“แก”
“อื้อ”
“เมื่อวานเกิดอะไรขึ้น”
“ฮะ?”
“เล่า” มายาพูดสั้น ๆ แล้วจ้องหน้าไม้หวายเพื่อรอเอาคำตอบ
“เล่าอะไร” ไม้หวายพอจะรู้ว่ามายาต้องการให้เธอเล่าเรื่องอะไรแต่ก็แกล้งทำไขสือเพราะไม่อยากพูด
“เมื่อวานออกจากคณะไปพร้อมใคร”
“พี่ลุค” ไม้หวายตอบอย่างขอไปที ในเมื่อรู้อยู่แล้วเพื่อนของเธอก็ไม่น่าจะถามเพราะเธอไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องสำคัญอะไรอีกอย่างเธอกับเขาก็ไม่ได้ไปทำอะไรเสียหาย
“ทำไมถึงไปด้วยกันได้”
“ก็พี่เขาเห็นเดินคนเดียวเลยจอดรับไปลงหน้ามอ”
“แค่นั้น?”
“อื้ม” ไม้หวายพยักหน้ารับ เธอเลือกตอบแค่นี้เพื่อที่จะไม่ต้องเล่าว่าเธอไปเจออะไรมาบ้างเพราะเธอเป็นคนที่ไม่ชอบโกหกเท่าไหร่เลยเลือกที่จะไม่พูดต่อดีกว่า
“ไม่จริงอ่ะ แกโกหก”
“จะโกหกเพื่ออะไรล่ะมายา” ไม้หวายถามเพื่อนแล้วก็จ้องหน้ามายาเพื่อบอกให้รู้ว่าเธอเริ่มรำคาญกับการเซ้าซี้ของเพื่อนแล้ว
“โอเค แค่นั้นก็แค่นั้นสิจ้ะทำหน้าซีเรียสไปได้ ว่าแต่แกอยากรู้ไหมว่าเมื่อวานฉันไปไหนมา”
“ไปไหนล่ะ” ไม้หวายไม่อยากรู้หรอกแต่ลองมายาได้พูดมาขนาดนี้ก็หมายความว่าสุดท้ายมายาต้องเล่าให้ฟังแน่นอน
“ไปกินข้าวดูหนังแล้วก็ช้อปปิ้งต่อ แกรู้ไหมว่าพี่เขาใจดีมากเชื่อไหมฉันอยากได้อะไรก็ซื้อให้หมดเลย”
“อื้อ ดีใจด้วยนะ คบนาน ๆ ล่ะไม่ใช่คบแป๊บเดียวก็เบื่อเหมือนคนก่อน ๆ อีก”
“ไม่รู้สิ พี่เขาก็ดีแต่ไม่ใช่คนที่อยากได้ไม่รู้จะคบได้นานเท่าไหร่” มายาตอบแล้วยักไหล่อย่างไม่แยแสทำให้ไม้หวายรู้ว่าผู้ชายคนล่าสุดก็คงไม่ต่างจากคนอื่น เธอได้แต่อ่อนใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นชีวิตเพื่อนไม่ใช่ชีวิตเธอ สิ่งที่ทำได้ก็มีแค่เตือนแต่ถ้าไม่ฟังก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน
@คอนโดชาร์ล
“ไงวะ” ลุคเดินเข้ามาในคอนโดของเพื่อนสนิทก่อนจะทักทายเจ้าของห้องที่นั่งดูบอลพร้อมกับดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“มึงเคลียร์รึยัง”
“ใจเย็นสิวะ”
“หึ! กูว่าแล้วว่าต้องเคลียร์ไม่ได้”
“แต่ก็ทำให้พิมสงบได้ไม่ใช่เหรอวะ”
“ยุ่งยากว่ะแม่ง”
“ก็มึงไปทำเขาท้อง”
“ไม่ใช่ลูกกู”
“แน่ใจ?”
“ถุงยางกูไม่เคยแตก”
“อาจจะแตกแต่มึงไม่รู้ก็ได้ไอ้ชาร์ล”
“ไม่มีทาง” ชาร์ลปฏิเสธเสียงแข็งจากนั้นเครื่องดื่มสีน้ำตาลเข้มในแก้วก็ถูกกระดกเข้าไปในปากของเขาจนหมดทั้งแก้ว
“มึงแน่ใจใช่ไหม ไม่ใช่ว่าสุดท้ายเป็นลูกมึงแล้วมารู้สึกผิดทีหลังนะเว้ย”
“กูทั้งใส่ถุงทั้งเอามาเสร็จข้างนอก”
“เออ ๆ แต่ตอนนี้แม่งทำอะไรได้ไม่มากหรอกสงสารเด็กในท้อง ตัดขาดเลยเกิดไปทำแท้งจะทำไงวะ”
“ก็ดีกว่าให้เด็กมันเกิดมาไม่มีพ่อแถมแม่ก็ไม่เลี้ยงรึเปล่าวะ”
“มันก็แล้วแต่มุมมองคนเว้ย มึงอยู่เฉย ๆ เดี๋ยวกูจัดการเอง”
“ห่วงยัยนั่นขนาดนี้อย่าบอกนะว่าความจริงมึงเป็นพ่อเด็กแต่กำลังหาพ่อให้ลูกมึง”
“ไอ้สัสชาร์ล” ลุคชูนิ้วกลางให้เพื่อนแต่เขาก็รู้ดีว่าไม่ได้มีความหมายอะไรกับคนอย่างชาร์ล
“หึ! ไม่ต้องมาด่ากู มาเคลียร์เรื่องที่มึงพาเด็กมึงไปด้วยดีกว่า”
“ไม่ใช่เด็กกู นั่นไม้หวายเพื่อนสนิทน้องรหัสมึง”
“ปีไหน” ชาร์ลถามไม่ใช่เพราะสนใจไม้หวายเป็นพิเศษแต่เพียงเพราะเขาอยากรู้ก็เท่านั้นเองว่าคนที่รู้เรื่องของเขาคือใคร
“ปี 2”
“เพื่อนมายา?”
“อืม หน้าตาสวยน่ารักขนาดนั้นไม่รู้จักได้ไงวะไอ้ห่า”
“หึ! ผู้หญิงรอบตัวกูมีสวยกว่านั้นอีก หน้าตาสวยแต่จืดแบบนั้นต้องจำด้วยเหรอวะ”
“เออแล้วแต่มึงเถอะ”
“เรื่องนั้นไม่สำคัญเท่ากับเด็กมึง...รู้เรื่องกู” ชาร์ลเน้นประโยคสุดท้ายด้วยความไม่สบอารมณ์
“บอกว่าไม่ใช่เด็กกูไง กูแค่บังเอิญเจอน้องเขาอยู่คนเดียวเลยจะไปส่งแค่นั้น”
“เรื่องของมึง แต่เด็กคนนั้นรู้เรื่องกูมึงเข้าใจใช่ไหมไอ้ลุค”
“น้องเขาไม่พูดหรอกน่า”
“แน่ใจได้ไง ผู้หญิงแม่งเม้าท์เก่งมึงก็รู้”
“แต่กูรู้ว่าคนอย่างมึงต้องขู่น้องเขาไว้แล้ว จริงไหม?” ลุคเอ่ยคำพูดนี้ขึ้นมาด้วยน้ำเสียงรู้ทันพร้อมกับมองเพื่อนตัวเองด้วยรอยยิ้มมุมปาก
“เด็กคนนั้นบอกมึง?”
“เปล่า กูแค่รู้สันดานมึงดี มึงไม่ต้องกังวลหรอกไม้หวายไม่ใช่คนที่เอาเรื่องส่วนตัวใครไปพูด”
“หึ! อย่างน้อยก็ต้องคุยกับเพื่อนบ้างล่ะ”
“ไม่มีทาง”
“มึงพูดอย่างกับรู้จักเด็กคนนั้นดี”
“เปล่า ไม่ได้รู้จักดีแต่ก็พอรู้นิสัยมาบ้าง”
“เปลือกรึเปล่าไอ้ลุคที่มึงรู้จักมา”
“อ่าส์! ขี้เกียจคุยกับมึงว่ะ” ลุคถอนหายใจด้วยความรำคาญอย่างที่เอ่ยปากออกมาเพราะเขารู้ดีว่าชาร์ลไม่ใช่คนที่จะฟังหรือเชื่อใครง่าย ๆ
“อืม กูก็ขี้เกียจคุยกับมึงเหมือนกันเพราะกูไม่เชื่อว่าเด็กคนนั้นจะไม่เอาเรื่องของกูไปพูด เรื่องใหญ่แบบนั้นไม่มีทางที่ใครจะยอมเก็บไว้เป็นความลับหรอก” ชาร์ลพูดออกมาด้วยน้ำเสียงบวกกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและอาการของเขาก็ทำให้ลุคมองชาร์ลด้วยสายตาเป็นกังวล
“แล้วมึงจะทำอะไรไอ้ชาร์ล”
“กูจะทำอะไร? ไม่อยากให้ใครเอาความลับไปพูดมันจะทำอะไรได้วะนอกจาก...ควบคุม”