไร กินไก่ทอดกินป๊อปคอร์นอร่อยกว่า’ “คุณเกเตอร์กินป๊อปคอร์นด้วยหรือคะ?” ‘กิน... ชอบเลยล่ะ มันกรุบกรอบเคี้ยวมันดี น่าเสียดายที่ลิ้นลุงไม่รู้รส’ “พ่อหนูก็ชอบกินไก่ทอดค่ะลุง แต่ว่าพ่อหนูชอบออกกำลังกาย คุณพ่อหนูเป็นบอดี้การ์ดค่ะ หล่อล่ำบึ้ก! เห็นมะ” ‘อ้อ... นั่นพ่อแม่เธอหรือ? พูดภาษาไทย แปลว่าเป็นคนไทย ลูกครึ่ง? เป็นคนที่ไหนล่ะ’ “พ่อหนูชื่ออลัน แบรดฟอร์ด แม่หนูชื่อปริม หนูชื่อแมรี่ค่ะลุงเกเตอร์” เด็กน้อยพูดจ้อย ๆ จนคุณแม่ก้มหน้าลงตักเตือนว่า “ไม่เอานะแมรี่ ลูกไม่ควรจะคุยกับจระเข้ อย่าไปเข้าใกล้มันด้วย อยู่ไกล ๆ พอนะลูก มันไม่เหมือนที่หนูดูในการ์ตูนนะลูก เชื่อมัมนะคะ” “จริงด้วยลูก... คือแด๊ดว่าเรา... ไปตามคนอื่นมาเซลฟี่กับเจ้ายักษ์นี้ด้วยดีไหม? เอ่อ... มันตัวใหญ่จริง ๆ นะ” “ก็ได้ค่ะ บายนะคะลุงเกเตอร์ แด๊ดดี้บ่นแล้วค่ะ” ‘จัน... เรียกลุงจัน ลุงเป็นคนพิจิตร เมืองชาละวัน ไว้เจอกันน่ะ ออ... แถวนี้มีอีกตัวนะ กำลังหิวโซเชียวล่ะ บอกพ่อแม่เธอกับพวกที่นี่ด้วย มันคงไม่ใจดีเหมือนลุง มันลากลงน้ำไปขย้ำอย่างเดียวอีหนู’ “ขอบคุณค่ะลุงจัน ไว้หนูจะชวนแด๊ดกับมัมไปเที่ยวเมืองชาละวัน พิจิตรนะคะ” แมรี่เป็นเด็กความจำดีมาแต่ไหนแต่ไร แต่นั่นทำให้พ่อและแม่มองหน้ากันตกใจเป็นไก่ตาแตก เพราะไม่มีทางที่เด็กฝรั่ง นาน ๆ กลับกรุงเทพฯ จะรู้จักจังหวัดพิจิตร พอดีกับที่ฝูงชนคน หนูน้อยคงไม่ลืมเพื่อนใหม่ ส่งยิ้มกว้างแฉ่งเห็นไรฟันขาวครบทุกซี่ โบกมือบ๊ายบาย “Oh, Meu Deus![1]” [โอ้วว พระเจ้า!] ชายสูงวัยตาแทบถลนจากเบ้า จากการคาดเดาของคนชำนาญงาน เขาแน่ใจว่าแค่ลำตัวของมันอาจใหญ่เกือบสิบเมตร! ไม่ลืมหันไปบอกนักท่องเที่ยวให้ถอยออกไปอีก เพราะไม่เคยพบเอลิเกเตอร์ตัวใหญ่ขนาดนี้ ยังไม่มีใครที่นี่เคยเห็นมันมาก่อน หลายตัวที่มาขออาหารจากพวกเขา บางตัวมาทุกวันจนได้รับการตั้งชื่อ ซึ่งชาวบ้านคนท้องถิ่นจำมันได้ แนะนำเจ้าจระเข้ให้กับนักท่องเที่ยวอย่างคุ้นเคย น่าเสียดายที่เจ้าตัวหลงถิ่นสะบัดหางโอฬารหนีลงน้ำไปอย่างรวดเร็ว ‘ฝันไปเถอะ ไม่ให้เซลฟี่หรอกชิส์!’ [1] ภาษาโปรตุเกส ภาษาท้องถิ่นของบราซิล , คำอุทาน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD