บทที่14 กลางบึงบัว

4372 Words
บุษบาวรรณนอนหลับยาวไปจนถึงบ่ายสามโมงกว่าด้วยอาการอ่อนเพลียและฤทธิ์ยา อภิวัตรที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก่อนจึงโทรหาพี่ชายเพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น "ครับพี่หมอ สะดวกคุยหรือเปล่าครับ" อภิวัตรถามพี่ชายของตัวเอง "เออ ว่ามาเลยแกนี่มันจริงๆเลยแล้วน้องบุษเป็นอย่างไรบ้าง" หมอวัชระบ่นน้องชายน้ำเสียงไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับการกระทำของอภิวัตรและถามถึงอาการของบุษบาวรรณด้วย "อย่าเพิ่งบ่นได้ไหมครับ เมียผมป่วยแต่ให้ไอ้หมอตุลาเข้ามาดูอาการให้แล้ว นี่ยังหลับอยู่เลย" อภิวัตรเล่าให้พี่ชายฟัง "แล้วแกจะเอายังไงต่อล่ะจะแต่งงานเลยหรือเปล่า" หมอวัชระถามน้องชาย "ผมอยากแต่งนะครับแต่บุษยังเรียนไม่จบผมไม่รู้จะเอาอย่างไรดี" อภิวัตรบอกกับพี่ชาย "เออ! ดีนะรู้ว่าน้องยังเรียนไม่จบแต่ก็ยังไปรังแกเขา แกนี่มันจริงๆเลย" หมอวัชระบ่นน้องชายตัวดีของตนเอง "ผมผิดผมก็รู้ตัว แต่เมียผมเขาสวยขนาดนี้ผมต้องรีบตีตราจองก่อนเฝ้ามาหลายปีแล้วนะครับพี่หมอ เฝ้าไปนานๆหมาได้คาบไปแดกกันพอดี พี่น่าจะเข้าใจผมนะพี่ไม่เคยเป็นหรือน่าจะรู้ดีกว่าใครนะผมว่า" อภิวัตรพูดยอมรับผิดแต่ก็ยังอ้างเอาเหตุผลมาเข้าข้างตัวเองและแอบว่ากระทบพี่ชายที่ปล้ำนางพยาบาลฝึกหัดจนท้องเลยได้แต่งงานเหมือนกัน "เออ! ก็เข้าใจแกจะมาแขวะฉันทำไม แล้วเมื่อคืนแกได้ป้องกันหรือเปล่าบุษยังเรียนไม่จบนะ ไม่เหมือนฉันก็ตรงที่เมียฉันเรียนจบแล้วเลยเดินหน้าเต็มที่ใส่ไม่ยั้งให้ท้องจะได้แต่งไง" หมอวัชระถามน้องชายและเล่าเรื่องของตัวเองไปด้วย "ไม่ได้คุมอะดิ ใครมันจะไปคิดทันว่าเมียยังเรียนอยู่ล่ะตอนนั้นแล้วจะเอายังไงดีละครับพี่หมอ แต่ก็ถ้าท้องก็ดรอปเรียนไว้ก่อนคลอดแล้วค่อยไปเรียนต่อก็ได้ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนะพี่" อภิวัตรเล่าพี่ชายของตัวเองและพยายามคิดหาทางออกไปด้วย "ก็ถ้าท้องก็คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละ แต่แกถามเมียแกก่อนว่ามีประจำเดือนครั้งสุดท้ายวันไหน บางทีอาจจะอยู่ในช่วงปลอดภัยก็ได้ถ้าเป็นแบบนั้นแกก็เลือกเอาจะให้บุษกินยาคุมหรือว่าแกจะคุมเองก็ได้" หมอวัชระแนะนำน้องชาย "ครับเข้าใจแล้ว แล้วนี่คุณหญิงกับเจ้าสัวว่าอย่างอย่างไรบ้างครับพี่หมอ" อภิวัตรรับคำว่าเข้าใจและถามถึงพ่อกับแม่ของตัวเองด้วย "ก็จะว่ายังไงล่ะ โทรหาพี่ตั้งแต่เช้าบอกให้รีบมาหาที่บ้านด่วนให้มาช่วยโทรมาคุยกับแก พี่ต้องหอบเมียหอบลูกไปทิ้งไว้ที่บ้านใหญ่แต่เช้าให้เจ้าวิทย์มันช่วยสร้างความบันเทิงใจให้คุณย่าเสียหน่อยจะได้อารมณ์ดีๆ นี่ก็คงจะกังวลใจเรื่องน้องบุษนั่นแหละแต่ถ้าแกสองคนตกลงกันได้พี่ว่าก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก จะหมั้นจะแต่งกันแม่ก็คงจะไม่ขัดข้องอะไร ออกจะรักบุษออกอย่างนั้นยิ่งพ่อนะแล้วใหญ่แม่ว่าอย่างไรก็ว่าตามแม่หมดนั่นแหละ" หมอวัชระบอกน้องชาย "ครับพี่หมอ ไว้กลับไปคุยกันอีกทีแค่นี้ก่อนได้ไหมครับผมขอไปปลุกเมียก่อน นอนนานแล้วจะให้ลุกขึ้นเช็ดตัวกินข้าวกินยาอีกรอบ" อภิวัตรบอกกับพี่ชาย "อือ! แกไปดูเมียเถอะพี่ก็จะไปรับเมียรับลูกที่บ้านพ่อกับแม่เหมือนกัน วันนี้ตรวจคนไข้เสร็จแล้ว" หมอวัชระบอกน้องชาย อภิวัตรจึงวางสายและเดินเข้ามาในห้องนอนเพื่อปลุกเมียของตัวเอง "น้องบุษตื่นได้แล้ว ลุกขึ้นเช็ดตัวกินข้าวจะได้กินยานอนทั้งวันแล้วนะ"อภิวัตรปลุกบุษบาวรรณ "บุษอยากนอนต่ออีกหน่อย ยังไม่หิวข้าวถ้าพี่ธรรพ์หิวก็ไปกินก่อนสิคะ"บุษบาวรรณบอกอภิวัตรทั้งที่ตายังปิดอยู่และขยับนอนตะแคงหันไปอีกฝั่งเพื่อหลบหลีกไม่ให้อภิวัตรมาวุ่นวายกับการนอนของตน "ก็ตามใจบุษนะนอนกลางวันทั้งวันตอนกลางคืนนอนไม่หลับก็ดีเหมือนกันจะได้มีอะไรทำกันตามประสาผัวเมีย ดีไหมจ๊ะน้องบุษ" อภิวัตรพูดทีเล่นทีจริงแต่ก็ส่งผลให้บุษบาวรรณลืมตาตื่นขึ้นทันที "บุษตื่นแล้วค่ะแต่บุษขออาบน้ำก่อนได้ไหมคะ ตัวไม่ร้อนแล้วมันเหนียวตัว ไม่ได้อาบน้ำทั้งแต่เมื่อคืน" บุษบาวรรณลืมตาตื่นเพราะกลัวในสิ่งที่อภิวัตรขู่กลัวคืนนี้จะนอนไม่หลับแล้วต้องทำอะไรต่อมิอะไรกับอภิวัตรแล้วก็ขออาบน้ำด้วย "ไหนขอพี่จับตัวดูก่อนว่าตัวไม่ร้อนแล้วจริงหรือเปล่า" อภิวัตรเข้าไปจับตัวและอังหน้าผากของเมียรักดูก็พบว่าตัวไม่ร้อนแล้วจริงๆจึงยอมให้อาบน้ำแต่มีเงื่อนไขว่าห้ามอาบน้ำนาน "ให้อาบก็ได้แต่อย่าอาบนานนักละพี่กลัวไข้จะกลับ" อภิวัตรพูดกำชับด้วยความเป็นห่วง "ค่ะอาบไม่นาน เอ่อ! พี่ธรรพ์เราจะกลับบ้านกันวันไหนคะกลับวันนี้เลยได้ไหมคะพี่ธรรพ์จะได้กลับไปทำงานด้วยยังไงละคะ" บุษบาวรรณพูดออกความเห็นโน้มน้าวให้อภิวัตรพากลับบ้าน "ยังไม่กลับ บอกแล้วไงละครับพี่ลาพักร้อนห้าวัน ไปอาบน้ำเถอะจะได้ลงไปกินข้าวเดี๋ยวพี่พาไปพายเรือเล่นและไปเก็บสายบัวกัน" อภิวัตรบอกบุษบาวรรณ บุษบาวรรณจึงยอมลุกขึ้นไปอาบน้ำ เมื่ออาบน้ำแต่งตัวไปกินข้าวเสร็จธรรพ์ก็พาบุษบาวรรณไปพายเรือเล่นที่บึงบัวด้านหลังบ้านเรือนไทย ก่อนไปตาเพิ่มกับแม่อิ่มก็กำชับนักหนาให้พายดีๆเพราะอภิวัตรนั้นไม่ได้พายเรือมานานแล้วจึงพูดเตือนด้วยความเป็นห่วง "คุณธรรพ์จะพาคุณบุษไปพายเรือเล่นก็ได้นะครับ แต่ว่าให้ระวังด้วยคุณธรรพ์ไม่ได้พายเรือมานานมากแล้วนะครับผมกลัวจะตกน้ำตกท่าไปอีกคุณบุษก็ยังมีไข้อยู่" ตาเพิ่มพูดเตือนด้วยความเป็นห่วง "สบายใจได้เลยครับ ผมอะพายเรือได้แน่นอนมันเป็นความสามารถที่ติดตัวผมมาอยู่แล้วรับรองไม่ทำเมียตกน้ำไปอีกรอบแน่ๆ" อภิวัตรพูดกับตาเพิ่ม "ตกน้ำอีกรอบหรือครับ?.....แสดงว่าเคยทำตกน้ำด้วยหรือครับ" ตาเพิ่มถามอภิวัตร "เออนั้นสินะยังไม่เคยนะครับ แต่ทำไมรู้สึกเหมือนว่าเคยทำบุษตกน้ำเลยก็ไม่รู้นะครับแปลกดี" อภิวัตรบอกกับตาเพิ่มและก็แสดงสีหน้านึกแปลกใจตัวเองเหมือนกัน "แม่อิ่มว่ารีบไปเถอะค่ะแดดไม่ร้อนมากแล้ว แล้วอย่ากลับให้มันมืดค่ำนะคุณธรรพ์ทางเดินในสวนมันรก คุณบุษอยากกินอะไรคะมื้อค่ำแม่อิ่มจะทำให้กิน" แม่อิ่มบอกกับอภิวัตรและถามบุษบาวรรณเรื่องอาหารค่ำแสดงสีหน้าอย่างผู้ใหญ่ใจดี "บุษกินอะไรก็ได้ค่ะที่แม่อิ่มทำเพราะมันอร่อยทุกอย่างเลย" บุษบาวรรณบอกแม่อิ่มและยิ้มน้อยๆ เหมือนในใจก็กำลังมีเรื่องให้คิดกังวลใจอยู่และยังรู้สึกเพลียๆด้วย อภิวัตรพาบุษบาวรรณมาพายเรือเล่น บุษบาวรรณนั่งหันหน้ามาหาอภิวัตรและมองทัศนียภาพของสองฝังอย่างเพลิดเพลิน "ชอบหรือเปล่าถ้าชอบพี่จะพามาพายเรือเล่นบ่อยๆ" อภิวัตรถามบุษบาวรรณ "ก็สวยดีค่ะ สบายเพราะไม่ต้องพายเองแต่บุษรู้สึกว่ากลัวจะตกน้ำยังไงก็ไม่รู้ค่ะเลยไม่ค่อยอยากนั่งนานๆ บุษว่าพี่ธรรพ์พายเรือกลับแล้วเราไปนั่งเล่นดูพระอาทิตย์ตกน้ำที่ท่าน้ำหน้าบ้านดีกว่าบุษชอบมากกว่าค่ะ" บุษบาวรรณบอกอภิวัตร "แปลกดีพี่ก็รู้สึกเหมือนเคยทำบุษตกน้ำ บุษเองก็รู้สึกเหมือนกลัวจะตกน้ำอีกแต่ไม่ต้องกลัวนะพี่จะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกแน่นอนจะพายเรือพาบุษกลับบ้านของเราไปดูพระอาทิตย์ตกน้ำกันอย่างปลอดภัยแน่นอน" อภิวัตรบอกบุษบาวรรณสีหน้ายิ้มแย้มอบอุ่น อภิวัตรพายเรือกลับและพาบุษบาไปนั่งเล่นที่ท่าน้ำรอดูพระอาทิตย์ตกน้ำ อยู่ๆบุษบาวรรณก็พูดขึ้นว่า "พี่ธรรพ์ บุษรู้สึกว่าเหมือนเคยนั่งอยู่ตรงนี้มาก่อนเลยเหมือนบุษมานั่งคอยใครที่ตรงนี้เลยจริงๆนะคะ" บุษบาวรรณพูดขึ้น "แล้วบุษจะมานั่งคอยใครที่ตรงนี้ล่ะ อาจจะเป็นเดจาวูอะไรประมาณนั้นก็ได้อย่าคิดมากเลย" อภิวัตรพูดไม่ให้บุษบาวรรณคิดมาก "ค่ะ อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ค่ะพี่ธรรพ์" บุษบาวรรณพูดกับอภิวัตร "ลมแรงแล้วนะไหนพี่ดูหน่อยตัวยังร้อนอยู่อีกหรือเปล่า ตากลมเยอะๆเดี๋ยวไข้จะกลับขึ้นบ้านกันเลยดีไหม" อภิวัตรถามเมียและอังหน้าผากเมียดูด้วยความเป็นห่วงบุษบาวรรณ "ตัวไม่ร้อนแล้วลมพัดกำลังสบายเลยขอนั่งอีกหน่อยนะคะ" บุษบาวรรณพูด "ก็ได้ถ้าหิวข้าวก็บอกพี่แล้วกันพี่จะได้พากลับไปกินข้าว" อภิวัตรพูด "ค่ะ พรุ่งนี้กลับบ้านกันเถอะนะคะบุษอยากกลับบ้านแล้ว พอดีบุษรับงานออกแบบเรือนหอให้รุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยคนหนึ่งไว้ เขาวางแผนจะแต่งงานปีหน้า บุษอยากกลับไปทำให้เสร็จก่อนมหาวิทยาลัยจะเปิดเทอม" บุษบาวรรณพูดชวนกลับบ้านและให้เหตุผลกับอภิวัตรด้วยว่าตนเองนั้นรับงานเอาไว้ "ยังไม่กลับ ก็บอกแล้วไงว่าห้าวันแล้วอีกอย่างนะทำไมต้องรับงานมาทำพี่เลี้ยงบุษไม่ดีหรือไงเงินไม่พอใช้ก็บอกพี่สิ ทำไมต้องรับงานเดินแบบบ้าง ถ่ายโฆษณาบ้างไหนจะงานออกแบบอีกทำไมต้องทำ ต่อไปอย่าให้พี่รู้นะว่าบุษไปรับงานอีกเมียคนเดียวพี่เลี้ยงได้ไม่ต้องให้ลำบากไปเที่ยวของานใครเขาทำ" อภิวัตรพูดกับบุษบาวรรณน้ำเสียงและสีหน้าไม่พอใจ "บุษก็ไม่ได้ของานเขาทำเขามาเสนอให้ทำ บุษเองก็อยากทำงานด้วยงานมันทำให้บุษมีคุณค่ามากขึ้น คนที่มีชีวิตไปวันๆรอรับเงินรับความเมตตาจากคนอื่นอยู่ตลอดเวลาบุษคิดว่าไม่ต่างจากขอทานที่ไร้หนทางจะไปหรือเปล่า คนหยุดคิดสมองไม่ทำงานแล้วคือคนที่จิตวิญญาณได้ตายไปแล้วพี่ธรรพ์อยากให้บุษเป็นแบบนั้นหรือคะ" บุษบาวรรณพูดถึงความคิดของตนเองออกมาบ้าง "ก็ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น พี่หมายถึงบุษก็ทำหน้าที่เมียดูแลพี่ให้ดีๆสิ เรียนจบแล้วก็มาช่วยงานพี่คนเดียวทำไมต้องไปทำงานให้คนอื่น" อภิวัตรพูดแก้ และพูดเข้าข้างตัวเองด้วยเหตุผลเดียวคืออยากเก็บเมียไว้ใกล้ๆตัวเองคนเดียว "ก็ยังเรียนไม่จบนี่คะระหว่างนี้ก็ฝึกทำงานฝึกสมองไปก่อนไม่ดีหรือคะ เกิดวันหนึ่งพี่ธรรพ์เบื่อบุษขึ้นมาบุษจะได้มีทางไปเลี้ยงตัวเองได้ไม่เดือดร้อนให้พี่ธรรพ์ต้องยุ่งยากใจมีวิชาติดตัวดีที่สุดนะคะ" บุษบาวรรณพูดอธิบายเหตุผลอย่างคนที่เข้าใจโลกและพยายามมองไปข้างหน้าด้วยรู้ดีว่าชีวิตไม่มีอะไรที่แน่นอน "ทำไมถึงได้พูดแบบนั้น พี่ไม่ทิ้งบุษหรอกมีแต่บุษนั่นแหละที่คิดจะทิ้งพี่" อภิวัตรพูดขึ้นสีหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก "มันไม่มีอะไรแน่นอนหรอกพี่ธรรพ์ วันนี้รักกันวันหน้าอาจจะต้องจากกัน ไม่จากเป็นก็อาจจะจากตายบุษผ่านเรื่องราวในชีวิตที่หนักๆมาเยอะ เยอะจนถึงจุดที่รู้สึกว่าตัวคนเดียวในโลกก็เคยมาแล้วบุษเลยไม่ได้คิดจะคาดหวังอะไร แค่วันนี้บุษยังหายใจอยู่บุษก็จะทำวันนี้ให้ดีที่สุดเท่านั้นถ้าปลงไม่ได้บุษคงทุกข์มากกว่านี้"บุษบาวรรณพูดกับอภิวัตรน้ำเสียงปกติ "โธ่!..บุษเมียไอ้ธรรพ์ พี่เริ่มคิดหนักแล้วนะนี่พี่ได้แม่ชีมาเป็นเมียหรือเปล่า แต่ไม่ต้องกลัวนะครับแม่ชีผัวคนนี้ไม่มีทางทิ้งแม่ชีและไม่มีทางให้แม่ชีหนีผัวไปบวชด้วย" อภิวัตรฟังแล้วในใจก็คิดตามแต่แกล้งพูดให้เป็นเรื่องขำ เพราะเห็นว่าบุษบาเริ่มมีความเศร้าแฝงไว้ในดวงตาคงจะคิดถึงพ่อและแม่ของตนเอง "จะบ้าหรือคะชอบพูดล้อเล่นใครเป็นแม่ชีกันเล่า" บุษบาวรรณพูดว่าอภิวัตรที่แกล้งว่าตนเองเป็นแม่ชี "เริ่มจะมืดแล้วพี่ว่าเราเข้าบ้านกันเถอะนะครับ" อภิวัตรชวนบุษบาวรรณเข้าบ้าน "ค่ะ" บุษบาวรรณรับคำและเดินตามอภิวัตรเข้าบ้านไป  เมื่อกินอาหารเย็นกันเสร็จแล้วบุษบาวรรณก็ยังนั่งคุยกับแม่อิ่มอีกพักใหญ่เพราะวันนี้นอนเกือบทั้งวันเลยไม่ค่อยง่วงนอน แม่อิ่มก็เล่าเรื่องของตัวเองสมัยสาวๆให้ฟัง เล่าเรื่องบ้านเรือนการเดินทางสมัยก่อนให้บุษบาวรรณฟังบุษบาวรรณฟังเพลินจนอภิวัตรต้องมาตามให้ขึ้นบ้านไปอาบน้ำ "น้องบุษพี่ว่าพอได้แล้วกวนแม่อิ่มนานแล้วนะ ค่อยมาฟังนิทานต่อวันพรุ่งนี้เถอะลุกขึ้นไปอาบน้ำกินยาจะได้เข้านอนไม่สบายอยู่นะ" อภิวัตรลงมาตามสีหน้าเหมือนผู้ใหญ่กำลังดุเด็กที่ไม่ยอมไปอาบน้ำ "ค่ะรู้แล้วค่ะกำลังจะไปแล้ว แม่อิ่มขาไว้วันพรุ่งนี้บุษจะตื่นมาใส่บาตรตอนเช้าด้วยนะคะแล้วก็จะมาฟังเรื่องเล่าใหม่ด้วยค่ะ" บุษบาวรรณบอกอภิวัตรและหันมาคุยกับแม่อิ่มก่อนจะเดินขึ้นบ้าน "ได้สิคะคุณบุษไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนนะคะ" แม่อิ่มพูด บุษบาวรรณขึ้นบ้านเดินตรงเข้าห้องนอนและเข้าไปอาบน้ำทันที อาบน้ำเสร็จออกมาก็เห็นอภิวัตรกำลังนั่งอ่านข่าวและดูดัชนีหุ้นอยู่บนที่นอนบุษบาวรรณจึงเดินไปทาครีมตรงโต๊ะเครื่องแป้งเงียบๆ "ทาผิวประทินโสมเสร็จหรือยังจ๊ะเมียจ๋าผัวง่วงนอนแล้วนะมานอนได้แล้ว พรุ่งนี้จะไปวัดกับแม่อิ่มด้วยหรือเปล่า" อภิวัตรส่งเสียงเรียกเมียให้มานอนและถามเรื่องไปวัดด้วย "พรุ่งนี้วันพระใหญ่ ถ้าพี่ธรรพ์อนุญาตบุษก็อยากไปค่ะ" บุษบาวรรณพูดพร้อมกับเดินไปนั่งบนที่นอนอีกฝั่งสวดมนต์กราบพระเสร็จจึงล้มตัวลงนอน "หายเจ็บตรงนั้นแล้วหรือยัง" อภิวัตรถามและแสดงสีหน้าให้ทราบว่าตรงนั้นคืออะไร "ค่ะเจ็บ พี่ธรรพ์ไม่ทำอะไรบุษอีกได้ไหมคะบุษกลัว....." บุษบาวรรณตอบและแสดงสีหน้าตกใจกลัวว่าอภิวัตรจะทำเหมือนเมื่อคืนอีก "ไม่ทำอีกเลยคงไม่ได้แต่คืนนี้พี่ไม่รังแกคนป่วยหรอกแค่จะนอนกอดให้ชื่นใจเฉยๆ นอนได้แล้วพรุ่งนี้พี่จะพาไปทำบุญแล้วก็จะพาไปเที่ยวด้วยดีไหม" อภิวัตรพูดและดึงบุษบาวรรณมากอดไว้แนบอก บุษบาวรรณจึงหลับตาลงตั้งใจจะรีบหลับเผื่ออภิวัตรคิดเปลี่ยนใจมารังแกตนอีก เมื่อหลับไปแล้วบุษบาวรรณก็ฝันไปว่า "อะไรนะขอรับ พรุ่งนี้ท่านขุนจะให้ดักรอแม่หญิงบัวกลับจากวัดแล้วให้บ่าวแกล้งล่มเรือแม่หญิงหรือขอรับ" นายจันทร์คนสนิทของขุนเดชถามนายของตนสีหน้าเป็นกังวลใจอย่างมาก "ก็เออนะสิข้ารอวันพระใหญ่มาหลายวันแล้ว แม่บัวต้องออกจากบ้านท่านครูดาบมาทำบุญที่วัดแน่ๆ ข้าว่าคงจะไปถวายเพลและแวะไปซื้อของที่ตลาดคงจะนั่งเรือผ่านมาทางนี้ เอ็งไปจัดการหาบ่าวที่ไว้ใจได้สักสองสามคนมาช่วยเอ็งอย่าให้พลาดละข้าเหลือเวลาอีกสามวันแล้วข้าจะให้พ่อของข้าไปสู่ขอแม่หญิงตามแผนการที่เตรียมไว้" ขุนเดชบอกกับบ่าวคนสนิท "แต่ท่านขุนมีเรือนกับแม่หญิงซ่อนกลิ่นแล้วข้อนี้แม่หญิงบัวคงรู้ความแล้วถ้าไปสู่ขอท่านครูดาบแม่หญิงจะยินยอมหรือขอรับท่านขุน" นายจันทร์ถามผู้เป็นเจ้านาย "ก็คงจะไม่ยินยอมหรอก ข้ากับแม่หญิงซ่อนกลิ่นเราแค่ตบแต่งกันเพราะมีเหตุให้ต้องแต่งเอ็งก็รู้ไม่ใช่รึข้าไม่เคยรักนาง ส่วนแม่บัวข้ารักนางและคิดเช่นที่เอ็งคิดว่านางคงไม่ยินยอมดูจะเย่อหยิ่งพยศเอาการอยู่ ข้าเลยคิดว่าจะทำให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้นอย่างไรเล่าทำตามที่ข้าบอกเถิด" ขุนเดชบอกแก่บ่าวคนสนิทไปตามที่คิด "ขอรับ ท่านขุนว่าเยี่ยงไรบ่าวจะทำตามให้สุดความสามารถขอรับ" นายจันทร์รับคำผู้เป็นนายและไปจัดเตรียมคนและวางแผนการตามที่นายสั่งความมา ช่วงบ่ายแก่ของวันรุ่งขึ้นแม่บัวและนางแย้มบ่าวคนสนิทและฝีพายบ่าวในบ้านอีกคนซึ่งไม่ใช่นายมั่น วันนี้นายมั่นคนที่ครูดาบไว้ใจให้ดูแลลูกสาวป่วยไข้ท้องร่วงหนักเลยไม่มีแรงพายเรือให้แม่หญิงจึงให้บ่าวอีกคนพายเรือให้แทน เมื่อเรือผ่านคุ้งน้ำใหญ่เพื่อตัดผ่านเข้าคลองสายเล็กพายตัดไปเรือนแพของบ้านครูดาบเรือมันก็เกิดโคลงเหมือนมีคนหรือมือของใครอยู่ใต้น้ำและพลิกเรือทำให้เรือล่ม "ว้าย!....เรือล้มแล้ว แม่หญิงแม่หญิงเจ้าขา ไอ้ยิ่งช่วยแม่หญิงโดยเร็วหาแม่หญิงให้เจอบัดเดี๋ยวนี้" เสียงของแม่แย้มบ่าวคนสนิทเสียงดังด้วยความตกใจ เมื่อมองไปทางใดก็หาได้เห็นร่างของแม่หญิงนายของตัวเองไม่ "ข้าลงไปงมดูแล้วไม่เห็นร่างของแม่หญิงเลย หรือจะเป็นพรายน้ำวะนางแย้ม ข้าว่าเรารีบกู้เรือแล้วกลับบ้านไปขอความช่วยเหลือจากท่านครูก่อนเถิด" นายยิ่งออกความเห็น แย้มเองก็ตกใจจนขวัญเสียเป็นห่วงนายก็เป็นห่วง พรายน้ำหรือก็กลัวแต่หารู้ไม่ว่าพรายน้ำที่นายยิ่งพูดถึงได้ทำการอุ้มเอาแม่บัวไปยังกระท่อมกลางป่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว "ช่วย...ด้ว......." แม่หญิงพยายามร้องขอความช่วยเหลือ เมื่อมีมือใหญ่มาดึงขอเท้าไว้ไม่ยอมให้แม่หญิงว่ายน้ำขึ้นสู่ผิวน้ำ จนแม่หญิงแทบสิ้นลมดีที่พ่อพรายน้ำตนนั้นช่วยมาแบ่งอากาศให้หายใจด้วยการส่งลมผ่านการจูบที่ดูดดื่มและพาดำน้ำออกจากจุดที่เรือล่มไป พอขึ้นจากน้ำได้แม่หญิงก็หมดสติไป "แม่บัว นอนนานแล้วนะเจ้ามืดค่ำแล้วลุกขึ้นเถิดมากินข้าวปลาก่อน" ขุนเดชปลุกแม่บัวให้ลุกขึ้นมากินข้าว "คุณพ่อช่วยลูกด้วยเจ้าค่ะ....." แม่บัวละเมอขอความช่วยเหลือจากพ่อของตนเอง "แม่บัว ตื่นแล้วหรือเจ้า" ขุนเดชถามแม่บัวเมื่อเห็นว่าแม่บัวลืมตาตื่นขึ้นมา "ท่านขุนเดช ข้ามาอยู่กับท่านได้เยี่ยงไรเจ้าคะแล้วตอนนี้ข้าอยู่ที่ใด เอ๊ะ!......ก่อนหน้านี้ข้าเรือล่ม...." แม่หญิงถามขุนเดชรู้สึกมึนงงสับสนและเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว "นี่ท่าน ท่านเป็นคนบงการล่มเรือของข้าแล้วพาข้ามาที่นี่หรือเจ้าคะ" แม่หญิงถามขุนเดชเมื่อเริ่มปะติดปะต่อเรื่องได้ "ใช่พี่เป็นคนทำเอง เจ้าลุกขึ้นมากินข้าวกินปลาก่อนเถิดแล้วค่อยคุยเรื่องของเรากัน" ขุนเดชพูดยอมรับหน้าตาเฉย "ข้าไม่กินข้าจะกลับเรือนไปหาพ่อของข้า ท่านเป็นคนของขุนหลวงท่านมาทำอย่างนี้กับข้าได้เยี่ยงไรเจ้าคะ พาข้าไปส่งบัดเดี๋ยวนี้นะเจ้าคะ" แม่หญิงว่ากล่าวขุนเดชให้ได้คิด "ใช่พี่เป็นคนของขุนหลวงท่าน แล้วพี่ไม่มีสิทธิ์มีหัวใจรักเจ้าหรอกหรือแม่บัว ที่พี่ทำไปเพราะพี่รักเจ้านะแม่บัว" ขุนเดชพูดสารภาพรัก "รักข้าหรือเจ้าคะ ท่านจะรักข้าได้เยี่ยงไรท่านมีเรือนอยู่แล้วท่านจะให้ข้าไปเป็นเมียรองเมียทาสในบ้านของท่านหรือข้ามิยอมหรอกเจ้าค่ะ ปล่อยข้าข้าจะกลับเรือนของข้า ข้าจะมิมีวันยอมเป็นเมียรองเมียน้อยของผู้ใด" แม่บัวพูดตัดพ้อและดิ้นจะลุกขึ้นจากฟูกนอนแต่ขุนเดชจับต้นแขนไว้ "พี่มิยอมให้เจ้ากลับอย่างไรเสียเจ้าก็ต้องเป็นของพี่เพราะเนื้อตัวของเจ้าทุกส่วนพี่ได้เห็นมันมาหมดแล้ว เจ้าจะกลับไปแล้วบอกใครๆว่าเป็นแม่หญิงที่ไม่มีราคีได้อย่างนั้นหรือ" ขุนเดชพูดน้ำเสียงจริงจังชวนให้แม่บัวคิดเป็นกังวล "ท่าน! คนเลวข้าหาสนใจไม่ใครจะพูดเยี่ยงไรข้ามิใส่ใจ ข้าจะกลับแต่มิมีวันยอมเป็นเมียท่าน" แม่บัวยังดิ้นและทุบตีขุนเดชให้ปล่อยตนเอง "มิยอมก็ต้องยอมเพราะพี่จะทำให้เจ้าเป็นเมียพี่คืนนี้เป็นแน่" ขุนเดชพูดเสร็จก็ผลักแม่บัวล้มลงไปบนฟูกนอนและพาตัวตนอันแข็งแรงไปทาบทับร่างสวยและทำให้แม่บัวกลายเป็นเมียสมใจ เมื่อได้แม่บัวเป็นเมียสมใจแล้วขุนเดชนอนกอดแม่บัวไว้หลวมๆพร้อมกับจูบไหล่และจูบไล้เนื้อกายของเมียรักอย่างหลงใหล "ปล่อยข้า! ไอ้คนเลว อือๆๆ" แม่บัวร้องไห้และด่าทอขุนเดชไปด้วย "คนเลวที่เจ้าว่ามันคือผัวเจ้านะแม่บัว ทำไมพอมีผัวแล้วถึงกับทำให้วิญญาณแม่ค้าเข้าสิงกลายเป็นแม่หญิงปากตลาดด่าผัวเลยหรือเจ้า" ขุนเดชยังคงต่อคำกับเมียอย่างอารมณ์ดี "ไอ้......ท่านไม่ใช่ท่านไม่ใช่ผัวของข้า ปล่อย!ข้าจะกลับบ้าน โอ๊ย! เจ็บ" แม่บัวร้องด้วยความเจ็บและทุบตีขุนเดชด้วยความคับแค้นใจ นึกแล้วจะเอาหน้ากลับบ้านไปหาพ่ออย่างไรพ่อจะอับอายขายหน้าขนาดไหน ตนเองต้องตกมาเป็นเมียขุนเดชทั้งๆที่เขามีเมียแต่งคาเรือนอยู่แล้ว คิดแล้วแม่บัวอยากตายเสียให้มันรู้แล้วรู้รอด "ไม่ใช่ผัวได้เยี่ยงไร ก็เมื่อกี้ยัง....." ขุนเดชพูดและใช้สายตามองผิวสวยของเมียแสงตะเกียงที่จุดไว้ภายในกระท่อมยิ่งขับผิวที่ขาวนวลอยู่แล้วให้ยิ่งขาวผ่องจนขุนเดชแทบจะควบคุมความต้องการไว้ไม่ไหว "แต่ท่านมีเมียแล้วท่านจะมายุ่งกับข้าทำไม อือๆๆ....." แม่บัวร้องไห้ฟูมฟายสติหลุด "ฟังพี่นะแม่บัว นางแต่งกับพี่แต่นางไม่ใช่เมียพี่ เจ้าต่างหากที่เป็นเมียของพี่ แล้วเจ้าจะเข้าใจในสิ่งที่พี่พูดเองเมื่อเวลาผ่านไป เรื่องที่เกิดขึ้นคืนนี้พี่ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นพี่จะรับผิดชอบตบแต่งกับแม่บัว จะให้พ่อพี่ไปสู่ขอเจ้ากับพ่อของเจ้าจะตบแต่งกับเจ้าให้สมหน้าสมตาเจ้ามิต้องกังวลไป พี่ได้ให้แม่ของพี่ปลูกเรือนไว้รอท่าให้เราสองคนแล้ว เจ้ามิต้องกลัวว่าพี่จะทิ้งขว้างเจ้านะแม่บัวคนดีของพี่" ขุนเดชพูดอธิบายและปลอบขวัญเมียรัก "แล้วเมียของท่านเล่า..." แม่บัวถามด้วยความกังวลมีหรือคนเป็นเมียจะยอมเสียผัวให้หญิงอื่นได้ง่ายๆ "เมียของพี่ก็เจ้าอย่างไรเล่าแม่บัวคนนี้เป็นเมียของขุนเดช เจ้าหิวข้าวหรือไม่ เจ็บมากหรือไม่คนดีของพี่" ขุนเดชกอดกระชับคนในอ้อมแขนและถามเมียเพราะตอนที่ตัวเองส่งตัวตนเข้าไปในร่างกายเมีย เมียร้องเสียงดังด้วยความเจ็บคงเป็นธรรมดาของแม่หญิงที่ไม่เคยต้องมือชาย ผิดกับนางในโรงรับชำเราบุรุษที่ขุนเดชได้แวะเวียนไปใช้บริการอยู่บ้างเพื่อปลดความต้องการตามประสาบุรุษเพศ "ข้าไม่หิว ข้าเจ็บทั้งกายเจ็บทั้งใจท่านมันคนเลวทำให้ข้าต้องเสื่อมเสีย ข้าต้องกลายเป็นแม่หญิงเลวทำเรื่องแย่งผัวเขาเพราะท่านคนเดียว ข้าจะกลับเรือนไปหาพ่อข้า" แม่หญิงยังคงโวยวายไม่สิ้นฤทธิ์ "พี่จะพากลับแน่แต่จะพาไปขอขมาต่อพ่อของเจ้า แล้วช่วยเข้าใจเสียด้วยเจ้ามิได้แย่งผัวของผู้ใดเพราะพี่มิเคยคิดว่าหญิงใดเป็นเมียของพี่นอกจากเจ้า" ขุนเดชพูดน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง "จะกลับบ้าน!" บุษบาวรรณนอนละเมอเสียงดังเป็นผลให้อภิวัตรตกใจตื่นด้วย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD