กว่าจะรู้ใจตัวเอง

1280 Words
ณภกรณ์จึงเดินขึ้นชั้นบนโดยเกือบทันๆ กับสาวใช้ ที่ว่าที่ภรรยาเอาติดตัวมาจากบ้าน ก่อนจะใช้ภาษาบางอย่าง สื่อให้สาวใช้บ้านป่าหยุด เภาก้มหน้ารับคำสั่งแล้วหันหลังเดินกลับทางเดิม ก๊อก ก๊อก... คนที่นอนอยู่บนเตียงผงกหัวขึ้นแล้วบอกออกไป “เภาหรือ เข้ามาสิ ประตูไม่ได้ล็อก” ก่อนจะดันตัวเองลุกขึ้นนั่ง มองประตูที่เปิดอ้าออก รอว่าอีกฝ่ายมีเรื่องอะไร “หะ คุณกร เข้ามาทำไม?” ภัศสรร้องถามเสียงตื่น “บ้านผม ทำไมจะเข้ามาไม่ได้” คนอ้างตัว ตอบอย่างไม่ยีระ พร้อมกับปิดประตูแล้วเดินตรงเข้ามาหาร่างบาง ที่ตอนนี้กระโดดไปอยู่อีกฝั่งของเตียง อาการกลัวจนออกนอกหน้า ทำเอาใบหน้าหล่อเหล่าบิดยิ้ม สายตาพราวระยับ คล้ายแกล้งให้อีกคนหวาดระวังเป็นเท่าตัว “บ้านคุณ...แต่ห้องนี้ คุณแม่ยกให้สรแล้ว” ใบหน้าหวานเชิดขึ้น มุมปากหนากระตุกแล้วจางหายไป คิดหรือว่าเขาจะฟังคำหล่อน “แม่ยกให้สร...” เถอะ เขาทวนคำอย่างมั่นไส้ “เอ้า ผมเอายานวดมาให้ นวดสะ” เขายื่นหลอดยาในมือให้ไป เธอลังเล “ขอบคุณ แต่หากจะกรุณา ก็วางไว้หัวเตียงนั้นแหละ” “อะไรของคุณ ทีเมื่อก่อนไม่เห็นจะกลัวผมขนาดนี้นิ” เขายังแดกดัน เมื่อเห็นว่าหล่อนกลัวเขาจนขึ้นสมอง และครานั้นหากหล่อนคิดกลัวผู้ชาย คงไม่เข้าไปห้องเขาจนเกิดเรื่อง ใบหน้าหวานซับสีเลือดฝาด ตาบ้า! เข้าเรื่องอดีตอีกจนได้ เธออดไม่ได้ที่ต้องด่าว่าที่เจ้าบ่าวในใจ ที่ชอบเอ่ยในสิ่งที่เธอละอายไม่ได้ “ผมจะนวดให้” เธออึ้งไป ก่อนจะปรับความรู้สึกแล้วร้องบอกไป “ไม่ต้อง! ฉันนวดเองได้ คุณรีบออกไปเถอะ เดี๋ยวใครมาเห็น ไม่งาม” คนหวังดีชะงักไปก่อนจะเอ่ยขึ้น แบบไม่ใส่ใจ “ใครที่ว่า... เขารู้กันหมดแล้ว ว่าเราสองคนจะนอนร่วมห้องกันอยู่อีกไม่กี่วัน” ภัศสรกลืนน้ำลายลง มองดูใบเกลี้ยงเกลาที่เจ้าของดูแลเป็นอย่างดี เธอแทบมองไม่เห็นแววตาชื่นชมหรือดีใจ ในขณะที่เขาเอ่ยถึงเรื่องน่ายินดี ที่ครั้งหนึ่งของหนุ่มสาวจะได้เจอเพียงครั้งเดียว คำพูดนั้น หากเป็นเจ้าบ่าวคนอื่นๆ คงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ หากแต่กลับกัน ผู้ชายตรงหน้าไม่แสดงถึงความยินดีแม้แต่น้อย นี่หรือเจ้าบ่าวที่กำลังจะเข้าหอกับเจ้าสาวที่อยู่ตรงหน้าอีกไม่กี่วัน... “แต่ก็ไม่ใช่ตอนนี้” เสียงแข็งๆ ที่เผลอตอบออกไปโดยไม่รู้ตัวด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ทำให้อีกฝ่ายชักสีหน้า “ผมไม่ได้โง่” เขาตอบกลับเสียงขุ่น พร้อมกับวางหลอดยาที่เขาหยิบออกมาจากห้องตนเองไว้ตรงหัวเตียง แล้วเดินออกไป อาการตะบึงตะบอนทำให้ภัศสรคิดได้ เขาอาจหวังดีจริงๆ หากแต่ก็สายไปแล้วเมื่ออีกฝ่ายปิดประตูดังปัง! หลังจากที่กลับมาจากลองชุดแต่งงานและถ่ายเวดดิ้ง ณภกรณ์รอเจอผู้เป็นแม่ แล้วก็ขอตัวกลับไปทำงานต่อ แม้ผู้เป็นแม่จะร้องห้ามแล้วก็ตาม “ลูกคนนี้ ขยันอะไรปานนั้น...” นางบ่นเมื่อรถลูกชายแล่นหายไปแล้ว ก่อนจะกลับมานั่งที่โซฟา หน้าตูม “เภา เภา มานี่หน่อยสิ” คนใช้ส่วนตัวของว่าที่ลูกสะใภ้เดินเข้ามาพอดีนางจึงเรียกไว้ “คุณปานวาด มีอะไรให้เภารับใช้หรือคะ” เธอเดินเข้ามาแล้วย่อเข่าลงนั่ง สายตาจ้องลึก เพ่งพิศสาวใช้บ้านนอก คิ้วเรียวที่กรีดกันไว้อย่างดีนูนเด่น เภาจึงก้มมองดูตามสายตา ของคุณปานวาด บนตัวเธอมีอะไรผิดปกติ? “นี่ถ้าเธอบอกว่าเป็นเพื่อนหนูสร ฉันเชื่อนะ” คำพูดที่คัดกรองมาจากสายตาเอ่ยขึ้น ก็ผิวพรรณและสำเนียงแว่วหวานเหมือนคนมีการศึกษา ทำให้นางคิดเช่นนั้น “อุ้ย เภามิอาจเอื้อมหรอกค่ะ” เธอรีบบอก หน้าตื่น “อายุ เท่าไหร่แล้ว” คนอาบน้ำร้อนมาก่อน ซักต่อ “สามสิบค่ะ” เธอบอกตามที่เคยบอกเสี่ยสมศักดิ์ “อะไรกัน สามสิบแล้วเหรอ” นางถามเสียงตื่น ไม่อยากเชื่อหูตัวเองนัก เมื่อตาขัดกับอายุมาก “ค่ะ สามสิบ” เภายืนยัน “เรียนละ เธอเรียนจบอะไรมา” “เภาเป็นเด็กกำพร้า มีแต่ญาติห่างๆ ก็เลยเรียนได้แค่ป.6” “อืม...” นางรับรู้ “แล้วนี่มาจากไหนเหรอ?” “อะ อ่อ เภาออกไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อมาค่ะ” เธอตอบ พร้อมก้มมองถุงหิ้วในมือ ที่มีตราประทับอยู่ ปานวาดจึงพยักหน้ารับรู้อีกครั้ง “อืม ไปเถอะ ฉันไม่มีอะไรจะใช้เธอหรอก” เภาก้มหน้ารับแล้วลุกขึ้นเดินออกไป โดยมีสายตาที่ผ่านโลกมามากอย่างปานวาด มองดูจนเภาเดินหายไปยังห้องพัก “นี่นายยังกลับมาทำงานอีกหรือวะ?” คนที่รับหน้าที่ดูแลบริษัทแทน ถามเสียงตื่น เวลานี้เขาอยากให้ว่าที่น้องเขย เตรียมตัวทำหน้าที่เจ้าบ่าวมากกว่า หากแต่คนเดินเข้ามา กลับมีสีหน้า บอกบุญไม่รับ ภาวินจึงลดสีหน้าและอารมณ์ลง “เออ!” น้ำเสียงบอกได้เลยว่าเจ้าตัวกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน “เป็นอะไรอีกละ กิ๊กไม่ยอมเลิกด้วยหรือว่าไง ถึงทำหน้าเหมือนไม่ได้ถ่ายท้องอย่างนี้” ภาวินอดไม่ได้ที่จะไม่เอ่ยเย้า คนหน้าตูม ใบหน้าคมเข้มไร้รอยยิ้ม กระแทกก้นนั่งลงบนเก้าอี้ตรงกันข้าม ค้อนให้ “นายอยากให้เป็นแบบนั้นหรือไง” น้ำเสียงกึ่งประชดตอบกลับ ภาวินชักสีหน้า “ไม่ได้ ฉันไม่อยากให้น้องสาวน้ำตาเช็ดหัวเข่า” ที่จริงเขาคิดว่า การกระทำของณภกรณ์ทำให้น้องสาวเขา เสียน้ำตากับเรื่องนี้ไปแล้วเท่าไหร่แล้วไม่รู้ ยามลับหลังเขา อีกฝ่ายทำเสียงหึ ในคำคอแล้วเอ่ยขึ้น “ถามจริง นายมั่นใจฉันมากเลยหรือไง ถึงยกน้องสาวให้ฉัน” น้ำเสียงของณภกรณ์จริงจังขึ้น ใบหน้าที่ก้มมองเอกสารบนโต๊ะไปพลาง เงยหน้าจ้องมอง นิ่งนาน เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แล้วเอ่ยขึ้น “หากนายถามว่าฉันมั่นใจหรือ ที่ยกน้องสาวให้... นายรู้ไว้เลยว่า ถึงฉันมั่นใจว่านายทำได้ดีในหน้าที่ของสามี แต่ให้รู้เอาไว้ หากยายสร ไม่เอานาย ฉันหรือพ่อก็ไม่มีใครบังคับใจเธอได้” ณภกรณ์นิ่งไป ก่อนจะลุกขึ้นพร้อมกับยกฝามือลูบไปบนใบหน้าของตนเองแรงๆ เสมือนอยากสลัดสิ่งที่ได้ยินทิ้ง “ฉันขอตัวไปทำงานที่ค้างไว้ก่อนแล้วกัน ยังไงจะได้รีบกลับไปเก็บตัว ทำหน้าที่ ว่าที่เจ้าบ่าวที่ดีให้สมกับที่ใครบางคนต้องการ” สีหน้าและน้ำเสียงยังมีแววประชดประชันอย่างเคย คนฟังรู้สึกกระหยิ่มในใจก่อนจะพูดออกไปว่า “ดีมาก อีกไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์แล้วนี่ นายต้องอยู่นิ่งๆ คนเมื่อก่อนเขาถือ” คำพูดของเพื่อนชาย ทำให้ณภกรณ์หันมาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ว่าจริงหรือ? แล้วเดินออกจากห้องไป ริมฝีปากหนากระตุกยิ้ม มองแผ่นหลังว่าที่น้องเขยก้าวเดินออกไปเงียบๆ ...ก็แค่นี้ ผู้ชายมักปากแข็ง!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD