บทที่2.3

748 Words
ครามชะงักกึก หันขวับอย่างฉุนเฉียว พอคำตอบประจักษ์ชัดว่าเจ้าของการกระทำเป็นฉัน คลื่นอารมณ์ในแววตาคล้ายขุ่นมัวเป็นเท่าตัว มิหนำซ้ำยังสลัดมือฉันทิ้งอย่างไม่ใยดี ประหนึ่งว่า...สัมผัสของฉันช่างน่ารังเกียจ “อย่ามายุ่ง” ขยับปากเป็นเสียงดุกร้าวเสร็จก็เตรียมเดินหนี ทว่าฉันที่หน้าด้านหน้าทน อีกทั้งยังไร้ยางอายกลับวิ่งไปดักหน้าเขา ดันทุรังทั้งที่รู้ดีว่าการกระทำนี้มีแต่จะทำให้ครามไม่พอใจ “หน้าไปโดนไรมา” จุดประสงค์หลักคือเรื่องนี้ ดังนั้นฉันจะไม่ปล่อยผ่านโดยเด็ดขาด “พ่ออีกแล้วใช่ไหม” “ไม่ใช่ธุระของเธอ” ครามตัดฉับด้วยฝีปากที่คมดุจกรรไกร ถึงอย่างนั้นฉันกลับไม่ถอยห่าง ไม่หลีกทาง ดื้อรั้นกว่าครั้งไหนเพราะเป็นห่วงความรู้สึกของเขา ใต้ความแข็งกระด้าง มีเพียงฉันที่เข้าถึงความบอบช้ำในหัวใจเขา และด้วยเหตุผลนั้น แม้ถูกผลักไสด้วยวาจาห่างเหิน ฉันจึงไม่อาจปล่อยผ่านยังไงล่ะ สุดท้ายเมื่อครามไม่พูดอะไรฉันจึงคว้าข้อมือเขาอีกครั้ง จับจูงอยู่เกือบนาทีกระทั่งหามุมที่คนไม่ค่อยพลุกพล่านได้สำเร็จ ครามหลุบมองข้อมือตัวเองด้วยสายตาว่างเปล่า ซึ่งคราวนี้เป็นฉันเองที่คลายออก เพราะหากถูกสลัดทิ้งเป็นหนที่สอง...ฉันคงฝืนยิ้มได้ยากกว่าเดิมแน่ “มันบวม ทำไมไม่ทำแผลดี ๆ ก่อนลงแข่ง” ไม่รอช้า ฉันเอ่ยถามพลางมองเลือดแห้งกรังบนริมฝีปากหยักบาง ก่อนย้ายสายตาไปยังผิวแก้มแดงเถือกอันปรากฏรอยนิ้วมือขนาดใหญ่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก เดือนหนึ่งฉันเห็นเขาได้แผลประดับกายไม่ต่ำกว่าสามครั้ง หนึ่งในผู้ปองร้ายคือคนในครอบครัว คือผู้ปกครองเพียงคนเดียวในชีวิตเขา “อย่ามาสงสารฉัน” เขากดเสียงต่ำ “จะไปไหนก็ไป” “ฉันไม่ได้สงสาร อย่างี่เง่า” ครามมักคิดว่าคนที่ห่วงใยเขา แท้ที่จริงแล้วสมเพชเวทนา ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมชอบคิดไปเอง “ที่นี่มีรถพยาบาลนี่ ไปทำแผล” กล่าวเสียงดุแล้วเตรียมเดินนำไปยังรถพยาบาลเคลื่อนที่ ทว่าครามกลับคว้าข้อมือฉันไว้ทันควัน ก่อนออกแรงกระชากเข้าตัวเหมือนหงุดหงิดเต็มทน! “โอ๊ย...” เสียงร้องผะแผ่วดังขึ้นโดยอัตโนมัติ เพราะครามบีบโดนแผลสดใหม่ตรงข้อมือฉันอย่างจัง แน่นอนปฏิกิริยานั้นส่งผลให้เขารีบปล่อยมือ ตามด้วยหลุบมองรอยถากที่ปริมาณเลือดปริ่มมากกว่าเดิมจากแรงบีบของเขา พรึ่บ! “ก่อนมายุ่งเรื่องคนอื่น เอาชีวิตตัวเองให้มันรอด” ค่อนขอดเสร็จก็ล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋ากางเกง ก่อนเขวี้ยงใส่หน้าฉันเหมือนไปโกรธใครมาสิบชาติ หมับ! ฉันรับมันไว้ ก้มพิจารณาผืนผ้าสีดำสนิทไม่นานนักก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ครามได้แผลบ่อย อีกทั้งยังขี้ร้อน เพราะแบบนั้นจึงต้องพกผ้าเช็ดหน้าไปไหนมาไหนตลอด ที่สำคัญ...เขาไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร แต่กลับให้สิ่งนี้กับฉัน “คราม” เสียงฉันแหบแห้งไปชั่วขณะ ภายในว้าวุ่นและสับสน อยากยิ้มสักนิดทว่าร่างกายเหมือนจดจำแค่ว่าต้องไม่ระริกระรี้ยามอยู่ต่อหน้าเขา “ให้ ไม่ต้องเอามาคืน” “...” “ของที่เธอสัมผัสแล้ว ฉัน 'ไม่สะดวกใจ' จะใช้ต่อ” อ้อ...ฉันมันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยใช่ไหม สกปรกโสมมถึงขนาดต้องพูดจารุนแรงใส่กันแบบนี้เลยสินะ “แล้วฉันอ้อนวอนนายเหรอคราม? ฉันกราบตีนนายเพื่อจะขอไอ้ผ้าโง่ ๆ นี่หรือไง” โดนเหยียดหยามหนักเข้า...ฉันจึงทนทำตัวน่าสมเพชต่อไปไม่ไหว ดังนั้นผ้าเช็ดหน้าที่เขาเขวี้ยงใส่หน้ากันอย่างไร้ค่า จึงถูกฉันปาลงพื้น เจตนาให้เห็นเต็มสองตาว่าเศษเดนความสงสารที่มาพร้อมคำดูถูก...ฉันเองก็ไม่ได้กระสันจะครอบครองนัก ถ้าทำได้ก็อยากใช้เท้าขยี้ซ้ำ ติดตรง...ระดับความใจแข็งยังไม่มากพอ “งั้นก็ไม่ขอรับไว้เหมือนกัน” “แล้วแต่...” เจ้าของผ้าเช็ดหน้าเฉยเมยต่อการกระทำของฉัน จากนั้นหมุนตัวเดินจากไป ทำไมไอ้หัวใจเฮงซวยถึงเอาแต่จมปรักกับเขา ไปรักคนอื่นที่ดีกว่านี้ไม่ได้หรือไง?
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD