กู้เยว่ฉีชะงัก เมื่อวานนางนอนคิดดีแล้ว ไม่ว่าฝันนั้นจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่? แต่ความเจ็บปวดที่นางได้สัมผัสสร้างความหวาดกลัวลึกๆ ขึ้นในใจ นางตัดสินใจจะตัดวาสนาระหว่างตนกับหลิงจางเหว่ยไปเสีย
“ท่านพ่อ เรื่องนี้ข้าว่า....”
“เจ้าเป็นคนบอกกับพ่อเองว่าหากต้องการทำให้สกุลกู้ยิ่งใหญ่ เจ้าต้องได้เป็นชายาของหลิงอ๋องซื่อจื่อ วันนี้คนของเราบังเอิญได้ยินว่ามีคนคิดจะลอบสังหารคนผู้นั้นในคืนเทศกาลชีซี เป็นโอกาสเหมาะที่เจ้าจะได้ใกล้ชิดกับเขาในฐานะผู้ช่วยชีวิต”
บุตรสาวฟังแล้วนิ่งไปอึดใจ เรื่องที่นางสงสัยค่อยๆ แย้มพรายออกมา
“เหตุใดเจ้าทำสีหน้าเช่นนั้น?”
“ท่านพ่อ ข้ามีเรื่องข้องใจเกี่ยวกับสกุลหลิงเจ้าค่ะ”
ใต้เท้ากู้ขมวดคิ้ว “เจ้าสงสัยอันใดหรือ?”
“เรายังไม่สืบเรื่องภายในของสกุลหลิงให้แน่นอน แต่ข้ากลับบุ่มบ่ามคิดจะไปเป็นสะใภ้ ครั้งนี้เราควรชะลอแผนการออกไปอีกสักหน่อยได้หรือไม่?”
“เยว่เอ๋อร์ ครั้งนี้เหมาะที่สุดแล้ว อย่าลืมนะว่าการลอบสังหารไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ พ่อจะเตรียมยอดฝีมือเอาไว้ช่วยเจ้าเอง ไม่ต้องกังวล” กู้เจินรู้ว่าบุตรสาวของตนเป็นสตรีเจ้าเล่ห์ แม้นางจะไม่มีวรยุทธ์แต่ก็ไม่เคยกลัวเกรงสิ่งใด
“ท่านพ่อ เราเปลี่ยนแผนสักหน่อยดีหรือไม่?”
“อย่างไรหรือ?” ใต้เท้ากู้เลิกคิ้ว เขาเชื่อในสติปัญญาของบุตรสาวคนโตเสมอมา นางเป็นคนวางแผนช่วยเขาให้เลื่อนตำแหน่งขุนนางได้อย่างรวดเร็ว
“คราวนี้ให้เสี่ยวเฉินเป็นคนไปช่วยหลิงอ๋องซื่อจื่อดีกว่าเพื่อให้เขารู้สึกว่าสกุลกู้มีบุญคุณช่วยชีวิต พอเสี่ยวเฉินสนิทกับเขาแล้วก็จะสามารถเข้านอกออกในจวนหลิงอ๋องได้ จากนั้นค่อยสืบเรื่องภายในให้แน่ชัด”
“เยว่เอ๋อร์ เจ้าพูดเช่นนี้ ไปรู้สิ่งใดมาหรือ? เหตุใดจึงไม่เล่าให้พ่อฟัง?”
“ท่านพ่อ บางเรื่องหากข้าพูดออกไปวันนี้ท่านคงไม่เชื่อ รอให้ข้าหาหลักฐานมายืนยันให้ได้ก่อน ข้าจะเปิดเผยทุกเรื่องราวให้ท่านฟังเอง”
“ได้ พ่อเชื่อเจ้า ถ้าอย่างนั้นในเทศกาลชีซี พ่อจะให้เสี่ยวเฉินเป็นคนไปคอยซุ่มช่วยเหลือหลิงอ๋องซื่อจื่อก็แล้วกัน”
แค่คิดถึงใบหน้าของบุรุษผู้นั้น กู้เยว่ฉีก็รู้สึกปวดแปลบในใจ ‘หลิงจางเหว่ย’ บุรุษที่สร้างความเจ็บปวดและความแค้นจนยากจะลืมเลือน ดวงตาของหญิงสาวพลันแดงก่ำ
“เยว่เอ๋อร์ เจ้าเป็นอันใดไป?”
น้ำตาเจียนจะหยาดหยด หญิงสาวกระพริบตาถี่ๆ “ท่านพ่อ ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอกลับไปพักก่อนนะเจ้าคะ”
“ไปเถิด นอนให้มากหน่อย เผื่อว่าเจ้าจะดีขึ้น”
วันขึ้นเจ็ดค่ำเดือนเจ็ดก็มาถึง ผู้คนจากแต่ละบ้านล้วนตื่นเต้นกับเทศกาลชีซี หญิงสาวทั้งหลายต่างตั้งโต๊ะบูชาขอเทพเจ้าให้พวกนางมีความสุขและสมหวังในความรัก กู้ฮูหยินเรียกลูกสาวมานั่งสวดมนต์อธิษฐานที่สนามหญ้าหน้าบ้าน
“เยว่เอ๋อร์มาเร็วเข้า เจ้าเป็นลูกสาวคนโตของสกุลกู้ หากว่าเจ้าสุขสมหวัง คนทั้งบ้านก็จะพลอยมีความสุขไปด้วย”
กู้เยว่ฉีมองดูทางเชือกเผือกที่ร่ำลือกันว่าสาวทอผ้ากับหนุ่มเลี้ยงวัวจะมาพบกันปีละครั้งด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย ชีวิตเดิมของนางก็ไม่ได้คิดจะแสวงหารักแท้ ขอเพียงได้เสวยสุขอยู่เหนือคนนับหมื่นนางก็พอใจแล้ว ในส่วนชีวิตใหม่นี้ นางคิดจะพาสกุลกู้หลบหลีกหายนะ หนีจากสกุลหลิงและสกุลมู่ไปตั้งรกรากยัง เมืองอื่น ตำแหน่งขุนนางของบิดาอาจจะพอโยกย้ายได้ แต่กิจการเดินเรือของท่านอา ยากจะนำไปได้
“เจ้าเลิกทำหน้านิ่วคิ้วขมวดได้แล้ว วันนี้แม่สื่อจากสกุลเซียวก็มา นับว่าชื่อเสียงของเจ้าไม่เลวเลยจริงๆ”
“ท่านแม่ ข้าบอกแล้วว่าเราต้องตรวจสอบสถานการณ์รอบด้านอย่างเข้มงวด ท่านอย่าได้รับปากผู้ใดส่งเดชเชียว”
กู้ฮูหยินถอนหายใจ “แม่รู้ๆ ท่านพ่อก็กำชับแม่เอาไว้แล้ว เรื่องนี้ต้องผ่านการตัดสินใจของท่านพ่อ แม่ไม่กล้าทำสุ่มสี่สุ่มห้าหรอกน่า”
อนุภรรยาสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังและกู้เจียลี่บุตรสาวคนที่สามได้แต่ถอนหายใจ ในเมื่อใต้เท้ากู้ให้ความสำคัญกับบุตรสาวคนโตมาก ทุกคนจึงไม่อาจจะมีปากมีเสียง ไม่เว้นแม้แต่กู้ฮูหยิน
ไม่นานนักใต้เท้ากู้ก็ให้คนมาตามกู้เยว่ฉี
“ท่านแม่เจ้าคะ ข้าต้องออกไปธุระสำคัญกับท่านพ่อ คืนนี้ฝากท่านกำชับทุกคนในจวนอย่าออกไปข้างนอกโดยเด็ดขาด”
กู้เจียลี่หน้าเสีย นางหันไปมองมารดา “ท่านแม่ เทศกาลชีซีแท้ๆ แต่คุณหนูใหญ่กลับไม่ยอมให้พวกเราออกจากบ้าน เช่นนี้ไม่ใจร้ายกับพวกเราหน่อยหรือเจ้าคะ?”
อนุเสิ่นกำลังจะอ้าปากพูดจากเข้าข้างบุตรสาว แต่พอหันไปเห็นสีหน้าของกู้ฮูหยิน นางจำต้องสงบปากสงบคำ
“เจียลี่ หากว่าพี่หญิงใหญ่บอกหรือเตือน เจ้าต้องฟังนาง จำไม่ได้หรือ?”
กู้เจียลี่รีบก้มหน้า คำสั่งกู้เยว่ฉีเป็นสิ่งที่ทุกคนในจวนต้องให้ความเคารพไม่ต่างจากคำสั่งของนายท่านกู้ “เจ้าค่ะ”
“พวกเจ้าแยกย้ายกันเข้าเรือนได้แล้ว”
เสียงดนตรีภายนอกฟังแล้วครึกครื้น ยิ่งมีการยิงพลุดังขึ้นเป็นระยะๆ ก็ยิ่งเร้าใจ คนในจวนสกุลกู้นอนฟังเสียงจากภายนอกด้วยความเสียดาย แต่คนส่วนใหญ่ล้วนเชื่อกันว่าคำเตือนของนายท่านย่อมมีเหตุผล
ใต้เท้ากู้บอกแผนของตนให้กับบุตรสาวและบุตรชายรู้ “คืนนี้พ่อเตรียมคนไว้ถึงหกสิบคน ได้ยินว่ามือสังหารมีมาเพียงสามสิบ พวกเขาจะดักลงมือที่แยกด้านหน้า เสี่ยวเฉินเจ้าเตร็ดเตร่อยู่แถวๆ นี้ก็แล้วกัน ถ้าหลิงอ๋องซื่อจื่อมาถึงพ่อจะให้คนส่งสัญญาณให้”
“ขอรับ”
“เยว่เอ๋อร์ เจ้าขึ้นไปดูบนหอคอย เผื่อผิดแผนจะได้ช่วยเหลือเรียกมือปราบได้ทัน ให้เหล่าพานคอยติดตามเจ้าก็แล้วกัน” ใต้เท้ากู้ผายมือไปทางองครักษ์อีกกลุ่ม
“ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ข้าจะจับตาดูพวกเขาไม่ให้คลาดสายตา” กู้เยว่ฉีเดินนำหน้าองครักษ์กลุ่มหนึ่งไปอีกทาง พอใกล้จะถึงหอคอยสามชั้น นางก็สั่งให้องครักษ์กระจายตัวอยู่รอบๆ “ตกลงกันตามสัญญาณเดิม หากว่าข้าโบกผ้าสีแดงให้รีบเรียกมือปราบ”
“คุณหนู ท่านจะขึ้นไปบนคอหอยคนเดียวหรือขอรับ?”
“ใช่ ไม่ต้องห่วงข้าหรอก ข้าพกอาวุธมาด้วย” หญิงสาวควักเอามีดสั้นที่ซ่อนไว้ข้างในเสื้อออกมา “อ้อ ที่ขาก็มีนะ”
ตั้งแต่กู้เยว่ฉีกลับมาจากการหายตัวไปสองวัน ทุกครั้งที่นางจะออกจากจวนก็จะซ่อนอาวุธไว้ในขากางเกงและเหน็บที่เอว หัวหน้าองครักษ์สงสัยว่าคุณหนูใหญ่คงจะเจอเรื่องน่ากลัวมากจนหวาดระแวง
พอองครักษ์เดินจากไป กู้เยว่ฉีก็เดินไปดูรอบๆ หอคอย พลันสายตานางก็สังเกตเห็นแผ่นหลังคุ้นตาของคนผู้หนึ่ง ลวดลายบนเสื้อผ้าของเขาทำให้ดวงตาของนางเบิกโพลง
‘หลิงจางเหว่ย มาแถวนี้ทำไมกัน?’
นางรีบสาวเท้าตามไป หลิงจากเหว่ยมากับองครักษ์คู่ใจสองคน เขาเดินเข้าไปในตรอกเล็กๆ กู้เยว่ฉีใจเต้นตึกตักจนต้องยกมือขึ้นลูบหน้าอกตนเอง ความโกรธแค้นชิงชังปะทุขึ้นมาอย่างยากจะห้ามใจ
‘อย่าตื่นเต้น เยว่ฉี ตอนนี้เจ้ากับเขายังเป็นแค่คนแปลกหน้าต่อกัน’
เสียงสนทนาของบุรุษทั้งสามแม้จะไม่ดังมากแต่นางก็พอจะได้ยิน
“แผนของพวกเจ้าพร้อมหรือยัง?” เสียงสามีในฝันที่แสนคุ้นเคยดังขึ้น
“ขอรับ มือสังหารพวกนั้นซุ่มรออยู่ รอให้รถม้าของสกุลกู้เข้ามาใกล้ พวกเขาก็จะลงมือตามที่ท่านสั่ง”
“ดี เราต้องสร้างโอกาสให้นางเสียหน่อย”
*********************