ว่าที่เจ้าสาวหรือแม่มด

1746 Words
         ณ บ้านใหญ่หลังงาม ‘มณีพรรณ’ ณภกรณ์ มณีพรรณ ในชุดสูทเพิ่งกลับจากทำงาน โดนคำสั่งด่วนของมารดา กระชากเนคไทคลายออก พร้อมหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ราคาแพง สีหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์ “ทำไมผู้หญิงเขาหาสามีเองไม่ได้หรือครับ ถึงให้ผู้ใหญ่จัดการให้” เมื่อได้ฟังคำบอกกล่าวกำหนดงานคนที่เพิ่งโดนคำสั่งให้กลับบ้านด่วน ออกอาการทันที สองสามีภรรยามองหน้ากัน และภรรยาก็เป็นคนเอ่ยขึ้น “กร... แม่บอกตรงนี้เลยนะ ลูกอายุมากพอที่จะมีครอบครัวได้แล้ว แล้วผู้หญิงที่ผ่านเข้ามา แม่ไม่เห็นว่ามีใครเหมาะเป็นแม่ของลูกสักคน” ผู้เป็นแม่เอ่ยตามที่เห็นและได้ยินมา เพราะคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก บอกสิ่งที่ตนเองเคยสัมผัสมาก่อน “แล้วแม่เห็นหรือครับว่า ว่าที่ลูกสะใภ้ของแม่ จะเหมาะเป็นแม่ของลูกผม” นี่ก็อีกคน... ผู้หญิงที่แม่กำลังเอ่ยถึง เขาเองก็ไม่แน่ใจ จึงย้อนให้ อย่างอดไม่ได้ แต่ตลอดสองปีมานี่เขายังใช้ผู้หญิงเปลืองเหมือนเดิม หากแต่ไม่ผูกมัดกับผู้หญิงคนไหน โดยที่เขาเองก็หาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้เหมือนกัน หรือเพราะความรัก ที่มีต่อผู้หญิงที่เขารักหมดใจ โดยที่จากไปแบบไม่มีวันกลับหรือใครกันแน่? ...  “ถึงพ่อกับแม่จะไม่สนิทกับหนูภัศสรแต่เท่าที่พ่อกับแม่รู้ คนอย่างเสี่ยสมศักดิ์ไม่ปล่อยให้ลูกสาวทำตัวเหลวไหล อีกอย่างน้องก็น่ารักนะ” ประโยคท้ายสีหน้าแสดงถึงความชื่นชอบ ต่อหญิงสาวที่ตนเองเอ่ยถึง ก่อนจะเหลือบมองเสี้ยวหน้าลูกชาย แล้วยกยิ้ม “อีกอย่างนะ ภาวินก็เป็นเพื่อนของลูก แถมเป็นหุ้นส่วนที่เข้าขากันดีอีกต่างหาก  แล้วทีแบบนี้ กลับไม่ชอบน้องสาวเพื่อนสะงั้น” คำพูดที่ไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากความจริง ทำให้หนุ่มหล่อไร้คำโต้เถียง คิ้วเรียวนูนสูงรอคำแก้ต่าง หากแต่คำตอบที่ได้กลับมา ทำให้นางหน้าหุบลง “แม่ครับ ผมสนิทกับพี่ชาย ไม่ได้หมายความ ว่าผมจะต้องสนิทและรักใคร่กับน้องเขาด้วยนี่ครับ ...ผู้หญิงอะไร ไม่รักนวลสงวนตัว” คำตอบไม่ใคร่ใส่ใจนักแถมค่อนขอดไปยังคนไกลอีก นางจึงส่งค้อนมาให้ อย่างมั่นไส้ ...ดีเท่าไหร่แล้ว ที่คนทำตัวเพลย์บอยมานาน มีคนรับเป็นเขย เถอะ! ทำเป็นเล่นตัว… นางอดค่อนขอดลูกชายกลับไม่ได้ “แม่ไม่พูดกับลูกแล้วนะ มะรืนนี้ แม่จะให้คนไปรับน้องสร เพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว จบนะ!” นางสรุปและตัดบท ผันหน้าไปยังทิศทางอื่นเพื่อเลิกสนใจคนนั่งหน้าปั้นปึง ท่าทางของนาง บอกให้รู้ว่าหมดเรื่องจะไกล่เกลี่ยกับลูกชายตัวดีของเธอแล้ว แต่เขาไม่อยากจบ “แม่ๆ ครับ ทำไมไวแบบนี้ละครับ” น้ำเสียงตื่น ไม่อยากเชื่อ สายตาจริงจังมองเสี้ยวหน้ามารดาที่เริ่มตีสีหน้าเคร่ง จนต้องผันหน้ามองผู้เป็นพ่อที่นั่งเงียบมาตลอด หากแต่ท่านก็เหมือนจะเห็นด้วยกับภรรยาเสียทุกอย่าง จนตัวลูกชายที่กึ่งโดนบังคับไม่อาจประท้วงอะไรมากไปกว่านี้ได้ “แม่อยากให้เรื่องเสร็จวันนี้พรุ่งนี้ด้วยซ้ำนะ” นางตอบกลับ ทั้งที่ไม่ได้หันมามองลูชายตัวดี แม้จะพอใจการทำงานของลูกชายมากแค่ไหน แต่นิสัยเสือซ่อนลายที่อยู่ในตัวฟาดผู้หญิงมั่วไปทั่วแม่ไม่ปลื้ม! “แม่!” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกหน้าไม่เป็นหน้า จนนางถลึงตาใส่ “นิ! โตจนทำงานเองได้ จะเรียกร้องหาแม่ทำไมเนี่ย” นางว่า สีหน้าหงุดหงิด พร้อมขึงตาใส่ เมื่อเห็นว่าลูกชายยังไม่ยอมลง บทจะโหดนะแม่… คำตอบนั้นทำเอาลมหายใจของณภกรณ์เกือบสะดุด ต้องหลุบสายตาต่ำด้วยเกรงจะเป็นการต่อกรทางสายตามารดา เพราะคำตอบนั้นเกือบจะทำให้เขาขาดอากาศหายใจ ด้วยความใจเร็วด่วนตัดสินใจของผู้บังเกิดเกล้าและเมื่อไม่อาจกล่าวสิ่งใดออกมาได้ ณภกรณ์ ที่เคยทำตัวไม่เป็นโล้เป็นพาย จึงเงียบฟัง ปล่อยให้ผู้ใหญ่จัดการตามที่พวกท่านประสงค์ โดยเขาพร้อมจะจำใจเป็นหุ่นเชิด ก่อนจะขอตัวแยกขึ้นห้องไป “...ให้รู้ไปสิ ว่าจะใจแข็งไปได้สักกี่น้ำ” นางเอ่ยขึ้นลอยๆโดยมีสายตาของสามีเจือแววขบขันด้วยความชอบใจ เพราะเมื่อก่อน เขาไม่เคยเห็นภรรยาจริงจังกับลูกชายอย่างนี้เลย และนั้นทำให้ลูกชายกลายเป็นคนเอาแต่ใจจนเคยตัว แต่น่าแปลกห้าปีมานี่ ลูกชายเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เพราะอะไร ทำให้พวกตนกำลังหาคำตอบอยู่เช่นกัน...   ยายแม่มด!... สายน้ำที่พร่างพราวไปบนร่างกาย ไม่อาจทำให้กายหนุ่มหายร้อนรุ่มไปได้ ใบหน้านวลเรื่อโบยบินอยู่ในมโนสำนึก ไม่ได้ห่างหายไปไหนเสมือนสัมผัสนั่นเพิ่งเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่เขาพยายามเตือนกับตัวเองเสมอ แค่เด็กใจแตกคนหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องนำมาใส่ใจ หากแต่กลับกัน ทุกครั้งที่ได้ยินชื่อ แม้จะเสแสร้งทำเป็นไม่สนใจข่าว จากปากเพื่อนชาย แต่ใจกลับหวั่นไหวทุกครั้ง... “หึ นึกว่าสวยตายละ...” เสียงกรุ่นเปล่งออกมาจากปาก ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเผลอตัวไป “ยายแม่มดเฮ้ย!” หากหล่อนไม่ใช่แม่มด แล้วจะทำให้ใจเขาเขว ได้อย่างไร?   สามวันต่อมา ภัศสร ธรรมราช มองดูเภา ถูกใช้ให้มาทำหน้าที่จัดกระเป๋าและเตรียมตัวตามไปเป็นคนใช้ส่วนตัวให้เธอที่กรุงเทพฯ โดยกำหนดการเดินทาง เป็นช่วงเย็นและคาดว่าน่าจะถึงที่นั้น ในช่วงเช้าของอีกวัน “ไม่ต้องเตรียมไปเยอะหรอกพี่เภา” แม้อีกฝ่ายจะเป็นแค่สาวใช้ที่ถูกว่าจ้างมา แต่เธอก็คิดว่าอีกฝ่ายมีอายุแก่กว่าจึงเรียกขานอย่างมีมารยาทกับอีกฝ่าย ใบหน้าเรียบนิ่งเงยหน้ามองคนพูด ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไม่ได้หรอกค่ะคุณสร” “ทำไมจะไม่ได้” ภัศสรมองหน้าคนปฏิเสธคำสั่งเธอ อย่างอยากรู้ เภายิ้มบางๆ “เป็นคำสั่งเสี่ยค่ะ” น้ำเสียงชัด แสดงให้เห็นถึงความเด็ดขาด ภัศสรหน้าเจื่อน แม้จะรู้สึกขัดใจ แต่ก็อดกลั้นไว้ หากแต่ภายในอกรู้สึกสั่นไหวขอบตาร้อนผ่าว “พ่อนะพ่อ ไม่อยากให้สรกลับมาที่นี่อีกอย่างนั้นสินะ” เสียงหวานสั่นเครือตัดพ้อและน้อยใจ เพราะคิดว่าหากเธอเตรียมของทุกอย่างไม่พร้อมในครั้งนี้ เมื่อเสร็จเรื่องทุกอย่าง เธอจะหาข้ออ้างกลับมาบ้านได้ และเมื่อทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อยพร้อมเดินทางโดยรถตู้ราคาล้านกว่า เสี่ยสมศักดิ์โอบไหล่ลูกสาวพร้อมเอ่ยขึ้นเพื่อให้กำลังใจคนหน้ามุ่ย “พ่อจะเดินทางไปวันงานเลยนะ เพราะระหว่างนี้ หนูมีพี่ภาวินรออยู่ที่นั่นแล้ว” เมื่อธุระเกลี่ยกล่อมกึ่งบังคับว่าที่เจ้าสาวจบลง คนอย่างเสี่ยสมศักดิ์จึงยกหน้าที่ทุกอย่างให้ลูกชายคนโตทำหน้าที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวไป โดยไม่ได้ใส่ใจสีหน้าคนในวงแขนแม้แต่น้อย สาวตากลมปนเศร้าเหลือบมองเสี่ยวหน้าบุพการีเล็กน้อย เพราะคำบอกกล่าวนั้น ไม่ได้ทำให้เจ้าสาวอีกไม่กี่วันข้างหน้ารู้สึกดีขึ้นมาได้เลย เพราะทุกครั้งที่คนเป็นพ่อสัญญาเธอมักจะเห็นหน้าพี่ชายเป็นแม่งานทุกครั้ง...แม้แต่วันรับปริญญาของเธอที่เพิ่งเสร็จไป!   “นายกร นี่จะไม่คิดกลับบ้านกลับช่องหรือไง” ว่าที่พี่เจ้าสาวเอ่ยถามเมื่อนั่งมองเพื่อนร่วมหุ้นนานแล้ว โดยอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะหยุดงานบนโต๊ะ ทั้งที่ไม่ใช่งานเร่งด่วน คนหน้าเป็น เหลือบมองเพื่อนชาย “นายก็กลับไปก่อนสิ” “เฮ้ย! พูดแบบนี้ได้ไง” “อ้าว ทำไมจะพูดไม่ได้ ก็วันอื่นๆนายกลับไปก่อนยังได้เลย” คนโดนสวนเกาท้ายทอยอย่างลำบากใจ กับความหน้าตายของว่าที่เจ้าบ่าว “วันนั้นกับวันนี้ไม่เหมือนกัน” ภาวินอยากให้ว่าที่น้องเขยกลับบ้านบ้างเพราะหลายวันมานี้เขาเห็น ณภกรณ์ ขลุกตัวอยู่ในห้องพักที่ออกแบบให้อยู่ติดกันกับห้องทำงาน จนกลายเป็นบ้านอีกหลังของว่าที่น้องเขยไปแล้ว “ไม่เหมือนกัน?...” เสียงทุ้มเอ่ยทวนเบาๆ พร้อมมือเรียวหนาหยุดชะงักค้าง มองเพื่อนร่วมหุ้น ตาคมเข้มหรี่แคบ นึกทวน หากแต่ก็นึกไม่ออก “ยังไง พักก็คนละที่ รถก็คนละคัน ไม่เหมือนวันอื่นๆ ตรงไหน?” ภาวินส่ายหน้าแรงๆ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่า ว่าที่เจ้าบ่าวไม่ได้เสแสร้งแกล้งลืม เขาจึงตัดสินใจเตือนความจำ “ก็วันนี้น้องสรเดินทางมาถึง มณีพรรณไง” เมื่อบอกไปแล้วภาวินรอดูอาการอีกฝ่าย คิ้วหนาเลิกขึ้นเมื่อได้ฟังคำบอกกล่าวจากเพื่อนร่วมหุ้น ก่อนจะทำหน้านิ่งเหมือนไม่ได้ใสใจ “เหรอ...?” คำสั้นๆ หากแต่เรียกอารมณ์ของว่าที่พี่ชายเจ้าสาวเสียสูงปรี๊ด ถลึงตาตอกกลับ หากอีกฝ่ายไม่มีโอกาสได้เห็น เพราะสายตามองต่ำ เพ่งมองหน้ากระดาษตรงหน้าอย่างสนใจ จนต้องเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ “นี่นายไม่รู้สึกดีจงดีใจอะไรเลยหรือ ห้าปีเลยนะ ที่นายไม่เจอว่าที่เจ้าสาว” “ไม่จำเป็น” คำตอบที่ได้ ทำเอาภาวินใบหน้าหุบ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไม่คิดไปดูหน่อยเหรอ ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง” “ไม่จำเป็น” “...!” ประโยคเดิม ทำเอาว่าที่พี่ชายเมียถึงกับหน้าชา จนกลายเป็นหงิกงอ ‘ไอ้บ้านี่ หากน้องสาวฉันปากแหว่งขึ้นมา ในช่วงสองปีมานี่ ฉันจะสะใจแกจริง’ ด้วยความมั่นไส้ ในความเฉื่อยชาของว่าที่น้องเขย ดูเอาเถอะ...ไม่ใส่ใจว่าที่เจ้าสาวเลยสักนิด บ้าที่สุด! เมื่อคะยั้นคะยอเพื่อนชายไม่ได้ผล ภาวินจึงตัดสินใจลุกขึ้นเดินดุ่มๆ ออกไป  พร้อมในใจตะโกนก้องอย่างเหลืออด รับคนเดียวก็ได้วะ ไม่เห็นจะง้อเลย!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD