บทที่ ๒ เหมือนจะเจ็บไม่พอ(๓)

1131 Words
“อย่าทำเป็นผู้หญิงไร้เดียงสานักเลยลูกหว้า ฉันกับเธอ หน้าท้องเราชนกันไม่รู้กี่พันครั้ง ก็แค่ทำให้ฉันได้นอนหลับสบายตัว มันจะยากอะไรนักหนาฮ้า! หัดว่าง่ายๆ ซะบ้างสิ” ภีรภพว่า พร้อมกดปลายจมูกโด่งๆ ลากจากแก้มเนียน มาจึงถึงเนินอกขาวผ่อง ต่อให้คนใต้ร่างจะทั้งดิ้น ทั้งถีบ หากมีหรือจะสู้พละกำแรงอันเหนือกว่าได้ ช่วงขาแข็งแรง เบียดและยึดลำขาเล็กเอาไว้ ค่อยๆ ใช้แรงกายที่มี บังคับขู่เข็ญให้คนตัวเล็กยินยอม เมื่อทำให้ดั่งใจต้องการ ก็หัวเราะในลำคอด้วยความลิงโลดใจ แต่ใบหน้าก็ต้องเบ้บึ้ง เพราะเจ้าของเนื้อหอมๆ เอาแต่กัดฟัน ปิดปากเงียบ “ร้องสิ ร้องออกมา!” สั่งการอย่างเอาแต่ใจ เมื่อคนตัวเล็กยังแสดงอาการต่อต้าน ภีรภพจึงจัดการขั้นเด็ดขาด ค่อยๆ ขยับตัวถอยร่น ปล่อยให้คนตัวเล็กได้นอนอยู่สูงกว่าตัวเองเป็นเท่าตัว โน้มใบหน้าเข้าใกล้กายสาว แล้วก้มหน้าลงแนบชิด ตลอดเวลานั้นก็เรียกร้องให้ร่างอรชรครางลั่น จนเมื่อได้สมใจปรารถนาก็จัดการกับร่างเล็กอย่างเนิบช้า ทุกขั้นทุกตอน เต็มไปด้วยความป่าเถื่อน รุนแรง จนร่างแน่งน้อยแทบฉีกร้าวระบม ผ่านไปร่วมหนึ่งชั่วโมง แผ่นหลังเปลือยสั่นเทิ้ม ก็พลิกกายหันหลังให้ นอนกอดตัวเองงอโค้งเหมือนกุ้งต้ม ขอบตาแดงช้ำน่าสงสาร ขณะที่คนตัวโตก็เลือกนอนแผ่หลานิ่งอยู่กลางเตียง ปรายหางตามองร่างเปลือยขาวโพลนเล็กน้อย ก่อนจะพลิกกายเบือนหน้าหนี รั้งผ้าห่มผืนโตขึ้นมาคลุมกายแกร่งจนถึงเอวสอบ ไม่คิดจะใส่ใจร่างอ้อนแอ้นอีกเลย สลิลลากะพริบตาปริบๆ ไล่ความเจ็บช้ำ เมื่อเห็นว่าคนตัวโตเงียบไป ร่างอรชรก็ค่อยๆ ขยับลุกขึ้น แล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่มาสวมใส่ เมื่อมายืนอยู่ข้างๆ เตียง น้ำตาเหือดหายไปนานก็ร่วงผล็อย จนต้องรีบยกมือปัดป้ายทิ้ง เธอมองร่างสูงใหญ่หลับตาพริ้มด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะยื่นมือคว้าเอาหมอนหนุน หากเธอยังไม่ทันได้แตะ ข้อมือเล็กก็ถูกอีกฝ่ายคว้าหมับเข้าให้เต็มแรง จนร่างบางนั้นล้มเค้เก้ จมอยู่กับที่นอนนุ่ม “นอนดีๆ ไม่อย่างนั้น ฉันจะสั่งสอนเธออีกรอบ” ดวงตาของคนสั่งยังหลับสนิท มืออีกข้างวาดมากอดร่างแน่งน้อย แล้วรั้งเข้าหาตัว “ปล่อย” หญิงสาวพยายามดิ้น “ลูกหว้า ถ้าเธอไม่อยากโดนเหมือนเมื่อครู่ ก็จงนอน นอนให้ฉันกอดแต่โดยดี” ดวงตากลมโต ช้อนมองเสี้ยวหน้าคนปิดตาแน่นด้วยความคับอกคับใจ เธออยากจะหยิกข่วน หรือไม่ก็ตบเขาสักฉาดใหญ่ๆ ให้สาแก่ใจยิ่งนัก แต่เธอก็ทำได้เพียงนอนตัวแข็ง ปล่อยให้เจ้าของท่อนแขนล่ำๆ ได้กกกอด ปล่อยให้คนใจยักษ์นี้ วาดพันธนาการรัดร่างของตัวเองจนไม่สามารถดิ้นหลุดได้ และเธอก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร ความเจ็บปวดเหล่านี้มันจะจางหายไปสักที เช้าวันนี้ ทุกคนในบ้านสินันทราดล ต่างเตรียมพร้อมสำหรับการไปทำบุญในช่วงเช้า แต่ความปรารถนาของคุณอรัญญาก็ต้องผิดหวัง เมื่อหนูลูกหว้าที่นางรัก ไม่อาจออกไปร่วมทำบุญด้วยได้ แม้หญิงสาวจะให้เหตุผลว่าไม่สบาย แต่คนเป็นแม่ก็ยังมองบุตรชายอย่างคาดโทษอยู่ดี นางแทบจะคาดคั้นเอาความจริง แต่ติดว่าวันนี้เป็นวันพระ ไม่อยากทำให้ลูกชายต้องบาปหนาเป็นร้อยเท่า พวงมาลัย ที่ควรเป็นของหนูลูกหว้า ถูกส่งให้ลูกชายตัวดี นางค้อนให้จนตากลับ เมื่อเห็นใบหน้าหล่อๆ ยิ้มกรุ้มกริ่มน่าหมั่นไส้ หากทำอะไรไม่ได้ ก็จำต้องปล่อยเลยตามเลย ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว เพื่อไปทำบุญให้จิตใจปลอดโปร่ง และนางก็จะขอให้กรรมของหนูลูกหว้าหมดลงโดยเร็ว ชีวิตของเธอจะได้พบกับแสงสว่าง ไม่ต้องพบเจอปีศาจร้ายใกล้ๆ ตัวอีก เกือบสี่โมงตรง ขบวนทำบุญก็กลับมาถึงบ้าน คนใส่สูทเต็มขั้น ก็ปรายหางตาไปมองบ้านหลังเล็กห่างไกลร่วมร้อยเมตรนั้นอีกครั้ง แล้วคลี่ยิ้มอบอุ่นให้กับมารดา หอมแก้มท่านไปฟอดใหญ่ “ผมไปทำงานก่อนนะครับ” “ไม่รอไปช่วงบ่ายหรือลูก ทานข้าวทานปลาเสียก่อนสิ” คุณอรัญญาว่า แล้วฉุกคิดด้วยความสงสัย ปรายหางตามองลูกชายอย่างจับผิด “วันนี้วันอาทิตย์นี่ลูก ที่บริษัทเปิดทำการด้วยหรือ แม่ไม่เห็นรู้เลย” “ผมว่าจะเข้าไปเคลียร์งานสักหน่อยน่ะครับ อยู่บ้านก็ไม่มีอะไรทำ” ใบหน้านั้นเรียบสนิท ขณะเอ่ยต่อ “และอีกอย่างวันนี้ผมมีนัดสำคัญด้วย” “จ้ะๆ แล้วแต่ลูกก็แล้วกันนะ” “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวนะครับ” ยกมือไหว้ลาคนเป็นแม่ ก่อนจะยิ้มบางๆ แล้วหมุนกายเดินห่างออกไป เพียงประชิดตัวรถสปอร์ตคันโปรด เรือนร่างสลักเสลาก็สอดตัวเข้าไปนั่ง เหยียบคันเร่งออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว ทว่า...เคลื่อนพ้นรั้วมาเพียงไม่กี่เมตร ก็ดับเครื่องยนต์จอดสนิด กระโดดข้ามรั้วมุ่งปลายเท้าไปยังบ้านไม้หลังเล็ก ดวงตาทั้งสองข้างทอประกายร้ายกาจ ช่วงขาเพรียวกำยำ พกพาใบหน้าเรียบเฉย เดินสู่ชั้นสองของบ้าน ไม่พูดพร่ำทำเพลง จัดการดันบานประตูปิดตายให้เปิดกว้าง เห็นร่างสะโอดสะองเพิ่งวางแจกันลงบนโต๊ะ เรียวปากก็กระตุกยิ้มน้อยๆ รีบสืบเท้าเข้าไปใกล้ พร้อมคว้าหมับเข้าที่แขนเรียว “ไปข้างนอกกับฉันลูกหว้า” “ไปไหน” ถามเขาด้วยเสียงสั่นๆ “ไม่ไปได้หรือเปล่า” “ไม่ได้ ฉันสั่งให้เธอไป เธอก็ต้องไป เพราะวันนี้ฉันต้องการเด็กรับใช้ส่วนตัว เอาไว้คอยใช้งาน” กล่าวด้วยเสียงห้าวเข้ม บีบแขนเล็กแรงๆ เมื่อหญิงสาวครางเครือห้ามปราม จึงเหยียดปากใส่อย่างหมั่นไส้ “ไปเป็นคนรองมือรองเท้าของฉัน มันคงไม่ตายหรอกมั้ง เพราะอย่างเธอ รองบนเตียงมาจนทานทนแล้วนี่ ครั้งนี้ก็แค่ไปข้างนอกด้วยกัน อย่าอิดออดนักเลย ฉันรำคาญลูกตา” ว่าจบ ก็ออกแรงรั้งร่างบางแกมลากออกจากห้อง จนคนช่วงขาสั้นกว่ารีบเร่งฝีเท้าให้ตามทัน ทำให้ขาเล็กๆ ขวิดกันแทบล้มเค้เก้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD