"เจ็บแค่นี้เธอไม่ตายหรอก อย่าสำออยนักเลย ฉันสะอิดสะเอียนเธอเต็มทน ไอ้โรคเรียกร้องความสนใจของเธอ มันแก้ไม่เคยหายเลยนะ" ขณะที่พูด อุ้งมือใหญ่ก็จัดการทำแผลให้ด้วยแรงมือแผ่วเบาลงเรื่อยๆ หากเมื่อเรียบร้อย เขาก็โยนปลายเท้าเล็กออกไกลตัว แล้วดีดผึงผละห่างจากเตียง ปรายตามองร่างสะอื้นสั่นเล็กน้อย ก่อนจะไปคว้าเอาไม้กวาดและถังขยะ มาเก็บเศษกระจกซึ่งหล่นเกลื่อนห้อง
หญิงสาวได้แต่นั่งสะอื้น มองเขาทำโน่นทำนี่ ทว่าเมื่ออีกฝ่ายเดินมายืนอยู่ปลายเตียงด้วยดวงตาขึงขัง กลีบปากบางก็เต้นแรง พลอยต้องกัดไส้จนห้อเลือด เธอกลัวเขาจนร่างทั้งร่างสั่นเทิ้ม
เจ้าของใบหน้ายักษ์ ปรายตามองพายุเงียบสงบด้านนอก สายฝนที่เทลงมาอย่างบ้าคลั่ง เริ่มซาลงเจียนกลับมาเป็นปกติ สักพักก็กันมาเอ่ยกับสลิลลาด้วยสุ้มเสียงราบเรียบ แต่แฝงเร้นความน่าสะพรึงกลัว
"กรุณาดูแลตัวเองดีๆ อย่าก่อเรื่องอีก ไม่อย่างนั้น ฉันหักคอเธอแน่"
ปลายจมูกแดงได้แต่สูดน้ำมูกใสๆ ลำแขนกลมกลึงวาดกอดตัวเองอย่างปลอบโยน เมื่อเขาทำหน้าตึงใส่ ก็รีบก้มหน้าซบลงระหว่างเข่ามนทั้งสองข้าง ปล่อยให้น้ำตามันเปื้อนอาบเข่าอยู่แบบนั้น
ภีรภพมองร่างสั่นเทิ้้ม ด้วยความรู้สึกบรรยายไม่ถูก เขาอยากให้อภัยคนอื่นๆ รวมถึงเธอ แต่ไม่รู้ว่าอะไรดลใจ ให้เขาเคียดแค้นและชิงชังในตัวของน้องสาวศัตรูถึงเพียงนี้ คงเพราะว่าพี่ชายของเธอ ย่ำยีและทำลายศักดิ์ศรีหลานสาวของเขาจนป่นปี้ ไม่เหลือแม้กระทั่งความเป็นคน เพราะฉะนั้น ก็สมควรแล้วที่เธอจะแบกรับความเกลียด ขยะแขยง และท่าทีป่าเถื่อนจากเขาไปจนวันตาย
ทอดสายตามองร่างอ้อนแอ้นด้วยความระอาอยู่สักพัก ถึงได้ก้าวขายาวๆ ออกจากห้อง คืนนี้เขาจะปล่อยให้ผู้หญิงอวดดี ดื้อด้านคนนี้ ได้อยู่เพียงลำพัง กลิ่นคาวเลือดคลุ้งห้องแบบนี้ เห็นทีเขาคงข่มตานอนหลับไม่ลง
เสียงปิดประตูดังปังใหญ่ ทำให้สลิลลารีบกระวีกระวาด ข่มความเจ็บ ปรี่ไปกดล็อกประตูอย่างรวดเร็ว เรียบร้อยก็ปล่อยร่างตัวเองให้ล้มลู่ไปกับบานประตูใหญ่ นั่งสะอื้นไห้จนร่างทั้งร่างสั่นเทิ้ม สภาพตอนนี้ บอกได้คำเดียวเลยว่าเธอเวทนาตัวเองเหลือเกิน
"เธอผิดอะไร ทำไมเขาถึงจงเกลียดจงชังนักหนา"
จู่ๆ คำถามนี้ก็ผุดขึ้น ท่ามกลางขอบตาแดงก่ำ ตั้งแต่เผชิญหน้ากับเขา เพียงลำพังมาร่วมหนึ่งปี เธอก็มีเพื่อนเป็นน้ำราอุ่นร้อน รอยยิ้มไม่เคยประดับอยู่บนกรอบหน้า มีแต่เพียงความเจ็บช้ำ เธอมักคลุกเคล้ากับอาหารมื้อหลัก แล้วกลืนลงคอด้วยความขมขื่น
ดวงหน้าหม่นเศร้า ค่อยๆ เงยขึ้นอย่างช้าๆ มือเล็กปาดป้ายคราบน้ำตาแห่งความอดสูทิ้ง ก่อนจะพยายามประคองตัวเองให้ลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคง หากต้องซวนเซนิดๆ เพราะอาการเจ็บปลาบของบาดแผล เจ็บเหลือเกินร่างกายนี้ แต่ไม่อาจเทียบเท่า ความเจ็บอันซ่อนลึกอยู่ในก้อนเนื้อที่ใครๆ เรียกมันว่าหัวใจ
สลิลลา นำพาเรือนการอ่อนเปลี้ย ล้มตัวลวนอนบนเตียง ร่างอ้อนแอ้นขดงอ ไม่ต่างจากทารกน้อยซึ่งอยู่ในครรภ์อันอบอุ่น หากนาทีนี้ เธอทำได้เพียงกอดตัวเองไว้ กอดให้แน่น ก่อนที่ร่างนี้จะสลายแหลกเพราะความใจร้ายของคนใจดำ
ปลายเท้าหนักๆ เดินผ่านรั้วไม้ของบ้านขนาดกะทัดรัด สัดส่วนสูงยาวกำยำ ค้อมตัวลงเล็กน้อยเพื่อลอดผ่านช่องแคบ ซึ่งกั้นระหว่างบ้านสองหลังรั้วติดกัน มุ่งปลายเท้าเข้าสู่อาณาเขตคฤหาสน์หลังโอ่อ่าของตัวเอง ความจริงแล้ว เมื่อครั้งอายุสิบขวบ เขาและลูกหว้า เคยเล่นสนุกกันตามประสาเด็กๆ แต่ความสัมพันธ์พี่น้องต้องขาดสะบั้น เพราะเธอมันเป็นน้องสาวของคนใจยักษ์ใจมาร
เรือนกายหนั่นแน่น เปียกชื้นเล็กน้อยและเต็มไปด้วยสีแดงวงกว้าง พยายามขยับมือปัดทิ้้งลวกๆ ขณะที่ก้าวย่างไปเบื้องหน้า ได้แต่หวังว่าคนเป็นแม่ ท่านจะหลับพักผ่อนเรียบร้อย แต่เพียงก้าวเข้าสู่ด้านใน ชายหนุ่มต้องรีบตีสีหน้าให้เป็นปกติโดยพลัน เมื่อสายตาสบเข้ากับใบหน้าเรียบเฉยของผู้เป็นแม่
"ไปไหนมาตาภพ"
คุณนายอรัญญารีบไต่ถามทันที กราดมองร่างกำยำตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เพ่งพิศรอยเลือดนั้นเป็นพิเศษ
"เอ่อ..." ชายหนุ่มทำท่าอึกอักเล็กน้อย ก่อนจะตอบไปเต็มเสียง "ไปดูคนบ้านโน้นมาครับ ว่าตายหรือยัง"
"นั่นปากหรือไง!"
เรียวปากของคนพูดแม้มแน่นอย่างขัดใจ ใบหน้าเคยอารีเริ่มบึ้งตึง กราดมองลูกชายบังเกิดเกล้าด้วยท่าทีเคืองขุ่น "ทำไมต้องร้ายกาจกับหนูลูกหว้าเขานักหนา แม่ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าน้องไปทำอะไร ให้ลูกไม่พอใจนักหนา"
"นี่คุณแม่ลืมไปแล้วหรือครับ ว่าพี่ชายของเธอ ข่มขืนหลานสาวของคุณแม่ จนต้องผูกคอตาย!" ท้ายประโยค เน้นหนักจนกลายเป็นกระชาก ดวงตาสีนิลเริ่มแดงก่ำ จนแทบกระฉอกออกนอกเบ้า
คนเป็นแม่ถึงกับลอบถอนหายใจ รู้สึกไม่ดีเลย ยามที่ลูกตัวเองเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นเช่นนี้ กลีบปากซึ่งมีขอบย่นของริ้วรอยแห่งวัย ค่อยๆ กล่าวทัดทานอย่างใจเย็น "แต่ผู้ชายคนนั้น เขาก็ได้รีบผลกรรมไปแล้ว เขาชดใช้ความผิดนั่นด้วยชีวิต ลูกก็ควรจะให้อภัยเขาสิ และเรื่องนี้ มันไม่เกี่ยวกับลูกหว้าเลยสักนิด แม่ว่าลูกควร..."
"ฮึ! มันไม่พอหรอกครับ ไอ้ชั่วนั่น มันตายคนเดียว แต่ยัยกี้ตายไปพร้อมกับลูกในท้อง!" ภีรภพโพล่งดังลั่น มือทั้งสองข้างกำแน่นด้วยความโกรธ กล้ามเนื้อตามร่างกายเกร็งจนเส้นเลือดปูดบวม
"นี่ลูก..."
"ผมรู้ครับ รู้ว่าคุณแม่ปิดบัง จิตใจคุณแม่ประเสริฐเหลือเกิน ที่ให้อภัยคนพวกนั้นอย่างง่ายดาย"
ปลายจมูกโด่งคม สูดหายใจเข้าปอดลึก ความแค้นซึ่งกัดกินหัวใจแกร่งจนเย็นชามาร่วมสามปี มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะให้เขายุติทุกอย่าง ใครเกี่ยวข้องกับผู้ชายชั่วคนนั้น ต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาสม อย่าให้ยิ่งหย่อนไปกว่าการทรมานใจของหลานรักแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว