Fahkram Describe.
หลายวันผ่านไป
“ไอ้คราม แดกเหล้ากัน”
‘ไอ้แอล’ ที่ก่อนหน้านี้นั่งสัปหงกตลอดทั้งคลาสส่งคำชวนอย่างกระตือรือร้น หลังก้าวเท้าพ้นขอบประตูห้องเรียนได้เพียงก้าวเดียว
“ไม่แดก” ผมปฏิเสธกลับไปแทบจะทันที
คำตอบชัดถ้อยชัดคำโดยไม่ผ่านการหยุดคิด ส่งผลให้เพื่อนสนิทผู้ซึ่งมีสีผมโดดเด่นเกินใครหรี่ตา เผยรังสีจับผิด “หือ? ขี้เกียจแน่อ่อ ไม่ใช่ว่าไปส่องน้องเอยนะ”
มโนเก่ง
“จะทำอะไรก็เรื่องของกู” ผมไม่ยืนยันว่าคำพูดของมันถูกต้องไหม เลือกบอกปัดแล้วก้าวเท้าให้ยาวขึ้น ทว่าไอ้หัวแดงก็ไม่วายสับตามมากระทั่งเดินขนาบกันในที่สุด
นาทีก่อนเห็นนั่งหลับน้ำลายยืด เฉื่อยชาอย่างกับอะไร พอเป็นเรื่องไร้สาระแล้วต่อมเสือกทำงานเต็มที่เลยนะ
“แน่ะ” คนข้าง ๆ ยังไม่หยุดเซ้าซี้ เรียกได้ว่ากัดไม่ปล่อยสมฉายาหมาบ้าที่แฟนมันมอบให้ “ตอบคลุมเครือแบบนี้ เท่ากับยอมรับแล้วปะเพื่อน ครั่งรักสุดติ่ง”
พูดไปเรื่อยไม่พอ ยังสำทับด้วยการใช้ศอกกระทุ้งเข้าที่ต้นแขน ทำทีเป็นหยอกล้อหวังให้ผมมีปฏิกิริยาขวยเขินกลับไป
“คลั่งรักห่าไร” ทว่านอกจากจะคงสีหน้าเรียบเฉยได้คงเส้นคงวาแล้ว ผมยังปัดข้อศอกไอ้แอลออกประหนึ่งเห็บหมัด
ประจวบเหมาะกับที่มาถึงลานจอดรถของมหาวิทยาลัยพอดี ผมจึงใช้โอกาสนั้นขึ้นคร่อมบิ๊กไบก์คันโปรด สตาร์ตเครื่องแล้วขับจากมา ไม่อยู่ฟังไอ้ตัวช่างจ้อพล่ามน้ำลายแตกฟองอีก
“ไอ้คราม นั่นเพื่อนน้องเอยหรือเปล่า” ทว่าหลังขับออกมาจากสถานศึกษาได้พักหนึ่ง ไอ้แอลซึ่งขับนำหน้าพลันจอดริมฟุตบาธกะทันหัน ครั้นผมจอดตามแล้วดันกระจกหมวกกันน็อกขึ้น...มันถึงชี้นิ้วไปฝั่งตรงข้าม “นั่นน่ะ ใช่ปะ กูมองไม่ถนัดว่ะ แต่ทรงคือใช่เลย”
“...” มองตามทิศทางสายตาแล้วพบว่าเป็นผู้หญิงที่ตัวเองรู้จักเป็นอย่างดี ทั้งยังอยู่ในสถานการณ์คับขัน แทนที่ผมจะกระตือรือร้นขึ้นสักนิด กลับปิดปากเงียบ ไร้ปฏิกิริยาอื่นใดนอกจากความเฉยชา
สีเพลิง เป็นเธอจริง ๆ
“ทำหน้าแบบนั้นคือ?” ไอ้แอลหันมาเห็นผมทำหน้าบอกบุญไม่รับจึงมุ่นคิ้วอย่างแปลกใจ “นั่นเพื่อนน้องเอย ไม่ช่วยหน่อยเหรอ”
“ไม่ใช่เรื่องของกู” บอกปัดพร้อมไหวไหล่ ตามด้วยดันกระจกกลับมาเหมือนเดิมเพราะไม่อยากทนมองภาพผู้หญิงคนนั้นให้ระคายเคืองสายตา “ถ้าจะช่วย ก็แล้วแต่มึง บาย”
กล่าวจบก็ขับรถจากมา ไม่รอฟังคำทักท้วงจากเพื่อนแม้เพียงเสี้ยววลี
ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นตายร้ายดียังไง ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม
End Describe.
ฉันเพิ่งขับบิ๊กไบก์ไปส่งยัยเอยที่หอหลังเลิกเรียนได้เพียงครึ่งชั่วโมง
ทว่าไม่ทันได้พักก็มีเหตุให้ต้องออกมาร้านยา เพราะยัยหมากระเป๋าดันไข้ขึ้นกะทันหัน
เรื่องของเรื่องคือร้านยาด้านล่างหอดันปิดบริการพอดิบพอดี ฉันผู้เป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวของมันจึงต้องขับย้อนกลับมา ณ ร้านยาใกล้มหาวิทยาลัยแทน
แม้ไอ้ความรู้สึกริษยาจะยังเกาะหนึบไปทั้งใจ แต่ความห่วงใย ความรักที่ฉันมีให้เพื่อนคนนั้นไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
ความเป็นเพื่อนระหว่างเราคือของจริง จริงมาโดยตลอด ฉันไม่ได้เสแสร้งแกล้งแสดงออกเหมือนอย่างที่ครามเข้าใจ
แต่เอาเถอะ มันไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องไปนั่งอธิบายให้ผู้ชายคนนั้นเข้าใจอย่างกระจ่างชัด
ความจริงคืออะไร คิดว่าเขาสนใจจะฟังงั้นเหรอ
แค่ขึ้นชื่อว่าเป็นฉัน เขาก็ตั้งป้อม ตีตัวออกหากเป็นอย่างแรก ไม่ทันได้ง้างปากหรอก
พรึ่บ
“ไฮ คนสวย ไปเที่ยวกับพวกเราเปล่า?” เมื่อได้ยาครบตามที่ต้องการฉันก็เตรียมกลับ ทว่าสองเท้าพลันชะงักเมื่อมีกลุ่มผู้ชายจำนวนสามคนพร้อมกลิ่นเหม็นหึ่งของเหล้าพุ่งมาดักหน้า กระจายตัวซ้ายขวาเหมือนเตรียมการไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
เพิ่งหกโมงเย็น พวกขี้เมาประจำถิ่นก็ออกอาละวาดแล้วเหรอ
แต่อย่างว่า ห่างจากตรงนี้ไปประมาณหนึ่งถึงสองกิโลฯ มีร้านเหล้าไม่ต่ำกว่าห้าร้าน บางร้านเปิดให้บริการตั้งแต่หัววัน จะมีพวกที่เมาหัวราน้ำตั้งแต่พระอาทิตย์ไม่ทันตกดินก็ไม่แปลก
ที่แปลกคือ ขนาดเป็นแหล่งอาศัย มีร้านค้า มีผู้คนใช้ชีวิต แม้ไม่ถึงขั้นพลุกพล่าน แต่พวกขี้เมานี่ก็ยังกล้าทำตัวเรื้อนแบบไม่อายฟ้าอายดิน
พอเมาแล้วคงทำได้ทุกอย่างจริง ๆ โดยเฉพาะการขุดสันดานที่แท้จริงออกมา
“ถอย” ฉันกล่าวสั้น ๆ พลางปรายตามองพวกมันทั้งหมดอย่างระแวดระวัง
“ให้ถอยไปไหนล่ะคะ” หนึ่งในนั้นยิ้มแป้น ทำตาเยิ้ม “พวกพี่จ้องน้องตั้งแต่เข้าไปในร้านยานั่นแล้วน้า น้องสวยมากเลย”
“จริง เพราะงั้นไปต่อกับพวกเราเหอะ” อีกคนสำทับอย่างไม่ลดราวาศอก “เอาหน่อยน่า...”
“เอาตีนไปกินแทนเหอะ” ด้วยสังเกตเห็นหนึ่งในนั้นสาวเท้าเข้ามาจนเกือบถึงตัว สัญชาตญาณจึงออกคำสั่งให้ยกเท้าขวาขึ้นยันอกมัน ส่งแรงแทบทั้งหมดจนอีกฝ่ายถลาห่างจนเกือบล้ม
เมื่อสบโอกาสฉันจึงไม่รอช้า หมุนตัวเตรียมวิ่งไปอีกทาง ไม่ได้กะหนี แต่ตั้งใจจะตรงไปยังสถานีตำรวจซึ่งอยู่ห่างจากตรงนี้ราวแปดร้อยเมตร
ทว่าไม่ทันออกแรงวิ่งด้วยซ้ำ หน้าผากพลันชนเข้ากับแผงอกแข็งแกร่งของใครคนหนึ่งเสียก่อน
ฉันเซเล็กน้อย ก่อนรีบเงยหน้าขึ้น จนพบว่าเจ้าของแผงอกหนาคือผู้ชายตัวสูงในชุดนักศึกษา เขาสวมหมวกกันน็อกสีดำสนิท ปิดกระจกทึบแทบมองไม่เห็นดวงตา
นี่เขา...?