บทนำ0.1
“เพลิง ๆ พี่ครามมา”
“...”
เสียงเรียกพร้อมแรงสะกิดแผ่วเบาบริเวณต้นแขนจากเพื่อนสนิทเพียงหนึ่งเดียว ส่งผลให้ฉันละความสนใจจากสมาร์ตโฟนทันที ก่อนย้ายสายตาอย่างแนบเนียนไปยังเจ้าของชื่อ...คนที่เป็นถึงอดีตเดือนคณะวิศวกรรมศาสตร์ ทั้งยังถูกขนานนามว่าเป็น ‘ซาตานในคราบเทพบุตร’
‘ฟ้าคราม’ คือชื่อที่แท้จริงของเขา แต่คนส่วนใหญ่มักเรียกสั้น ๆ ว่า ‘คราม’ ฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
ตอนนี้เราอยู่ในโรงอาหารใหญ่ของมหาวิทยาลัย ไม่น่าเชื่อเลยว่าท่ามกลางผู้คนมากมายที่ยากต่อการระบุตัวตน เขากลับเป็นคนเดียวที่โดดเด่นเหนือนักศึกษาเหล่านั้น อาจเพราะมีรูปร่างหน้าตาที่จัดว่าสมบูรณ์แบบ พ่วงด้วยภาพลักษณ์สุดอันตราย...ทั้งจากรอยสักลวดลายแปลกตาบริเวณท่อนแขน ทั้งจิลสีเงินตรงหางคิ้วด้านซ้าย ทั้งเส้นผมซึ่งถูกย้อมเป็นสีเทาเข้ม รวมถึงการแต่งกายที่ไม่ค่อยเป็นระเบียบนัก ส่งผลให้เทพบุตรผู้ไร้รอยยิ้มและเย็นชาสุดขั้วหัวใจมีเสน่ห์แบบดิบเถื่อน แม้จะน่าหวาดหวั่นทว่ากลับน่าลิ้มลองในคราวเดียว ไม่แปลกที่จะมีนักศึกษาหลายคนให้ความสนใจ
ไม้เว้นแม้กระทั่งเวลานี้...
สำหรับฉัน เขาคนนั้นก้าวร้าวอย่างกับอะไร แถมยังเลือดเย็นยิ่งกว่าใคร หากไม่มีภาษีด้านรูปร่างหน้าตา เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยคงถอยห่าง ไม่คบค้าสมาคมคนอย่างเขาล้านเปอร์เซ็นต์
“เขามองมาทางนี้ด้วย”
'เอย' เพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างกันตรงมุมหนึ่งของโรงอาหารทำเสียงตื่นเต้นยกใหญ่หลังพบว่าครามหันหน้ามาทางนี้พอดี ซึ่งก็เป็นจังหวะที่เราสองคนประสานสายตากันโดยบังเอิญ
เรามองสบตากันโดยไม่มีใครคนใดคนหนึ่งเปลี่ยนสีหน้า ทว่าไอ้หัวใจสุดเฮงซวยของฉัน...กลับเต้นระทึกจนปวดหน่วงไปทั้งทรวงอก
ทุกครั้งที่ครามปรากฏตัว ฉันต้องคอยกดซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงไว้ใต้ภาพลักษณ์อันเย่อหยิ่ง ทั้งกลบฝัง ทั้งอำพราง ไม่เผยร่องรอยอื่นใดให้เขาเคลือบแคลง แม้ความรู้สึกข้างในจะสวนทางกับความเป็นจริงแค่ไหนก็ห้ามแย้มพราย
ห้ามเด็ดขาด
แต่ถึงแม้ภายนอกจะเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าความรู้สึกที่ฉันมีให้เขาคือความชอบ ไม่สิ...มากกว่าชอบ เข้าขั้นคลั่งไคล้ และอาจเข้าใกล้คำว่ารัก
รัก...ทั้งที่รู้เต็มอกว่านิสัยของครามมันไม่เอาไหน หลงไหล...ทั้งที่มีเหตุผลนับล้านให้หลีกทาง
ทั้งที่ตอกย้ำกับตัวเองว่าควรหยุดเอาใจไปพัวพัน ควรหยุดตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนหัวใจแหว่งวิ่นของตัวเองจะแหลกเหลวด้วยแรงเหยียบจากเขา แต่ฉันมันโง่เอง...
โง่ที่ไม่เด็ดขาดมากพอ
สบตากันชั่วอึดใจ ครามก็เป็นฝ่ายเบือนหนีด้วยตนเอง สีหน้าฉายความเบื่อหน่ายอย่างไม่ปกปิด
ครามเหม็นขี้หน้าฉันจะตาย เรื่องแค่นี้ฉันรู้ดีกว่าใคร
ที่สบตากันเมื่อครู่...เกิดขึ้นเพราะความบังเอิญเท่านั้น หามีสิ่งใดเจือปน
หรือถ้ามี ก็คงเป็นความเกลียดชังที่ฉันได้รับจากเขามาไม่ต่ำกว่าร้อยครั้ง
“เขาคงอยากมองแกมากกว่า” ฉันลากสายตากลับมา ก้มจ้องจอสมาร์ตโฟนในมือตัวเองพลางขยับปากพูด “แกก็รู้ว่าเขาสนใจแกอยู่”
โดยไม่ลืมสำทับให้เพื่อนสนิทเข้าใจ และเลิกแกล้งทำเป็นไม่รู้ได้แล้วว่าผู้ชายคนนั้นคิดยังไงกับมัน
“บ้า! พี่ครามไม่ได้สนใจเอยสักหน่อย” ยัยตัวเล็กส่ายหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย
อืม มันไม่ได้คิดอะไรกับครามก็จริง แต่สำหรับเขานั้นต่างกัน
ครามมักมาวนเวียน ป้วนเปี้ยน ปรากฏตัวตามสถานที่ที่เอยอยู่ ให้เคยชินกับการเห็นหน้าเขา ให้ภาพของเขาเด่นชัดในแววตา
หารู้ไม่ ทั้งหมดนั้น มีแค่ฉันที่ติดกับ มีเพียงฉันที่ตกหลุมพราง ในขณะที่ยัยเอยผู้ซึ่งไม่เข้าใจอะไรเลย...ตีความความทุ่มเทของเขาไปอีกทิศทางหนึ่ง
คิดว่าเขา...มีใจให้ฉันเสียอย่างนั้น ตลกซะไม่มี
“แล้วจดหมายกับช็อกโกแลตเมื่อวานของใคร?” ฉันเงยหน้าขึ้นจากจอมือถือ จับจ้องยัยเพื่อนแสนซื่อที่มักทำหน้าเหมือนอยากร้องไห้ทุกครั้งเวลาฉันพูดแบบนี้ “ลายมือทุเรศ ๆ นั่นเป็นของคราม ฉันจำได้”
ไม่ใช่แค่จดหมายหรือช็อกโกแลต แต่เขามักฝากของเล็ก ๆ น้อย ๆ ผ่านเด็กในคณะมาให้มันอย่างสม่ำเสมอ แน่นอนว่าครั้งไหนที่สิ่งของเหล่านั้นมาถึงมือฉันก่อนมัน ฉันก็แค่...
เผาทิ้งไม่ให้เหลือซาก
สารเลวสุด ๆ เลยใช่ไหมล่ะ
ทำยังไงได้ ในเมื่อฉันมันขี้อิจฉา คืออีตัวขี้แพ้ที่เฝ้าริษยาเพื่อนอยู่ในเงามืด
Loser อย่างฉัน ทำได้มากสุดเท่านี้แหละ โคตรน่าสมเพช...
“เพลิงพูดแบบนี้ตลอดเลยอะ รู้ไหมเอยลำบากใจแค่ไหน” เสียงของมันเริ่มสั่นเครือ
“แล้วแกจะเสียงสั่นทำไมเนี่ย” ฉันพรูลมหายใจเฮือกใหญ่หลังพบว่าตัวเองเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เพื่อนผู้เปราะบางลำบากใจจนแทบปล่อยโฮ ก่อนปรับน้ำเสียงที่ไม่มีความแข้งกระด้างเลยแม้แต่น้อยให้กลายเป็นอ่อนโยน
เพื่อนคนนี้ใจบางยิ่งกว่ากระดาษ เซนสิทีฟชนิดที่ว่า...กระทบกระทั่งเพียงผิวเผินก็บ่อน้ำตาแตกได้อย่างไม่ยากเย็น
เพราะมันรู้ดีว่าฉันคิดยังไงกับคราม การเอาแต่พูดว่าเขาสนใจมันเพียงคนเดียว...จะทำให้รู้สึกอึดอัดจนอยากร้องไห้คงไม่แปลกหรอก
“ก็เอยไม่อยากให้เพลิงพูดแบบนี้ไง” ยัยตัวเล็กยืนกราน “พี่ครามเป็นของเพลิงคนเดียวนะ”
การยัดเยียดผู้ชายคนนั้นผ่านคำพูดเป็นร้อยเป็นพันครั้ง แม้จะทำไปโดยมีเจตนาที่ดี ทว่าก็ไม่ได้ทำให้ฉันลิงโลดขึ้นมาแต่อย่างใด เพราะท้ายที่สุดแล้ว...ตัวฉันย่อมรู้ดีว่าความจริงคืออะไร
ทว่า...สำหรับคนขี้แพ้คนนี้ น้อมรับคำลวงนั้นไว้สักนิด ใช้มันปลอบประโลมความผิดหวังก็ไม่นับว่าแย่