บทที่ 6
หลังจากแสงเหนือออกจากห้องไปไม่ถึงยี่สิบนาที แพรพรรณก็ใส่เสื้อผ้าแล้วรีบลงไปข้างล่าง ซึ่งเธอก็พบว่าผู้ใหญ่ทั้งสองยืนรอเธออยู่
“ป้าณา ลุงตะวัน”
“พรรณทำอะไรอยู่ลูก นี่ใกล้เวลาเดินทางแล้วนะ” ปวีณาเดินไปหาลูกสาวของเพื่อน
“พรรณขอโทษค่ะ ที่ทำให้ป้ากับลุงรอ” แพรพรรณพูดเสียงเบา รู้สึกผิดที่ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองรอ
“ป่ะ ไปกินข้าวเช้า” ปวีณาบอกลูกสาวเพื่อน แล้วหันไปบอก แสงเหนือว่า “เหนือเอากระเป๋ายัยพรรณไปใส่รถเร็ว”
“ดะ..” แสงเหนือไม่ทันได้ขัดใจแม่ว่า ‘ได้ไงครับกระเป๋าใครก็ขนไปใส่รถเองสิ’ แพรพรรณก็พูดขึ้นว่า
“พรรณไม่หิวค่ะ พรรณว่าเราออกเดินทางกันเลยดีกว่าค่ะ”
เธอบอกพลางหยิบกระเป๋าเครื่องสำอาง และมืออีกข้างก็หยิบกระเป๋าลากไว้
“เอางั้นเหรอลูก” ปวีณาถาม
“ค่ะ” แพรพรรณลากกระเป๋าเดินนำหน้าทุกคนไปที่ประตูบ้าน
“นั่งรถส่วนตัว จะจอดกินข้างทางก็ได้ ผมว่าคุณรีบพาลูกๆออกเดินทางเถอะ ขืนช้าจะถึงกรุงเทพค่ำมืด รถลาก็จะติดอีก”
แสงตะวันกอดบ่าภรรยาเดินไปยังประตูบ้าน ซึ่งแสงจันทร์ก็เดินตาม
“จันทร์ แม่ไปก่อนนะ ยังไงก็เฝ้าบ้านดีๆ นะเวลาพ่อไม่อยู่บ้าน แล้วอย่าลืมไปดูบ้านโน้นด้วยนะ”
ปวีณาบอกลูกสาวคนโตให้ไปดูบ้านของวัลลภและอรอุมา
“ค่ะแม่” แสงจันทร์รับคำสั่งและไหว้แม่
เมื่อสั่งงานลูกสาวแล้ว ปวีณาก็หันมาพูดกับลูกชายคนเล็กว่า
“ไปเหนือ”
ด้านแสงเหนือพยักหน้าให้แม่ แล้วหันไปไหว้ลาพี่สาว
“ผมไปก่อนพี่จันทร์”
“ตั้งใจเรียนนะ อีกไม่กี่เดือนก็จบปีสี่แล้วนี่” แสงจันทร์บอกน้องชาย
“ครับ” แสงเหนือขานรับพี่สาว แล้วหันไปไหว้ลาพ่อ
“ผมไปนะครับพ่อ”
“ขับรถเข้ากรุงเทพระวังหน่อยนะเหนือ” แสงตะวันบอกลูกชาย
“ครับ” แสงเหนือขานรับแล้วเดินไปขึ้นรถฝั่งคนขับ
“พรรณไปก่อนนะคะลุงตะวัน พี่จันทร์” ด้านแพรพรรณก็ไหว้ลาแสงตะวันและแสงจันทร์
“ตั้งใจเรียนนะพรรณ จบมาจะได้มาเป็นอาจารย์ที่บ้านเกิดของเรา”
แสงตะวันให้พรลูกสาวของเพื่อนที่เขารักเหมือนลูกคนหนึ่ง
“ขอบคุณลุงตะวันมากค่ะ” แพรพรรณยกมือไหว้เพื่อนรักของพ่ออีกครั้ง แล้วเดินไปขึ้นรถ…
แสงเหนือขับรถออกจากบ้านไม่ถึงสี่ชั่วโมง เขาก็พักปั๊มน้ำมัน เพราะปวีณาต้องการเข้าห้องน้ำ
“แม่จะเข้าห้องน้ำ มีใครอยากไปกับแม่ไหม” ปวีณาหันหลังไปถามแพรพรรณที่นั่งเล่นมือถืออยู่เบาะหลัง
“พรรณพาไปค่ะ” แพรพรรณเก็บกระเป๋าเงินใส่กระเป๋าสะพาย แล้วลงจากรถเดินไปเปิดประตูให้ป้าณา
ด้านแสงเหนือก็ลงจากรถ ไปยืนบนฟุตบาทบอกแม่ว่า
“เดี๋ยวผมจะเข้าไปซื้อกาแฟ แม่เอาอะไรไหมครับ”
“ซื้อนมเปรี้ยวเย็นๆมาให้แม่สักสองกล่องด้วยนะเหนือ” ปวีณาบอกลูกชาย แล้วก็เดินไปเข้าห้องน้ำ
“ครับ” แสงเหนือขานรับแม่ แล้วหันไปถามแพรพรรณว่า
“แล้วเธอล่ะเอาอะไรไหม”
เพราะเกรงใจป้าปวีณา แพรพรรณจึงจำใจพูดกับชายหนุ่มว่า
“อะไรก็ได้”
“อะไรก็ได้ งั้นฉันซื้อไส้กรอกมาให้นะ แต่จะไส้กรอกในร้านอาจจะเล็กไปหน่อยนะคงไม่ถูกใจเธอแน่ เดี๋ยวไปถึงกรุงเทพค่อยกินไส้กรอกใหญ่ๆก็แล้วกัน” แสงเหนือบอกพลางทำหน้าทะเล้นใส่เธอ
“ไอ้บ้า” เธอด่าเขา และเดินตามป้าปวีณาไปเข้าห้องน้ำ ช่วงที่กำลังเดินไปล้างมือ เสียงมือถือก็ดังขึ้น
แพรพรรณยิ้มจนแก้มแทบแตก เมื่อเห็นหน้าชายคนรักในมือถือ แล้วเธอก็กดรับสาย “สวัสดีค่ะ พี่แทน”
เมื่อเขาถาม เธอก็บอกเขาว่า “ค่ะ อีกประมาณห้าโมงเย็นคงถึงบ้านค่ะ เดี๋ยวพรรณถามป้าณาก่อนนะคะ” แพรพรรณยิ้มใส่มือถือ เมื่อแฟนหนุ่มชวนให้ไปหอพักของเขา
และจังหวะที่ปวีณาออกจากห้องน้ำ และเดินไปล้างมือ เธอได้ยินแพรพรรณคุยโทรศัพท์จึงถาม “ใครโทรมาเหรอพรรณ”
“พี่แทนค่ะป้าณา” แพรพรรณปิดลำโพงมือถือ แล้วบอกปวีณา
“อ้อพ่อแทนแฟนของพรรณใช่ไหม” ปวีณาพยักหน้ารับรู้
“ค่ะ” เธอบอกปวีณา แล้วกระซิบเสียงเบาพูดกับคนในสายว่า
“พี่แทนแค่นี้ก่อนนะคะ ค่ะ ไว้เจอกันค่ะ”
ก่อนที่จะวางสาย แพรพรรณก็รับปาก เมื่อคนในสายชวนให้ไปหาคืนนี้ และเป็นช่วงเวลาที่แสงเหนือมาได้ยินพอดี เขาจึงพูดเสียงหยั่นๆว่า
“นี่เธอยังไม่เลิกกับไอ้หน้าจืดนั้นอีกเหรอ”
“นี่ตาเหนือ ทำไมปากร้ายอย่างนี้นะ” ด้านปวีณาไม่ได้แค่ดุ แต่เธอตีแขนลูกชาย
“แม่ ตีผมทำไมครับ ผมเจ็บนะ” แสงเหนือร้องโอ๊ย เพราะเจ็บจริง
“นิสัยเสียนะเรา ไปว่าพี่เขาหน้าจืดได้ยังไง ปะ ขึ้นรถกัน” ปวีณาบ่นให้ลูกชายแล้วขึ้นรถ เมื่อเจ้าลูกชายเปิดประตูให้ ซึ่งแสงเหนือก็ขึ้นรถหลังจากแพรพรรณขึ้นไปนั่งเบาะหลัง
ช่วงเวลาที่แสงเหนือขับรถออกจากปั้มน้ำมันนั้น แพรพรรณเมินสายตาไม่ยอมมองตาของแสงเหนือที่เหลือบมองผ่ากระจกมองหลัง
ซึ่งเธอพูดกับป้าณาว่า “ป้าณาคะ ถ้าถึงกรุงเทพแล้ว พรรณขอออกไปหาพี่แทนที่หอพักของพี่แทนได้ไหมคะ”
“ป้าว่า..” ปวีณากำลังปฏิเสธ ไม่อยากให้ลูกสาวของเพื่อนคลาดสายตา แต่เธอไม่ทันได้พูด ไอ้ลูกชายตัวดีก็พูดขึ้นว่า
“เป็นผู้หญิงยิงเรือ ดันออกไปหาผู้ชายถึงห้องเลยนะเธอ”
แสงเหนือพูดเสียงเยาะ สายตาสีเข้มก็มองเธอในกระจกมองหลัง
“ฉันจะออกไปหาพี่แทนแฟนของฉัน มันหนักส่วนไหนของนายเหรอ” แพรพรรณสวนกลับ โดยที่เธอนั่งกอดอกมองทิวทัศน์ข้างนอกผ่านกระจกรถด้านข้าง
“ไม่หนักหรอก แต่เธอเป็นผู้หญิงไง ออกไปหาผู้ชายแบบนั้น เธอนั่งแหละจะเสียหาย” แสงเหนือพูดเพราะหวังดีประสงค์ร้าย
“ผู้ชายที่นายพูดถึงนะ พี่เขาเป็นแฟนฉันนะ” แพรพรรณยกกำปั้นใส่ เมื่อได้สบตาไอ้คนเจ้าเล่ห์
ด้านแสงเหนือทำหน้าทะลึ่ง ยิ้มมุมปากบอกเธอว่า
“แค่แฟน แต่ฉะ..” แล้วเขาก็บอกให้เธอดูปาก ที่ขยับอย่างช้าๆแต่ไม่ออกเสียงว่า ‘แต่ฉันเป็นผัวเธอนะ’
“ไอ้เหนือ ไอ้บ้า” แพรพรรณเลือดขึ้นหน้า เมื่อได้รู้ว่าเขาพูดอะไร ซึ่งเธอเข้าไปเกาะเบาะด้านหลังของคนขับ และยื่นมือทุบที่หัวของแสงเหนือรัวติดกันหลายที
โป๊กกก!!!..
แสงเหนือที่กำลังขับรถสองมือนั้นกำพวงมาลัย เขาต้องปล่อยมือข้างหนึ่งเพื่อลูบหัว พลางร้องเสียงหลงว่า
“โอ๊ย! นี่เธอเป็นบ้าหรือไง มาเขกหัวฉันทำไม เจ็บนะโว้ย”
“ถ้านายพูดไม่ดีกับฉันอีก ฉันจะไม่เขกหัวนายอย่างเดียวแน่ แต่ฉันจะบีบคอให้ตายไปจากโลกนี้เลย”
เพราะความโกรธจึงทำให้แพรพรรณถีบเบาะรถที่แสงเหนือนั่งไปหนึ่งทีโดยไม่เกรงใจป้าณา
“กลัวตายแหละ ยัยบ้าประสาท แบรร” แสงเหนือหัวเราะชอบใจ พร้อมทั้งแลบลิ้นปลิ้นตาใส่หญิงสาว
“ไอ้ผีบ้า” แพรพรรณยื่นมือจะหยุมผมของชายหนุ่ม เธอก็ชะงักเมื่อป้าปวีณาพูดแทรกขึ้นว่า
“เป็นอะไรกัน ทำไมเดี๋ยวลูกสองคนชอบทำหน้าหักใส่กันจัง ทะเลาะกันทุกวัน ไม่สมกับเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่เด็กเลย”
“ป้าณาก็ดูไอ้บ้านี่สิคะ” แพรพรรณรีบฟ้องป้าณา
“นี่ก็หยุดได้แล้ว เหนือตั้งใจขับรถหน่อย มองถนนโน้น” ด้านปวีณาหันไปดุลูกชาย พลางหยิกที่แขนเพราะหมั่นไส้
“โอ๊ยแม่ หยิกผมทำไมครับ” แสงเหนือร้องลั่นรถ ทำให้แพรพรรณสะใจ ยิ้มเยาะเขาเมื่อได้มองตากันผ่านกระจกรถมองหลัง
“ยังจะเถียงแม่อีก” ปวีณาสั่งลูกชายเสียงเขียว…
แสงเหนือขับรถต่อไปด้วยความหงุดหงิด เขาขับรถไปวางแผนร้ายไป
‘ฝันไปเถอะที่จะได้ไปหาแฟนของเธอ ยัยพรรณ’