บทที่ 7 วันคู่หรือคี่
เท้ายาวก้าวเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว เร็วจนสายตาของฉันมองเห็นสิ่งรอบข้างได้อย่างไม่ค่อยชัดเจนมันดูลางๆ เหมือนกับว่าตัวเองกำลังนั่งรถและมองไปยังข้างทางประมาณนั้นเลยจนต้องทำการกระพริบตาถี่ๆ มันยังเป็นแบบเดิมอยู่ดีถึงมือไม้รวมไปถึงตัวของฉันจะพยายามประท้วงคนตัวใหญ่มากแค่ไหนมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเพราะคนที่อุ้มเขาหนังหนามากมั้งหยิกจนเป็นรอยเลือดซิบมากแค่ไหนแต่ซันก็ยังไม่สะทกสะท้านไม่แสดงท่าทีหรือเปล่งเสียงร้องเจ็บด้วยซ้ำไป
ความอดทนของผู้ชายคนนี้บางครั้งก็แสดงออกมาอย่างชัดเจนแต่บางทีก็กับไม่แสดงออกให้เห็นไม่ใช่ว่าเขาเก็บความรู้สึกเก่งใช่ไหมหรือว่าเป็นนิสัยเสียมากกว่า ความคิดเหล่านี้มันโลดแล่นเข้ามาเพราะถ้าฉันเป็นเขาฉันคงจะปล่อยให้คนที่ตัวเองอุ้มตกลงไปยังพื้นเรียบร้อยแล้วก็ใครมันจะไปอดทนไหวหยิกจนเนื้อหนังติดมากับเล็บมือก็ยังนิ่งเฉยเป็นหุ่นแบบนี้
“นี่ นายเป็นหุ่นหรือยังไงไม่มีความรู้สึกหรอ?”
“…”
“นี่ปากก็ไม่มีอีก!”
ความเงียบที่แสดงออกมานั้นทำให้ฉันต้องตัดใจพูดไปอีกครั้งหนึ่ง อยู่กับเขาไม่ถึงวันมันทำให้ฉันกลายเป็นคนที่ก้าวร้าวขึ้นไปโดยปริยาย
“ก็ไม่ปากมากหรือผู้หญิงบางคนไง”
“เอ๊ะ!”
“ปากมากแต่ไม่มีคนสนใจนี่...” เสียงที่หยุดไปทำให้จนต้องทำหน้าตาแปลกใจไปชั่วขณะ แต่เพียงนิดเดียวก็ยังมีต่อ “มันคือวิธีเรียกร้องความสนใจหรอวะ?”
น้ำเสียงห้วนๆ ที่ฟังแล้วไม่มีความลื่นหูเลย มันเหมือนคำด่ามากกว่าที่จะเป็นคำถามเสียอีกผู้ชายคนนี้ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย
“ไม่ใช่!”
“หึ!”
มันไม่มีประโยคอะไรต่อจากนี้แล้วครับ ทุกอย่างมันจบไปแล้วผมได้ทั้งคำตอบของยาหยี นึกว่าไม่รู้หรือไงที่เธอถามเพื่อที่จะรั้งเวลาให้กับตัวเอง
ผมรู้ว่าการเอาตัวรอดของเหยื่อมันมีได้หลากหลายวิธีแต่มันก็ต้องมีสมองมากกว่านี้ไม่ใช่หรอแล้วก็ควรใช้สมองอันน้อยนิดถามตัวเองดูด้วยว่าทำแล้วผลมันจะเป็นยังไงให้ผลที่ร้ายหรือดีเพราะร้อยทั้งร้อยเหยื่อมันก็เป็นเหยื่ออยู่วันยังค่ำไม่มีทางเปลี่ยนสถานะของตัวเองให้ไปเป็นผู้ล่าได้หรอก
ในชีวิตของผมได้พบเจอคนหลากหลายประเภททั้งมีดีและเลวปนกันไปหมดส่วนมากที่เจอก็เลวทั้งนั้น คนเรามีกิเลสด้วยกันทั้งนั้นมีความอยากได้อยากมีในสิ่งที่ตัวเองไม่มีถึงต้องพยายามหาเข้ามาใส่ตัวด้วยวิธีต่างๆ ไม่ได้สนใจว่าวิธีพวกนั้นมันจะดีหรือว่าไม่ดีอย่างเช่นไอ้ยิวไง สุดท้ายคนที่ได้รับกรรมก็คือน้องของมัน
ตุบ!
พรึ่บ!
ทันทีที่ถูกเขวี้ยงลงบนเตียงนอนฉันก็หยิบผ้าห่มผืนหนาสีเทาอ่อนด้วยสองมือที่ถูกมัดมาห่มตัวเองไว้อย่างทันถ่วงทีและมันก็ถูกซันดึงออกอย่างรวดเร็วเหมือนกัน
พรึ่บ!
สายตาสีรัตติกาลมองฉันอย่างไม่ขยับ มันดูแน่วแน่และจริงจังมากกว่าครั้งไหนๆ ไม่รู้ว่าฉันทำอะไรที่ผิดพลาดไปหรือเปล่าถึงได้เจอกับเขาในอารมณ์แบบนี้
“ถอดกางเกง”
เสียงเรียบสั่งฉันพร้อมส่งสายตามายังกางเกงที่อยู่บนตัวจะบ้าหรอใครจะทำตามได้ เกิดมาจากท้องแม่ยังไม่เคยถอดเสื้อผ้าต่อหน้าพี่ชายในสายเลือดด้วยซ้ำไปเรื่องอะไรที่คนอย่างฉันจะต้องทำตามละ สองมือของตัวเองยังคงปิดหน้าอกอยู่ไม่ขยับสักนิดเดียว
“…”
“บอกให้ถอด”
ประโยคที่สองตามขึ้นมาติดๆ น้ำเสียงต่ำลงจากประโยคแรกอย่างสิ้นเชิง มันเหมือนซันพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบเพราะฉันรู้ว่าเขาเป็นคนอารมณ์ร้อนมากแค่ไหน
“ไม่ถอด!”
ความจริงจะพูดออกไปตั้งแต่เขาบอกครั้งแรกนู้นแหละแต่ยังรอท่าที ผ้าห่มก็ถูกกระชากตกลงไปยังพื้นแล้วมีเพียงหมอนสี่ใบเท่านั้นที่อยู่บนเตียงเมื่อเห็นว่าซันขึ้นมาบนเตียงเรื่อยๆ ความมั่นใจของเขามีเต็มเปี่ยมอย่างเหลือล้น ทุกๆ ก้าวที่ใช้เข่าเดินเข้ามาแทนมันช่างมั่นคง หนักแน่นราวกับหินผาที่ไม่ไหวหวั่น ส่วนตัวของฉันนะหรอก็ขยับถอยหลังไปทีละนิดๆ จนกระทั่ง....
ตึก!
เสียงแผ่นหลังของยาหยีกระทบเข้ากับหัวเตียงอย่างจังทำให้ผมเผลอที่จะยิ้มไม่ได้ แววตาที่สั่นกลัวยิ่งกว่าสัตว์ป่าตัวเล็กกำลังจะโดนกลืนกินเสียอีก มันเป็นแววตาที่ซุกซ่อนความกังวล ความประหม่า ความเสียใจอยู่ในที่เดียวกัน ผมรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นมือใหม่ที่ไม่เคยมีชายใดได้แตะต้อง ความหัวอ่อนมันแสดงออกมาอย่างชัดเจนขนาดนั้นถึงแม้ว่าเธอจะพยายามซ่อนปิดบังมันไว้ก็เถอะ
“ชั้นเสียเวลามามากแล้วนะอย่าให้ต้องได้พูดซ้ำ”
มันเป็นเพียงประโยคเรียบๆ ที่ออกจากริมฝีปากของตัวเองไปโดยที่พูดแบบส่งๆ ไม่ใส่อะไรมาก แต่สังเกตอาการของยาหยีมากกว่า
“…”
“เลือกเอาวันคู่หรือคี่”
มันคงเป็นทางเลือกสุดท้ายที่ผมอยากจะหยิบยื่นให้กับเธอในฐานะตัวขัดดอก แล้วอีกอย่างความปรานีที่มีทั้งหมดในตัวของผมหรือจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าความเห็นใจที่มันแทบจะไม่มีเหลือได้ถูกหยิบยื่นให้ยาหยีแล้วในตอนนี้
“อะไร นะ นายว่าอะไร ฉันไม่เข้าใจวันคู่วันคี่”
เพราะจู่ๆ ซันก็พูดเป็นเชิงให้ฉันเลือกระหว่างวันคู่และวันคี่อะไรนั่นทำให้งงอยู่ไม่น้อยถึงสมองระดับฉันจะเก่งในเรื่องของการเรียนแต่มันก็เก่งแค่เรื่องนั้นเรื่องเดียวเท่านั้นยิ่งศัพท์ใหม่ที่วัยรุ่นพูดกันเมื่อฉันได้ยินบางครั้งมันก็เกิดความไม่เข้าใจถึงจะมีบ้างครั้งที่ได้ยินเรเนสพูดออกมาบ้างก็เถอะ
“หัวโบราณจริงนะแม่คุณเกิดในสมัยสงครามโลกหรือไง”
ผมอยากจะยกรางวัลหญิงล้าสมัยให้ยาหยีจริงๆ ถึงจะรู้ว่าเธอไม่ใช่คนโง่ก็เถอะแต่เธอโง่เฉพาะบางเรื่อง
“…”
“ให้เลือกว่าจะมีอะไรกับชั้นทุกวันคู่หรือคี่”
มันเหมือนมีไม่หน้าสามเข้ามาฟาดใบหน้าของฉันด้วยความรุนแรง ไม่คิดว่าประโยคนี้จะทำให้ฉันถึงกับไปไม่เป็นเกือบนาที ผู้ชายคนนี้ไม่มีอะไรดีเลยด้วยซ้ำ เขาสารเลวกว่าสัตว์ร้ายอีกเกิดมาไม่เคยได้ยินคำพูดที่แสนจะดูถูกคนอื่นได้มากขนาดนี้มาก่อนเลย
“ไม่มีทาง ฉันไม่เลือกทั้งวันคู่หรือคี่อะไรทั้งนั้นแหละ”
“หื้ม... งั้นก็เอาทั้งสองใช่ไหมก็ดีง่ายๆ”
ดวงตาของยาหยีจ้องเขม็งมายังผมอย่างไม่ละสายตาอีกทั้งแววตาที่บอกได้ว่าโกรธเคืองอยู่มากมายยิ่งเมื่อเธอได้ยินผมตั้งใจเน้นคำว่า ง่ายๆ อย่างตั้งใจ สายตาเธอก็เหมือนกับน้ำร้อนๆ ที่มีสถานะเดือดสุดๆ ไปเลยต่างหาก
เผียะ!