“เดี๋ยวไปส่ง”
“ไม่เป็นไร เวลางานเดี๋ยวโดนเฮียด่า”
“ระหว่างไปส่งเธอแล้วโดนเฮียด่า กับปล่อยให้คนไม่สบายกลับเองทั้งที่มีปัญญาไปส่งได้ เธอคิดว่าฉันจะเลือกอะไร”
“แต่...”
“ไปได้แล้ว ฉันจะส่งแค่แป๊บเดียวจะโดนด่าก็ช่างแม่งเถอะ ดีกว่าปล่อยให้เธอกลับเองแล้วกัน”
“...แล้วใครบอกมึงว่ากูจะให้กลับเองไอ้ทิว”
“เฮียจะไปส่งรึไงครับ”
“แล้วมึงเสือกอะไรด้วย มึงไม่มีงานทำเหรอ” เขามาจากไหนไม่รู้ไม่ได้สังเกต รู้แค่อารมณ์ไม่ดี
ธรรมดาค่ะ ใครขัดคอก็แบบนี้ล่ะ
“มี”
“มีก็ไปทำ”
“...” ทิวไม่ตอบไม่ไปตามคำสั่งด้วยแต่ยืนจ้องหน้าสบตากับเขา
“ไอ้ทิว ๆ มาช่วยกูทางนี้เร็ว” พี่ในร้านคงเห็นท่าไม่ดีเลยตะโกนเรียกทิว แต่ไม่มีท่าทีว่าสองคนนี้จะหยุดมองกันเลย
“ทิว” ฉันช่วยเรียกอีกแรง แต่ก็เหมือนเดิม
“มึงมีไรวะ?” เสียงเจ้าของผับถามขึ้น เสียงเย็นยะเยือกจนทั่วบริเวณนี้เงียบไปหมด
“ทิว พี่เป๊กเรียกแล้ว” ฉันพูดอีกครั้งเพราะไม่อยากให้ทิวมีเรื่องกับเจ้านาย ไม่งั้นตกงานแน่เขาไม่ปล่อยไว้หรอก แค่นี้จะรอดหรือเปล่ายังไม่รู้เลย
“...หึ!” ทิวเงียบแล้วแค่นเสียงใส่เขาก่อนจะเดินไป แล้วบริเวณนี้ก็ไม่มีใครกล้ายืนอยู่ต่อนอกจากฉันกับเจ้าของผับ
“แก้มกำลังจะกลับ สวัสดีค่ะ”
“ให้ไอ้ฮัทไปส่ง”
“ไม่เป็นไรเฮียแก้มกลับเองได้”
“กลับเองให้คนในร้านมันนินทาเจ้านายมันว่าไม่ดูแลเด็กในร้านงั้นเหรอวะ?” หึ! ไม่ทันแล้วมั้งที่จะมาห่วงหน้าตาตัวเอง
“โอเคค่ะ” ไม่อยากคุยเยอะ ให้พี่ฮัทไปส่งก็ได้เพราะยังวูบอยู่เหมือนกัน ขอแค่ให้คนไปส่งเองแล้วอย่ามาด่าทีหลังว่าทำคนอื่นต้องเดือดร้อนเสียเวลาไปส่งก็แล้วกัน
ฉันไม่ล่ำลาต่อพูดแค่นั้นก็เดินออกมา มาหลังร้านก็เจอพี่ฮัทที่กำลังจะเดินไปที่รถพอดี
“มาแล้วเหรอ ไปเร็วเฮียให้พี่ไปส่ง” พี่ฮัทหันมาเห็นก็เรียกฉันจากนั้นก็เดินไปที่รถแวนคันหรูของเจ้านาย
“ไปคันนี้เหรอพี่”
“เออ ทำไมวะ”
“แก้มนึกว่าจะไปบิ๊กไบค์พี่ฮัท”
“ไปไง นั่งซ้อนท้ายแล้ววูบตกรถพี่ซวยสิวะ” พี่ฮัทพูดปนขำนิดหน่อย ก็จริงเนอะ แต่ไปรถหรูคันนี้ไม่เสี่ยงกว่าเหรอ
“แล้วเอาคันนี้ไปส่งแก้มเฮียจะไม่ด่ารึไง”
“ไม่ด่าหรอก เฮียบอกให้พี่ไปส่งแก้มเอง ไปเร็วจะได้รีบไปพักผ่อน”
“โอเคค่ะ” ฉันตกลง ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็แล้วแต่แล้วกัน ไปรถคันไหนก็ได้ไม่ใช่รถฉันอยู่แล้ว
“เดี๋ยวแวะคลินิกก่อนนะแก้ม” ระหว่างที่อยู่บนรถพี่ฮัทก็เอ่ยขึ้น
“ไม่ต้องหรอกพี่ฮัท แก้มแค่วูบเพราะนอนน้อย กลับไปนอนก็หาย”
“ไม่ได้ ไปหาหมอก่อนเฮียสั่ง”
“ก็บอกเฮียว่าแก้มหาหมอแล้วไง”
“ไม่ได้ เฮียจะเอาใบรับรองแพทย์ด้วย”
“ฮะ?” อะไรของเขาเนี่ย
“เถอะน่า เป็นลมขนาดนี้หาหมอดีกว่า นั่นไงคลีนิก” พี่ฮัทตีไฟเลี้ยวเข้าไปจอดหน้าคลินิกทันทีที่พูดจบฉันก็เลยไม่ขัด แต่เซ็งชะมัด หาหมอตามคลินิกนี่ค่าตรวจค่ายาไม่ใช่ถูก ๆ นะ
ฉันให้หมอตรวจเรียบร้อยก็ได้คำตอบว่าพักผ่อนน้อย ความดันต่ำ ต่ำมากด้วยถ้ายังฝืนทำงานโดยที่ไม่มีเวลาพักผ่อนอาจจะอันตรายมากกว่านี้ เสร็จแล้วก็กลับห้องไปนอนพร้อมกับยาบำรุงหลายอย่าง
ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด
ติ๊ด!
“ฮัลโหลลูก” เสียงแหบพร่าตามวัยของคนปลายสายดังขึ้นทำให้ฉันยิ้มได้
“คิดถึงจังเลยยายจ๋า”
“คิดถึงเหมือนกันลูก แก้มไม่ทำงานเหรอลูกถึงโทรมาหายายเวลานี้ได้”
“วันนี้แก้มหยุดจ้ะยาย” ฉันไม่กล้าบอกหรอกว่าเจ้านายให้หยุด กลัวยายเป็นห่วง
“เหรอลูก ดีแล้ว ยายได้ยินคำนี้แล้วดีใจนะลูกนะ ยายอยากให้แก้มของยายพักผ่อนบ้าง”
“จ้ะยาย แล้วทำอะไรกันอยู่จ้ะ สองตายายกินข้าวรึยัง”
ฉันถามยายด้วยความคิดถึง ถึงจะโทรหาทุกวันแต่ไม่ค่อยมีโอกาสได้โทรหาเวลานี้หรอก วันนี้มีโอกาสเลยขอคุยเยอะ ๆ หน่อยเพราะคิดถึง
คิดถึงมาก ๆ คิดถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก คิดถึงอ้อมกอดที่อ่อนโยนที่สุดในชีวิตฉัน
มีแค่ตากับยายที่เป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ฉันอยากอยู่ในสังคมที่มันโคตรโหดร้ายและสกปรกโสโครกในความรู้สึกของฉัน ถ้าไม่มีตากับยายฉันไม่ทนหรอก
#GAMSAI END
#KINE TALK
“นี่ครับเฮีย”
“อืม” ผมปลายตามองกระดาษที่ไอ้ฮัทวางไว้บนโต๊ะแต่ไม่ได้หยิบมาดู
“หมอว่าเป็นอะไร”
“พักผ่อนน้อย ความดันต่ำ”
“แค่นั้น?” ผมได้ยินไอ้ฮัทรายงานอาการก็มองหน้ามันแล้วถามต่อ
“ห่วงก็ดูใบรับรองแพทย์เถอะเฮีย ไม่ต้องฟอร์มหรอก”
“อะไรทำให้มึงคิดแบบนั้นวะ” ผมถามมันพร้อมกับยิ้ม ยิ้มให้กับความคิดรู้ดีของมัน
“หรือเฮียไม่ห่วง”
“กูต้องห่วง?”
“น้องมันก็เมียเฮียรึเปล่า”
“ลบคำนี้ออกจากหัวมึงซะไอ้ฮัท กูแค่กลัวท้องเพราะเดือนก่อนกูทำถุงแตก”