โลกคนละใบ ตอนที่ 1

562 Words
หน้าที่ใหม่ของหญิงสาวในวันถัดมาคือทำงานในแปลงผักซึ่งอยู่ทางด้านหลังของค่ายพอสมควร รอบๆ แปลงผักขนาดไม่ใหญ่นักมีกำแพงไม้ไผ่ปักไขว้กันกั้นเอาไว้ เพราะด้านนอกยังเป็นป่าดงดิบ คงใช้ป้องกันสัตว์เข้ามาทำลายกินพืชพรรณที่ปลูก และมันกลายเป็นที่คุมขังเธอไปในตัวโดยที่ไม่ต้องมีคนมาคอยคุมดูแลตลอดเวลาด้วยเมื่อพวกเขาปิดประตูแล้วคล้องโซ่ล็อกกุญแจเอาไว้ เป็นอย่างที่เธอคิด...พวกเขาปลูกผักและผลไม้บางชนิดที่ปลูกง่ายโตง่ายไว้กิน แต่ระบบน้ำใช้การขนมาเก็บไว้ในบ่อดินเล็กๆ ซึ่งทำให้รู้ว่าที่นี่ไม่ได้อยู่กันอย่างถาวรนัก อาจมีการย้ายถิ่นไปเรื่อยๆ หรืออาจอาศัยพักแบบวนเวียนสลับกับที่อื่น                                  แน่ล่ะ...ก็พวกเขาเป็นโจร จะหาที่ซุกหัวนอนดีๆ คงยากแสนเข็ญ                                                                                                 เมื่อถึงเวลาเที่ยงจะมีคนมาเปิดประตูและพาเธอไปทำอาหารให้แดนสรวงรับประทาน เขาหายตัวไปทั้งวันหลังจากพาเธอไปขังเอาไว้ในแปลงผัก และกลับมาหลังจากกับข้าวเสร็จได้พักใหญ่พร้อมกับลูกน้องจำนวนหนึ่ง ด้วยสภาพเหงื่อท่วม ตามตัวเต็มไปด้วยร่องรอยการบุกป่าฝ่าดง ไม่มีการพูดจาปราศรัยเรื่องทั่วไปนอกจากเขาจะตั้งคำถามและเธอตอบ หญิงสาวไม่เคยหยุดระแวงในตัวเขา และยังรู้สึกอับอายทุกครั้งเมื่อเรื่องอย่างว่าวนเวียนเข้ามาในหัว “อีกสองสามวันฉันต้องไปทำธุระ...เธอต้องไปอยู่ในหมู่บ้าน” “หมู่บ้าน...” เธออุทานตามพร้อมเงยหน้าขึ้นมองเขาขณะที่นั่งฝืนรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกัน “ใช่...แต่อย่าได้คิดหนีเด็ดขาดเพราะเธอจะไม่มีวันทำอย่างนั้นได้ คนในหมู่บ้านเชื่อฟังคำสั่งของฉันคนเดียว” ชายหนุ่มบอกพร้อมแสยะยิ้มเย้ยหยัน วางช้อนลงในจานและยกน้ำในกะลารูปทรงคล้ายแก้วขึ้นดื่ม “ฟังดูนายยิ่งใหญ่จังเลยนะ” “ก็ไม่เชิง...” “ถ้าไม่ใช่คนโง่...ก็ถูกนายใช้ความเลวขู่เข็ญใช่ไหมใครๆ ถึงได้ตกอยู่ในโอวาทของนายแบบนั้น”                                                 “ไม่รู้สิ...ฉันไม่เคยถาม แล้วก็ไม่เคยสนใจด้วย”                          “คนชั่วๆ ก็มักเป็นอย่างที่นายเป็นนั่นแหละ” เธอตอกกลับอย่างเหลืออด ลอบถอนหายใจหนักเมื่อคิดว่าตัวเองก็ตกเป็นหนึ่งในเหยื่อความโหดร้ายนั้นของเขา “ปากดี แสดงว่ายังมีแรงเหลืออยู่สินะ...” สายตาแพรวพราวเริ่มสำรวจไปตามสัดส่วนภายใต้ร่มผ้าซึ่งเป็นชุดของเขาเอง ความมอซออัปลักษณ์ของอาภรณ์เก่าๆ ไม่อาจบั่นทอนความงามของมาเรียมได้เลยแม้แต่น้อย ทั้งจมูกปากคิ้วคางและโครงหน้าที่หมดจด รวมไปถึงผิวพรรณเนียนลออผุดผาดนั้นดึงดูดความกระหายในตัวเขาให้บ้าคลั่งได้อย่างไม่น่าเชื่อ แดนสรวงยอมรับว่าแอบเสียดายที่เผลอทำให้ผิวขาวๆ ดั่งไข่ปอกของมาเรียมมีรอยบอบช้ำขีดข่วนเต็มไปหมด แต่มันก็เป็นสิ่งสมควรแล้วที่เธอจะต้องได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดทั้งหลายเหล่านั้น แค่นี้...มันยังทรมานไม่พอด้วยซ้ำไป ไม่อาจชดเชยได้เลยกับสิ่งที่เขาต้องเผชิญมาหลายปี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD