ปัจจุบัน…
สายตาขุ่นๆ มองไปนอกหน้าต่าง“พ่อคะ หนูยังไม่พร้อม”
ภัศสร หรือ สร ในวัยยี่สิบสี่ปี รูปร่างกลมกลึงสมส่วน รีบบอกปัด และเริ่มนั่งไม่ติดที่ เพราะคำเอ่ยบอกกึ่งบังคับของผู้เป็นพ่อ และทุกอย่าง เริ่มทำให้บรรยากาศภายในตัวบ้านที่ตกแต่งไว้อย่างสมฐานะของเสี่ยใหญ่ ร้อนอบอ้าวขึ้นมาฉับพลัน
“ไม่พร้อมได้ไง ครั้งก่อนลูกบอกว่าเรียนให้จบก่อน ตอนนี้ก็จบลงไปแล้ว พ่อต้องการให้ลูกแต่งงานให้มันจบๆ อีกอย่างพ่อกับลุงณครตกลงกันไว้อย่างดิบดี จะให้พ่อเสียคำพูดได้ไง”
เสี่ยใหญ่ออกอาการหัวเสีย เมื่อลูกสาวคนเล็กออกอาการดื้อเพ่ง ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงาน ทั้งที่เคยสัญญากันไว้เมื่อห้าก่อน หลังจากที่เกิดเรื่องวันนั้น ‘มณีพรรณก็รับปากรับผิดชอบอย่างไม่มีอิดออด’
“พ่อคะ หนูอยากรู้จริงๆ ว่าที่ทำกันเองทุกวันนี้ จะไม่คิดถามหนูสักคำหรือคะ ว่าต้องการแต่งงานกับผู้ชายคนนั้นหรือเปล่า... ที่สำคัญ หนูอยากรู้ว่าเรื่องวันนั้น ใครเป็นคนบอกพ่อ หรือจะเป็นพี่ภาวิน...”
ภัศสรเอ่ยถึงภาวินพี่ชายของเธอ เพราะตั้งแต่วันนั้นที่เกิดเรื่อง พี่ชายก็ตามเพื่อนรัก ไปเปิดบริษัทซึ่งมีคู่กรณีของเธอร่วมหุ้นอยู่ด้วย และทุกวันนี้ เธอต้องรับมือกับคำสั่งกรอกหู อยู่เพียงลำพัง ‘ถึงเวลาอย่าคิดผิดสัญญา’
เธออยากรู้นักว่า อีกฝ่ายจะโดนเหมือนอย่างเธอหรือเปล่า...? เพราะบุคลกลุ่มนั้นเป็นเพื่อนพี่ชาย เรื่องนี้พี่ชายเธอก็ต้องมีส่วนเกี่ยว... แต่ดูเหมือนพ่อไม่เคยเอ่ยถึง ซ้ำแม้แต่จะตำหนิอีกฝ่ายต่อหน้าเธอก็ไม่มี
เถอะ!
เพราะตั้งแต่เกิดเรื่อง น่าละอายใจ เธอพยายามลืมเรื่องวันนั้น ให้หมดจากใจ เพราะความเผลอตัวเผลอใจไร้สติไตร่ตรอง จนเกิดเป็นเรื่องเป็นราว หากแต่เรื่องทุกอย่างน่าจะเงียบ หากเหตุใด พ่อถึงได้รู้เรื่องทุกอย่าง... จนบังคับให้เธอหมั้นให้ได้ หากเธอขอผลัดจนเรียนจบไม่ยอมหมั้นหมาย แค่หวังว่าเรื่องคงเงียบและลืมเลือนเมื่อระยะเวลาผ่านไป
แต่เปล่าเลย... ตอนนี้เธอเรียนจบไม่ทันได้ทำงานด้วยซ้ำ แล้วเรื่องในวันนั้น ก็กลับมารื้อฟื้น เอาคำสัญญาจากเธอ...
“จะใครก็ช่าง งามหน้ามั้ยละ ไปหาผู้ชายถึงในห้อง ดีเท่าไหร่ ที่พ่อกับพ่อของไอ้หนุ่มนั้น เป็นคนรู้จักกันมาก่อน”
สีหน้าปลื้มปริ่มเมื่อเอ่ยถึงว่าที่ลูกเขย ภัศสรชักสีหน้าขุ่น จิกตามองออกไปไกล ประหนึ่งอยากให้ผู้ชายที่กำลังถูกเอ่ยถึง ยืนอยู่ตรงนี้นัก
“เตรียมตัวไว้ให้พร้อมแล้วกัน”
คำสั่งเด็ดขาด ทำให้เธอหันกลับมามองบิดาอีกครั้ง
“แต่ พ่อคะ...” เธอทำเสียงแข็งแล้วแผ่วลง สีหน้าเหนื่อยหน่าย
อยากเอ่ยเหตุผลและความต้องการ หากแต่เหมือนทุกคนไม่ใคร่จะรับฟังและใส่ใจ
“พอเถอะ ไม่ต้องแต่...” บิดารู้ดีรีบสั่งเสียงเฉียบ “เตรียมตัวให้พร้อม ทางโน้นจะส่งคนมารับอีกไม่กี่วัน และอย่าคิดทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก เพราะพ่อไม่อยากขายหน้าใครๆเขาอีก”
ชายวัยเกือบ60ปี หากแต่เป็นคนดูแลสุขภาพและร่างกายดี รูปร่างและเค้าโครงความหล่อจึงยังคงมีให้เห็น เอ่ยตัดบท เป็นการยุติเรื่องทุกอย่าง
“อือ คุณพ่อ!”
เมื่อโดนคำสั่งเด็ดขาด ภัสศรถึงกับหน้าตึง เสียงขุ่น เธอไม่อยากเชื่อ ว่าผู้ใหญ่จะเล่นไม้นี้ และไม่คิดว่าฝ่ายชายนั้น จะเห็นดีเห็นงามไปด้วยและเมื่อรู้สึกว่าอึดอัดเต็มทน ภัศสรจึงตัดสินใจลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก้าวเดินออกไปพร้อมกับหัวใจที่อัดแน่นด้วยความน้อยใจและขุ่นเคือง โดยมีสายตาผู้เป็นพ่อมองตามอย่างอ่อนใจ
“พ่อทำเพื่ออนาคตของลูกนะ ผู้ชายอาจจะหาได้ไม่ยาก แต่ฐานะและทางสังคม ที่ดีพร้อมอย่าง ‘มณีพรรณ’ หาได้สะที่ไหน...” เสียงทุ้มเอ่ยออกไปแผ่วๆ เหมือนแค่ต้องการเอ่ยฝากไปกับลมให้คนที่เดินผละไปเข้าใจถึงเหตุผลของตัวเองที่ได้ทำลงไป
“เฮ้อ” เสียงถอนหายใจถูกผ่อนออกมาพร้อมแผ่นหลังพิงลงไปบนเบาะนุ่มอย่างอ่อนใจ ก่อนจะนึกถึงเหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่กลับมาจากเยี่ยมเยียนเพื่อนฝูง...
“น้ำค่ะเสี่ย”
หญิงสาววัย30ต้นๆรูปร่างสมส่วน ถูกว่าจ้างให้มาดูแลบ้านชั่วครั้งชั่วคราว วางแก้วน้ำที่เตรียมพร้อมตั้งแต่ได้ยินเสียงรถวิ่งเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มหวานส่งให้อย่างคนคุ้นเคย
“อืม...” เขาขานรับพร้อมยกแก้วน้ำขึ้นดื่มเกือบหมดแก้วแล้ววางกลับที่เดิม
“ฉันไม่อยู่ ที่นี้สงบเรียบร้อยดีใช่ไหม?” เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมส่งยิ้มให้คนตรงหน้าที่มีใบหน้าเกลี้ยงเกลางามผิดหูผิดตาจากสาวชาวบ้านทั่วไป อย่างคนมีความสุข อีกทั้งตั้งตารอคำตอบจากสาวตรงหน้า
เสี่ยสมศักดิ์แม้จะเป็นคนเห็นแก่ได้ ไร้น้ำใจอย่างที่ทุกคนรายรอบเข้าใจกัน หากคนในครอบครัวก็ไม่เคยละทิ้งความใส่ใจ
“เอ่อ...” ใบหน้าที่มีรอยยิ้มแต้มอยู่หุบลง
“หือ?...” เจ้าของบ้านเฒ่าส่งเสียงในลำคอ พร้อมๆกับสายตาคมย้ำชัด
“เอ่อ...” สาวใช้หลุบสายตาต่ำ อ่ำอึ้ง ยิ่งเพิ่มความอยากรู้ให้คนที่แก่กว่ามากขึ้น
“ทำหน้าเหมือนกับมีเรื่องขึ้นในบ้าน มีอะไร? เล่ามา!” เสียงทุ้มกร้าวมาพร้อมกับเสียงกระแทกฝามืออวบอูมทุบลงบนโต๊ะไม้เนื้อดี คู่สนทนาสะดุ้งพลาม ตาลีตาเหลือก
“คึ คือ ช่วงที่เสี่ยไม่อยู่ พะ เพื่อนคุณภาวิน มะ มา พักที่บ้านค่ะ”
“ก็ไม่แปลก... แล้วทำไม ต้องทำหน้าเหมือนมีใครฆ่ากันตายในบ้านฉัน สะอย่างนั้น”
“เอ่อ ก็ไม่ถึงกับฆ่ากันตาย...” เธอหยุดพักหายใจหลังที่ใจหายใจคว่ำ แล้วเอ่ยต่อเมื่อสีหน้าคลายลง “แต่เภาไม่แน่ใจว่ามันเรื่องอะไร ไม่กล้าเข้าไปใกล้...”
แน่นอนความอยากรู้วันนั้น ทำให้เธอไม่อาจเดินผ่านเลยไปและเสียดายอยู่ไม่น้อยที่ตอนนั้น เธอไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย “เลยไม่รู้ว่าคุณสาไปทำอะไรมา แต่เสียงร้องและการพูดคุย ทำให้ไม่ไว้ใจค่ะ”
“แล้วนายวินมัวทำอะไรถึงปล่อยให้เกิดเรื่องกับน้องนุ่ง” ใบหน้าที่คลายจะสงบ เครียดตึงขึ้น สาวใช้รีบหลบสายตามองพื้นอีกครั้ง
“ก็อยู่ด้วยกัน แต่ไม่เห็นใครว่าอะไรได้ยินแค่ว่า ‘หากผู้หญิงไม่เข้าหา เรื่องก็คงไม่เกิด’ ได้ยินแว่วๆแค่นั้น”
“เออๆ ไปไหนก็ไป เดี๋ยวฉันจะสอบถามให้ได้ความ เธอไปทำอะไรก็ไป ไป้” เมื่อเกิดเรื่องไม่งามขึ้นภายในบ้านเสี่ยใหญ่ถึงกับอารมณ์เดือด
เมื่อโดนไล่ เภารีบลุกขึ้น กลับไปทำหน้าที่ของเธอต่อ และเมื่อลูกจ้างสาวแยกตัว การเค้นหาความจริงของคนในบ้านจึงเกิดขึ้น แม้จะได้คำตอบกำกวมของลูกสาวแต่แค่ได้ชื่อของชายหนุ่มผู้นั้นในบรรดาเพื่อนลูกชาย การสืบหาตัวใครสักคนจึงไม่ใช่ปัญหา
คนอย่างเสี่ยสมศักดิ์ไม่อยากให้อีกฝ่ายลอยนวล จัดการโทรให้เพื่อนที่ทีอิทธิพลกว้างขวางช่วยจัดการเสาะหา ไม่กี่วันก็ได้ข้อมูลกลับมา การรายงานถึงสภาพทางฐานะและครอบครัวของอีกฝ่ายจนต้องกลับเอามาคิดทบทวนแผนการ
เหมือนฟ้าเป็นใจเสี่ยสมศักดิ์ เมื่องานที่วานเพื่อนสืบ ได้ข่าวความคืบหน้า รู้ว่าพ่อหนุ่มคนนั้นเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ความคิดที่จะเป็นทองแผ่นเดียวกันจึงเกิดขึ้นด้วยความเห็นชอบของผู้ใหญ่ที่แอบติดต่อกัน และตอนนี้ก็เหลือแต่ให้ฝ่ายลูกสาว ยินยอมพร้อมใจเท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าหล่อนจะมีทางเลือก!