บทที่2.ก็แค่กลับมาโสดอีกครั้ง.....

1574 Words
“เหอะ!”          หวานตาเผลอหัวเราะหยันขึ้นมาเบาๆ          เพราะอะไรก็ไม่รู้ หวานตาแน่ใจ ทุกอย่างในร้านนี่กำลังจะเปลี่ยนไปทั้งหมด...          ต้นไม้ที่เธอเคยชอบถูกย้ายที่ ดอกไม้ที่เธอชอบอีกเช่นกันกลับไม่มีอยู่ตรงที่เดิม          คนนอกอาจจะไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนี่ แต่หวานตารู้ดี ใครบางคนจงใจเปลี่ยนสิ่งที่เธอชอบ และดูเหมือนว่าตั้งใจกำจัดสิ่งที่เธอชอบโดยเฉพาะ…          เพราะแม้แต่ภาพถ่ายที่เคยแขวนไว้ ภาพที่เธอถ่ายเองกับมือ และมอบให้กับภูมิในวันที่เขาเปิดร้านนี้อย่างเป็นทางการ มันก็ยังไม่อยู่ที่เดิม!!          แฟงเดินเอาปลั๊กเสียบสายไฟมายื่นให้เธอ สีหน้าพนักงานในร้านวันนี้ ดูยุ่งยากพิกล          “เฮียเธอ ไม่มาเหรอ?”          หวานตาถามหาภูมิ          “อีกเดี๋ยวคงมาค่ะ”          คำตอบของแฟงทำให้หัวคิ้วของหวานตายกขึ้นสูง เธอยกข้อมือมองเวลาที่หน้าปัดนาฬิกา 10โมง มันไม่ใช่เวลาที่ภูมิควรจะแวะมาที่นี่ งานเขายุ่งเธอรู้ เธอกับภูมิไม่ได้เจอกันมาเกือบเดือน เพราะงานของเขานั่นแหละ          “พักนี้มาบ่อยเรอะ?” หวานตาถาม เธอแอบแหล่ไปที่หลังเคาท์เตอร์อีกครั้ง          “มาทุกวันเลยค่ะ” คำตอบของแฟงทำให้หวานตาแปลกใจอีกครั้ง          “ไปทำงานเถอะ มีอะไรฉันจะเรียก”          สีหน้าลำบากใจของแฟง หวานตาเลยโบกมือไล่ แต่แล้วเธอก็แทบลุกขึ้นวีน เมื่อได้ยินแฟงบอกบางอย่าง          “คุณอรบอกว่า ให้เจ้หวานเก็บปลั๊กของเจ้กลับไปด้วยค่ะ”          หวานตาไม่เห็นหน้าตัวเอง เธอเลยไม่รู้ว่าตนเองมีสีหน้าแบบไหน แต่แฟงที่เห็นเต็มตา จนทำท่าผวา แววตาจัดจ้าของหวานตา เกือบทำให้แฟงวิ่งหนี          “หล่อนเป็นใคร?”          และเป็นอีกครั้งที่หวานตาพลั้งปากถาม          ภูมิไม่ได้บอกอะไรเธอเลย ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ยิ่งใหญ่มาจากไหน ทำไมถึงกล้ามาเปลี่ยนทุกอย่างในร้านนี้ รวมถึงสั่งเธอด้วย          “คุณอรเป็นผู้จัดการร้านนี้ค่ะ” แฟงตอบเสียงแผ่วๆ          หวานตากัดฟัดกรอดๆ เดี๋ยวนี้ภูมิไม่ได้เห็นเธอสำคัญอีกต่อไปแล้ว ร้านกาแฟที่ไม่เคยต้องมีผู้จัดการ วันนี้กลับมีตำแหน่งนั้น แถมหล่อนยังกล้ายุ่มย่าม กล้าเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่เธอชอบเสียด้วย          “ไปทำงานเถอะ”          หวานตากล่าวเสียงแข็ง เธอผลักแก้วกาแฟออกห่างตัว ไม่คิดจะแตะอะไรในร้านนี้อีกต่อไป ทุกอย่างคงเปลี่ยนไปหมดแล้วแหละ หวานตาชั่งใจ เธอควรลุกออกไปจากที่ตรงนี้ กลับไปนั่งทำงานที่บ้าน หรือจะอยู่ตรงนี้จนกว่าเพื่อนของเธอจะมาดี?          คงเป็นเพราะนิสัยถือดี กระตุ้นในหวานตายังทู่ซี้นั่งอยู่ที่เดิม จนภูมิมาถึง          ทุกครั้งหากเธออยู่ ภูมิจะตรงดิ่งมาหาเธอเป็นอย่างแรก พร้อมรอยยิ้มแบบเดิมที่เธอเห็นจนชินตา          แต่วันนี้กลับไม่ใช่แบบนั้น... ภูมิพยักหน้าให้เธอหนึ่งครั้ง ตอนที่หวานตาเงยหน้ามองหลังกระพรวนที่แขวนไว้เหนือประตูส่งเสียงกราวใหญ่...เพื่อนของเธอเดินเลยเธอตรงไปหาผู้หญิงที่กำลังสร้างความไม่พอใจให้กับตนเอง หวานตาอ้าปากค้าง ลดสายตามองเกร็ดน้ำที่เกาะอยู่ข้างแก้ว พร้อมกับอุณหภูมิในร่างที่พุ่งสูงปรี๊ด          หวานตาเอื้อมมือสั่นๆ กดปิดแล็ปท็อปส่วนตัว เธอฉวยกระเป๋าใบใหญ่มาเปิด ยัดแล็ปท็อปลงไปในนั้น ตั้งท่าจะกลับทั้งที่สติสตางค์ยังกระเจิดกระเจิง          ธนบัติสีแดงสองใบ ถูกวางไว้บนโต๊ะ          ภูมิเหลียวหลังกลับมามอง ตอนที่ได้ยินเสียงกระพรวนเหนือประตูดังกราวใหญ่          สีหน้าเขาเปลี่ยนไปจนอรดียังตกใจ...เพียงแค่ผู้หญิงคนนั้นหายไปจากสายตา ความหม่นหมองของภูมิก็แสดงออกมาชัดเจน ทั้งที่เขาเป็นคนเก็บความรู้สึกเก่ง          ภูมิชักไม่แน่ใจ เขาทดสอบหวานตาแบบนี้ดีหรือเปล่า?          หวานตาพกความรู้สึกหน่วงๆ ติดตัวกลับมาด้วย เธอขับรถยนต์เรื่อยเปื่อยจนมาถึงที่ทำงานของชลดา เพื่อนผู้หญิงคนเดียวที่เธอสนิทด้วยที่สุด...          หญิงสาวถอนใจแรงๆ เธอแปลกใจตนเองเช่นกัน เธอเผ่นหนีภูมิมาทำไม?          ทั้งที่มีคำถามมากมายรอถามเขาอยู่?          “ลมอะไรหอบแกมาได้ยะ?”          ชลดากล่าวกระเซ้าเมื่อเห็นหวานตาโผล่หน้ายับๆ เข้ามาในห้อง          “ลมคิดถึง!!” เสียงแข็งๆ กระแทกตอบกลับมา หวานตามองหาที่นั่ง เธอรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัว          “บอกผิดคนไหม หน้าตาสวยๆ แบบนี้ ฉันชื่อชลดาไม่ได้ชื่อภูมินะจ้ะ”          ชลดาตอบเสียงใส หวานตาตวัดตามองแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป เธอเม้มปากแน่นๆ แทน พร้อมกับเถียงในใจ ทำไมเธอต้องคิดถึงภูมิ ในเมื่อเขามีคนให้คิดถึงอยู่แล้ว เธอเป็นแค่เพื่อน... เขาไม่มาคิดถึงเธอให้เสียเวลาหรอก ผู้หญิงคนนั้นต่างหากที่เขาควรคิดถึง          บรรณาธิการหนังสือแม็กกาซีนผู้หญิงสะดุดใจกับสีหน้าวุ่นวายของเพื่อนสนิท เธอดันเก้าอี้ออกห่างโต๊ะทำงาน เถลเก้าอี้ตัวนั้นมาจนถึงที่หวานตานั่งอยู่          “เป็นงูหรือไงถึงได้เลื้อยไปมาแบบนี้”          หวานตากล่าวประชด ชำเลืองมองเพื่อน ก่อนจะเบ้ปากใส่          “แกมีอะไรในใจไหมหวาน สีหน้าแกไม่ดีเลย?”          ชลดารีบซัก เธอรู้ว่าหวานตามีสิ่งผิดปกติในใจ “หรือว่าหมอนั่นมารังควานแกอีก?” ชลดาคิดถึงเรืองฤทธิ์หลังจากวันนั้น ผู้ชายคนนั้นหายหน้าไปเลย บางทีที่หวานตามีสีหน้าทุกข์ร้อน สาเหตุคงมาจากผู้ชายคนนั้น          “เปล่า เรืองฤทธิ์ขี้ขลาดจะตาย คนอย่างเขาไม่กล้าเสนอมาให้ฉันเห็นอีกหรอก”          หญิงสาวตอบเสียงเรียบ ผู้ชายอย่างเรืองฤทธิ์หรือจะกล้าเหิมเกริมกับเธอ          “แล้วแกหงุดหงิดอะไรล่ะหะ?”          สีหน้าของหวานตาทำให้ชลดาเข้าใจเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย          หญิงสาวถอนใจเฮือก เธอจะอธิบายความหงุดหงิดที่เกิดขึ้นให้คนอื่นรู้ได้ยังไง เธอไม่พอใจที่ภูมิ เห็นคนอื่นสำคัญกว่าเธออย่างนั้นเหรอ          “ไม่มีอะไรหรอก คงใกล้เมนมาล่ะมั้ง!!”          หวานตาตอบเลี่ยงๆ เธอแสร้งสนใจหนังสือตรงหน้า เพื่อให้ชลดาสบายใจ          “หนังสือเล่มนี้ออกแล้วเหรอ แย่จัง... ฉันมัวแต่ยุ่งๆ เลยไม่ได้ซื้อเก็บไว้เลย”          “เอาไปสิ ฉันมีหลายเล่ม” ชลดาออกปากอนุญาต เธอไม่ได้ท้วงติง หนังสือที่หวานตาแสร้งทำท่าทางเสียดาย มันออกมาตั้งแต่เมื่อ3เดือนก่อน และที่สำคัญ เล่มที่หวานตาถืออยู่ หวานตาเองนั่นแหละที่ถือติดมือมาฝากเธอ ชลดาลากเก้าอี้กลับไปนั่งหลังโต๊ะทำงานเงียบๆ เธอไม่ได้ปริปากพูด แต่แอบชำเลืองมองหวานตาบ่อยๆ          หญิงสาวผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ หลังดึงความสนใจจากเพื่อนไปที่จุดอื่นได้          “วันนี้ฉันเลี้ยงข้าวแกเอง อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมล่ะ”          หวานตาแสร้งชวนคุย...          “ใจดี!” ชลดาเปรยลอยๆ ไม่ได้พูดต่อ          หวานตาเลยเป็นฝ่ายกระวนกระวายแทน หลังนึกขึ้นได้ เธอควรให้ชลดาช่วยติดนิดเดียว เธอไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นเลย “ใจร้อนไม่เข้าเรื่อง เอาไงล่ะทีนี้?”          “มีอะไรไหม?”          “มีนิดหน่อย แต่...” หวานตาจิปากหลังพูดจบ เธอควรใจเย็นกว่านี้ ทำไมตอนนั้นเธอไม่นับเลขเหมือนที่ภูมิเคยสอน หุนหันออกมาแบบนี้ เสียเปล่าจริงๆ          หวานตาทรงตัวลุกขึ้นยืน “เรื่องเลี้ยงข้าว ติดไว้ก่อนนะแก ฉันมีธุระ” ตอนที่พูด หวานตาพยายามไม่สบตาเพื่อน เธอต้องไปลองสืบดูก่อน ‘ผู้หญิงคนนั้น’ เกี่ยวข้องกับภูมิตรงไหน          ชลดาบ่นพึมตามหลังหวานตาไป “มีอะไรแปลกๆ มีพิรุธนะยะ”          เธอหมดความสนใจหวานตา เมื่องานสำคัญตรงหน้ากำลังบีบให้ตนเองทำอย่างอื่นไม่ได้เลย          ที่แรกที่หวานตาพอนึกออก ใครจะช่วยเธอไขปัญหาชวนปวดหัวนี่ได้ คือบ้านตนเอง บิดาน่าจะพอรู้อะไรมาบ้าง หวานตาจึงตรงดิ่งกลับบ้านและเธอก็ได้พบ คนที่ทำให้เธอปวดหัวซีกซ้ายอยู่ในตอนนี้พอดี หญิงสาวเลิกหัวคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถาม เมื่อชายหนุ่มที่นั่งหน้านิ่งตรงหน้าคือเพื่อนเพศชายที่คบหากันมา20กว่าปี          ภูมิผ่อนลมหายใจยาวๆ เขายิ้มมุมปาก “หวานไปไหนมาครับ?”          หวานตาทิ้งตัวนั่ง เหวี่ยงกระเป๋าใบใหญ่ที่มีทั้งแล็ปท็อปและของใช้จุกจิกไว้บนโต๊ะเตี้ยๆ ตรงหน้า          “ไปหายัยชลมา” เธอตอบเสียงห้วน และไม่อธิบายอะไรเพิ่ม นึกขวางตาภูมิขึ้นมาดื้อๆ เขาดูมีความสุขจนมีรอยยิ้มแต้มอยู่บนมุมปากมันขวางตาพิกล          ภูมิพยักหน้ารับรู้ “ผมเข้าใจว่าหวานไม่พอใจผม เรายังไม่ทันได้คุยกันเลยนะครับ” ชายหนุ่มท้าวความหลัง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD