ท้องฟ้าในเดือนตุลาคม ส่งท้ายฤดูฝนย่างเข้าสู่ช่วงต้นฤดูหนาวหม่นเสียจนพาให้คนมองรู้สึกหมองในหัวใจ
สองปีแล้วสินะ
นายแพทย์น่านฟ้ายิ้มเยาะหยันตัวเองที่ยังเฝ้าคิดถึงและรอคอยอดีตภรรยาที่ลากกระเป๋าออกจากเรือนหอที่เขาตั้งใจสร้างมันเพื่อเธอ ทำทุกอย่างเพื่อให้ผู้หญิงที่รักสุดหัวใจมีความสุขที่สุด แต่สุดท้ายรวินท์วิภาเลือกหันหลังให้ที่นี่เพื่อไปหาอนาคตที่ดีกว่า
“หย่าให้พริ้มเถอะนะคะน่าน” ยากที่จะพูดออกไป แต่อย่างไรรวินท์วิภาก็ต้องพูด เจ็ดปีที่เธอวางอนาคตไว้ในมือนายแพทย์น่านฟ้า หมอหนุ่มอนาคตไกล แต่ทุกอย่างที่สามีมีมันยังน้อยไป
“ทำไมพริ้ม เราไปเรียนด้วยกันได้นี่ ผมไปกับคุณได้” หมอหนุ่มคว้ามือภรรยามากอบกุม ร่างสูงใหญ่สั่นสะท้านไปทั้งสรรพางค์ น่านฟ้ารู้จักผู้หญิงที่ตัวเองรักดี อะไรที่รวินท์วิภาได้พูดออกมา นั่นคือเธอคิดดีแล้ว แต่ทำไม ทำไมเมียเขาถึงได้ตัดสินใจเช่นนี้ สี่ปีที่คบหาดูใจและอีกสามปีที่ใช้ชีวิตคู่ น้อยครั้งที่เราสองคนจะทะเลาะกัน เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมอยู่ๆ ภรรยาถึงเอ่ยเรื่องหย่า ทั้งที่ผ่านมาเรารักกันดี ไม่มีปัญหาอะไรในครอบครัวอันเป็นสาเหตุที่จะนำไปสู่การเลิกรา “ถ้าพริ้มอยากไปเรียนต่อ ผมจะไปด้วย ดีไหมครับ”
รวินท์วิภาสงสารสามีจับหัวใจ รู้ว่านายแพทย์น่านฟ้ารักเธอมากแค่ไหน แต่เขาไม่อาจให้เธอได้ในสิ่งที่ต้องการ การเป็นภรรยาของผู้ชายที่ซื่อสัตย์เป็นโชคดี ทว่าในขณะเดียวกันมันก็สร้างความทุกข์ให้กับเธอ เธอไม่ควรค่ากับความรักที่น่านฟ้ามีให้ และน่านฟ้าไม่อาจให้ในสิ่งที่เธอต้องการ “น่านคะ พริ้มมีคนอื่น พริ้มคบกับคุณตะวันฉายมาได้สักพักแล้วค่ะ”
ในวันที่ภรรยาตัดสินใจจบทุกอย่าง เพื่อเดินในเส้นทางที่หล่อนใฝ่ฝันเคียงข้างไปกับผู้ชายที่ชื่อตะวันฉาย นายแพทย์น่านฟ้าเหมือนตายทั้งเป็น เจ็บจนแทบลืมหายใจ ทั้งที่รู้ว่าถูกทรยศ ทั้งที่รู้ว่าอย่างไรก็ไม่อาจทำให้รวินท์วิภาเปลี่ยนใจ ทว่าเขายังพยายามรั้งหญิงสาวว่าอย่าไป..
ทว่าสุดท้ายถ้อยคำอ้อนวอนไปไม่ถึงหัวใจ แพทย์หญิงอนาคตไกลให้เขาได้เพียงใบหย่า เธอเลือกความก้าวหน้าในสายอาชีพและคนที่มั่งคั่งด้วยทรัพย์สินเงินตรา ไม่ใช่สามีนายแพทย์ที่ต้องช่วยกันสร้างฐานะ
“ทำไมพริ้ม ทำไมคุณถึงทำอย่างนี้กับผม ที่ผ่านมาผมผิดพลาดตรงไหน” ในเมื่อทุกลมหายใจเข้าออก ทุกขณะวินาที เขาพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อผู้หญิงที่ชื่อรวินท์วิภา
“คุณไม่ผิดเลยค่ะน่าน พริ้มผิดเอง” แรกรักความรู้สึกบังตา เธอจึงไม่เชื่อคำพ่อแม่ที่ว่าหากแต่งงานกับนายแพทย์น่านฟ้า ชีวิตต้องดิ้นรนกว่าจะมีเหมือนอย่างคนอื่นได้ ต่างกันหากเลือกฝากชีวิตไว้กับตะวันฉาย ชายหนุ่มผู้มากด้วยทรัพย์ ชีวิตจะสุขสบายเหมือนดั่งเจ้าหญิง
สุดท้ายเป็นจริงเหมือนอย่างพ่อแม่ว่า แพทย์หญิงรวินท์วิภาเพียบพร้อมด้วยรูปโฉม ความรู้ พื้นฐานครอบครัวไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร แต่กลับต้องมานั่งรถญี่ปุ่นมือสองของคนรักที่ไม่มีแม้กระทั่งปัญญาซื้อรถยนต์ดีๆ สักคันขับ
“หย่าให้พริ้มนะคะน่าน คืนอิสระให้แก่กัน พริ้มไม่ได้รักคุณแล้ว พริ้มรักคนอื่น”
ทุกเรื่องราว ทุกคำพูด ยังคงชัดเจนในความทรงจำ แม้วันเวลาผันผ่านมากว่าสองปี เป็นสองปีที่เขาและรวินท์วิภาต่างมีชีวิตเป็นของตนเอง อดีตภรรยาได้โบยบินไปในเส้นทางที่เธอฝัน ส่วนเขาแม้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เป็นแพทย์กระดูกชื่อดัง ทว่านายแพทย์น่านฟ้า พงษ์ศิระ กลับไม่เคยมีความสุขกับสิ่งที่ตนไขว่คว้ามาได้
“เป็นยังไงบ้างนะพริ้ม หวังว่าคุณคงสบายดี” ความสุขของเขาอยู่ไกลแสนไกล ไม่รู้ว่าเธอจะกลับมาไหม แต่หากวันใดรวินท์วิภากลับมา เขาจะอ้าแขนรับโดยไม่สนใจว่าครั้งอดีตเกิดอะไรขึ้น
ผู้หญิงคนเดียวที่ปักใจรัก มีเพียง ‘แพทย์หญิงรวินท์วิภา’
“พี่น่านขา มากินข้าวเร็ว”
น้ำเสียงหวานกังวานใสที่ดังเจื้อยแจ้วมาจากด้านในครัวฉุดให้นายแพทย์น่านฟ้าหลุดจากภวังค์ เจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ยืนทอดสายตามองสนามหญ้าหันกลับไปหา ‘ดอกหญ้า’ เด็กสาวที่อยู่ร่วมบ้านกันมาหนึ่งปีกว่า
“ไปกินข้าวกันดีกว่าค่ะ” ดอกหญ้าคล้องแขน ‘ชายคนรัก’ ของตนอย่างที่เคยทำ ทั้งยังออดอ้อนเหมือนลูกแมวตัวน้อยยามออเซาะเจ้าของ “หนูทำเมนูที่พี่น่านชอบทั้งนั้นเลย หนูลองชิมแล้วอร่อยมาก”
“อร่อยจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมว่าขี้โม้มากกว่าล่ะม้าง” หมอนุ่มบีบจมูกเล็ก มันเขี้ยวดอกหญ้าทว่าก็เอ็นดูเจ้าหล่อนนัก นี่กระมังความสดใสหนึ่งเดียวในชีวิตเขา
คนตัวเล็กยานจมูกใส่นายแพทย์น่านฟ้า หญิงสาวทำท่าแสนงอน “ชิ! พูดแบบนี้วันหลังไม่ทำให้กินแล้ว”
“ล้อเล่นครับ ฝีมือหญ้าอร่อยที่สุด” เขาโน้มตัวลงไปหอมแก้มนุ่มฟอดใหญ่ “จะกินให้หมดเกลี้ยงเลยดีไหมครับ”
“ห้ามให้เหลือเลยนะคะ ไม่อย่างนั้นคนตั้งใจทำเสียใจแย่” อาหารทุกอย่างเธอทำมันจากหัวใจ จากคุณหนูที่เคยไม่หยิบจับอะไร กลายเป็นแม่บ้านที่ทำได้แม้กระทั่งขัดส้วมให้ผู้ชายที่เป็นสามีทางพฤตินัย นี่ถ้าคุณพ่อที่อยู่บนสวรรค์ได้เห็น ท่านคงภูมิใจที่ลูกสาวมีพัฒนาการทางด้านการใช้ชีวิต แต่ถ้าคุณแม่และพี่ชายรู้คงเสียใจมากกับเรื่องที่เธอทำ
“เป็นอะไรหรือเปล่า” ไม่บ่อยนักหรอกที่เขาจะเห็นดอกหญ้าทำหน้าเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ ปกติหญิงสาวร่าเริงและคิดบวกจะตายไป อีกทั้งเธอยังถือคติว่าช่างแม่งกับเกือบทุกเรื่องในชีวิต
“อาทิตย์หน้าแม่กับพี่จะมาเยี่ยมค่ะ พี่น่านคะ” หญิงสาวเงยหน้ามองชายคนรัก “ไปทานข้าวกับแม่กับพี่ชายหนูดีไหมคะ หนูจะได้แนะนำพี่น่านให้รู้จักกับแม่แล้วก็พี่พายุ”
แววตาสีน้ำตาลเข้มหวั่นวิตกอย่างเห็นได้ชัด หลายครั้งที่เขาบอกปัดเวลาที่ดอกหญ้าชวนไปพบหน้าครอบครัว จริงอยู่ที่เราทั้งคู่ใช้ชีวิตด้วยกัน กระนั้นไม่ได้หมายความว่าเขาจะจริงจังถึงขั้นคิดแต่งเธอเป็นภรรยา ไม่มีใครมาแทนที่รวินท์วิภาได้ ทุกตารางนิ้วในบ้านหลังนี้ยังเป็นพื้นที่ของอดีตภรรยา มีเพียงพริ้มเท่านั้นที่ได้เป็นเจ้าของ ส่วนเด็กนี่วันใดวันหนึ่งเราทั้งคู่ต้องแยกย้ายจากกันไป
“ได้ไหมคะหมอน่าน” สักครั้งที่ไปให้แม่กับพี่ชายได้เห็นหน้าว่าผู้ชายคนนี้แหละแฟนยายดอกหญ้า “ไม่นานหรอกค่ะ ทานข้าวเย็นด้วยกันสักมื้อ”
“วันไหนครับ”
พลันนัยน์ตาที่เคยหม่นแสงก็สดใสขึ้นมา ดอกหญ้ายิ้มกว้างด้วยความดีใจที่ชายคนรักคล้ายว่าจะยินยอมไปพบครอบครัว “วันเสาร์หน้าค่ะ พี่น่านว่างไหมคะ ถ้าพี่น่านว่าง หนูจะจองร้านอาหาร”
“ได้นะ ผมไม่ติดอะไร” ที่ผ่านมาพยายามเลี่ยงการไปพบหน้าครอบครัวดอกหญ้า ด้วยไม่อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันถลำไปมากกว่าที่เป็น แต่พอเห็นใบหน้าจิ้มลิ้มเศร้า หัวใจเขากลับอ่อนยวบ
“จริงนะคะ ดีใจที่สุดเลย” แขนเรียวเสลาวาดกอดเอวสอบ เธอรักน่านฟ้าที่สุด รักเขาสุดหัวใจ “ขอบคุณนะคะพี่น่าน พี่พายุกับแม่หนูต้องดีใจมากแน่ๆ ที่ได้เจอว่าที่ลูกเขย”
คำพูดดอกหญ้ากระชากรอยยิ้มนายแพทย์น่านฟ้าให้หลุดไป ใบหน้าหล่อเหลาถูกแทนที่ด้วยความหนักใจ หลายครั้งที่อยากพูดกับหญิงสาวที่กอดเขาให้ชัดเจนว่าระหว่างเราคืออะไร
ไม่ใช่คนรัก
เป็นแค่ ‘คู่นอน’
ที่อยู่ด้วยกันนานกว่าที่คาดไว้ ทว่ากลับขี้ขลาดเกินกว่าจะเอ่ยปาก ด้วยกลัวเจ้าหล่อนเดินจากไป กลัวตัวเองไม่เหลือใคร ความเดียวดายแม้ไม่อาจฆ่าเขาให้ตาย แต่มันทุรนทุรายเหลือเกินเมื่อต้องพบเจอ